ผลกระทบจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา ของ พรีเมียร์ลีก_ฤดูกาล_2019–20

ตั้งแต่เดือนมีนาคม พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้รับผลกกระทบจากการระบาดทั่วของไวรัสโคโรนา[24] โดยเมื่อวันที่ 10 มีนาคม นัดการแข่งขันระหว่าง แมนเชสเตอร์ซิตี พบกับ อาร์เซนอล ได้ถูกเลื่อนออกไปก่อน ซึ่งแต่เดิมนั้นมีกำหนดแข่งในวันถัดไป หลังจากมีการเลื่อนมาก่อนหน้านี้เนื่องจาก แมนเชสเตอร์ซิตี ต้องลงแข่งในรายการ อีเอฟแอลคัพ 2020 นัดชิงชนะเลิศ สาเหตุมาจากผู้เล่นจำนวนหนึ่งของอาร์เซนอลได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับ เอวานเกโลส มารินาคิส เจ้าของ โอลิมเบียโกส ซึ่งเขาติดเชื้อไวรัสโคโรนา หลังทดสอบการตรวจเลือดแล้วมีผลเป็นบวก โดยทั้งสองทีมได้พบกันในรายการยูโรปาลีกเมื่อ 13 วันก่อน[25] นี่เป็นฤดูกาลแรกของแข่งขันฟุตบอลอังกฤษ ที่มีการหยุดการแข่งขัน ตั้งแต่ ฤดูกาล 1939–40 ซึ่งในฤดูกาลดังกล่าวถูกยกเลิกหลังแข่งขันไปแค่สามนัด เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง[26]

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม มีการเปิดเผยว่าผู้เล่นของเลสเตอร์ซิตีสามคนนั้นถูกกักตัว[27] แมนเชสเตอร์ซิตีประกาศว่า แบ็งฌาแม็ง แมนดี กองหลังของทีมถูกกักตัวหลังสมาชิกในครอบครัวแสดงอาการป่วยจากไวรัส[28] ต่อมาในตอนเย็น มีการยืนยันว่า มิเกล อาร์เตตา ผู้จัดการทีมของอาร์เซนอล ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหลังตรวจเลือดแล้วมีผลเป็นบวก[29] ทำให้การแข่งขันระหว่าง ไบรตันแอนด์โฮฟอัลเบียน กับ อาร์เซนอล ในวันที่ 14 มีนาคม ที่อาแม็กซ์สเตเดียม ถูกเลื่อนออกไปก่อน[30] เมื่อวันที่ 13 มีนาคม เชลซี ประกาศว่า แคลลัม ฮัดสัน-โอดอย ปีกของทีม ติดเชื้อไวรัสโคโรนาหลังตรวจเลือดแล้วมีผลเป็นบวก[31]

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม การประชุมฉุกเฉินระหว่าง พรีเมียร์ลีก, สมาคมฟุตบอล (หรือ เอฟเอ), อิงกลิชฟุตบอลลีกและเอฟเอวีเมนส์ซูเปอร์ลีก หลังการประชุม มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ระงับการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในอังกฤษ อย่างน้อยจนถึงวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 2020[2] เมื่อวันที่ 19 มีนาคม การระงับได้ถูกขยายออกไปอย่างน้อยจนถึงวันที่ 30 เมษายน ค.ศ. 2020[32] ในเวลาเดียวกัน สมาคมฟุตบอล ตกลงขยายการแข่งขันในฤดูกาลนี้ออกไปอย่างไม่มีกำหนด เลยกำหนดเดิมคือวันที่ 1 มิถุนายน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2020 แมตต์ แฮนคอก เลขาธิการแห่งรัฐเพื่อการดูแลสุขภาพและสังคม เรียกร้องให้ผู้เล่นในพรีเมียร์ลีกลดค่าจ้างของตัวเองระหว่างการระบาดทั่ว[33] สมาคมนักฟุตบอลอาชีพ ปฏิเสธข้อเรียกร้องดังกล่าว เพราะพวกเขารู้สึกว่าจะทำให้มีผลกระทบต่อ กระทรวงการคลัง ด้วยการสูญเสียรายได้จากภาษีเงินได้[34] หลายสโมสร รวมไปถึง วอตฟอร์ด, เซาแทมป์ตันและเวสต์แฮมยูไนเต็ด ตกลงที่ชะลอการจ่ายค่าจ้างให้กับผู้เล่น[35] ต่อมาในเดือนเมษายน พรีเมียร์ลีกได้ทำแผน เรียกว่า โปรเจก รีสตาร์ต เป้าหมายคือแข่งขันนัดที่เหลือจำนวน 92 นัดในช่วงระยะเวลาหกสัปดาห์ ณ สนามกลางที่ได้รับการอนุมัติ[36] วอตฟอร์ด, แอสตันวิลลาและไบรตัน เป็นทีมที่อยู่ใกล้ท้ายตาราง ให้ความคิดเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมที่จะให้แข่งขันในสนามกลาง ในขณะที่มีสถานะที่เสี่ยงจะตกชั้น แต่จะได้เปรียบถ้าไม่มีการตกชั้น[37][38] ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 2020 ผู้เล่นอนุญาตให้ฝึกซ้อมเป็นกลุ่ม เพื่อเตรียมตัวการกลับมาแข่งขันอีกครั้งของลีก พวกเขาได้รับอนุญาตให้อยู่ในกลุ่มได้ไม่เกินห้าคน พร้อมกับให้ช่วงเวลาในการฝึกซ้อมของแต่ละผู้เล่นไม่เกิน 75 นาที และต้องปฏิบัติตามกฏการเว้นระยะห่างทางสังคมในช่วงเวลาการฝึกซ้อม[39] เมื่อวันที่ 17 และ 18 พฤษภาคม ผู้เล่นและทีมงานทั้งหมดถูกตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 มีหกคนมีผลตรวจเลือดเป็นบวก รวมไปถึง เอเดรียน มาริอัปปา ผู้เล่นของวอตฟอร์ดและ เอียน โวน ผู้ช่วยผู้จัดการทีมเบิร์นลีย์[40][41][42] ต่อมาในเดือนพฤษภาคม แอรอน แรมสเดล ผู้เล่นของบอร์นมัท มีผลตรวจเลือดเป็นบวก[43]

