พระเจ้าตาลูน (
พม่า: သာလွန်မင်း, ออกเสียง: [θàlʊ̀ɴ]; 17 มิถุนายน 2127 – 29 สิงหาคม 2191) เป็นพระอนุชาของ
พระเจ้าอโนเพตลุน และเป็นพระโอรสของ
พระเจ้าสีหสุธรรมราชา หรือ เจ้านยองยาน พระโอรสของ
พระเจ้าบุเรงนอง กล่าวคือพระองค์เองและพระเชษฐาธิราชต่างก็เป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าชนะสิบทิศบุเรงนองพระเจ้าตาลูน ทรงครองราชย์ต่อจาก
พระเจ้ามินแยไดกปา ผู้เป็นพระภาติยะของพระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ได้รับการยกย่องมากองค์หนึ่งของพม่า โดยเฉพาะในด้านศาสนาและการปกครอง ทรงจัดสวัสดิการให้ประชาชน ปรับปรุงระเบียบการปกครอง ฟื้นฟูหลักพระธรรมศาสตร์ในสมัยพุกาม ทำนุบำรุงพุทธศาสนา ได้รับการยกย่องเป็นธรรมราชาด้านการทหาร ทรงสามารถเกณฑ์ไพร่พลเพิ่มจาก 20,000 เป็น 400,000 ได้ และต้านทานการรุกรานจากจีนได้ในปี
พ.ศ. 2180 อาณาจักรของพระองค์ครอบคลุมพม่าในปัจจุบัน (ยกเว้น
ยะไข่) และ
ล้านนาทั้งหมด (กล่าวกันว่ารวมถึง
ล้านช้างด้วย) อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าสนใจคือ ที่กล่าวกันว่าพระองค์บำรุงพระศาสนานั้น อันที่จริงก็มีความเกี่ยวพันกับการเกณฑ์ทหารและแรงงาน กล่าวคือปี คศ. 1636 พระองค์จัดสอบเพื่อวัดความรู้พระไตรปิฎกสำหรับพระและเณร ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้พระองค์ต้องการคัดแยกคนที่มาบวชเป็นพระเพียงเพราะต้องการหนีการเกณฑ์ไพร่พลออกไปเสีย เพราะโดยทั่วไปพระสงฆ์จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องไปเป็นทหารในระบบ ผู้สืบราชบัลลังก์ต่อจากพระเจ้าตาลูนมิได้บังคับให้พระต้องสอบวัดความรู้ แต่ยังคงควบคุมกระบวนการเข้าระบบสงฆ์
[5]พระองค์ทรงย้ายเมืองหลวงจาก
หงสาวดี กลับไป
อังวะ ในปี พ.ศ. 2178 ซึ่งเป็นฐานอำนาจเดิมของพระบิดาและพระเชษฐาเนื่องจากหงสาวดีทรุดโทรมมาก จากผลของการศึกสมัย
พระนเรศวร และถูกพวกยะไข่เผา และต้องการกลับไปยังอังวะซึ่งเป็นเมืองดั้งเดิมของชาวพม่า (หงสาวดีเดิมเป็นเมืองของชาวมอญก่อนถูกพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ตีแตกและย้ายเมืองหลวงมา) รัชสมัยของพระองค์เน้นการศาสนามาก จนละเลยหัวเมืองมอญ อันส่งผลให้หัวเมืองมอญกบฏในเวลาต่อมา และเมื่อปี พ.ศ. 2191 พระเจ้าตาลูนสิ้นพระชนม์ เหล่าขุนนางเลยอัญเชิญ
พระเจ้าพินดาเล พระราชโอรสของพระองค์ครองราชย์ต่อไป