ผู้เล่นจำนวนหนึ่ง รวมไปถึง ราฮีม สเตอร์ลิงกับเซร์ฆิโอ อาเกวโรของแมนเชสเตอร์ซิตี และแอรอน เครสเวลล์ของเวสต์แฮมยูไนเต็ด แสดงความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในแคมเปญการเริ่มการแข่งขันใหม่อีกครั้ง แดนนี โรสของนิวคาสเซิลยูไนเต็ดเรียกการตัดสินใจที่จะเริ่มใหม่ว่าเป็น "เรื่องตลก"[44][45] ทรอย ดีนีย์ของวอตฟอร์ดกล่าวว่า เขาจะไม่กลับมาซ้อมเพราะกลัวจะกระทบต่อสุขภาพของครอบครัวของเขา[46] อึงโกโล ก็องเตของเชลซีพลาดการซ้อมเพราะกังวลด้านความปลอดภัย[47] เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม สโมสรในพรีเมียร์ลีก ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้สามารถซ้อมโดยมีการสัมผัสตัวได้[48] ไทโรน มิงส์ของแอสตันวิลลา กล่าวว่า เหล่าผู้เล่นไม่เคยได้รับการปรึกษาเกี่ยวกับการเริ่มกลับมาแข่งขันใหม่เลยและเพราะว่ามัน "ขับเคลื่อนด้วยเงิน"[49]

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม สโมสรในพรีเมียร์ลีกตกลงที่จะกลับมาแข่งขันต่อในวันที่ 17 มิถุนายน[50] เริ่มต้นด้วยนัดตกค้างสองเกม ได้แก่ แมนเชสเตอร์ซิตี พบกับ อาร์เซนอล และ แอสตันวิลลา พบกับ เชฟฟีลด์ยูไนเต็ด[51] แล้วเริ่มการแข่งขันเต็มรูปแบบในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์วันที่ 19–21 มิถุนายน ซึ่งหยุดไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ในช่วงแรกการแข่งขันนัดที่เหลือนั้นจะแข่งโดยไม่มีผู้ชมในสนาม และส่วนหนึ่งของการกลับมาแข่งขันต่อ พรีเมียร์ลีกยังได้อนุญาตให้ บีบีซีสปอร์ต ถ่ายทอดสดฟุตบอลจำนวนสี่นัด เป็นครั้งแรกที่ช่องดังกล่าวถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ก่อตั้งลีกเมื่อปี ค.ศ. 1992 ซึ่ง[52] นอกจากนี้ ช่องฟรีทีวี พิก (มี สกาย เป็นเจ้าของ) จะถ่ายทอดสด 25 นัดที่เหลือ[53] แอมะซอนไพร์ม ยังได้จัดสรรการถ่ายทอดสดฟุตบอลจำนวนสี่นัดซึ่งสามารถชมได้โดยที่ไม่ต้องจ่ายค่าสมาชิก[54]

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พรีเมียร์ลีกประกาศอนุญาตให้ทีมใส่ชื่อผู้เล่นตัวสำรองได้ถึงเก้าคนต่อนัด จากปกติเจ็ดคน และสามารถเปลี่ยนตัวได้ห้าคนจากเดิมสามคน[55]

ดีลอยต์ บริษัทผู้ให้บริการทางการเงิน ประมาณการว่าสโมสรในพรีเมียร์ลีกจะสูญเสียรายได้จำนวน 1 พันล้านปอนด์ในฤดูกาล 2019–20 และอีก 500 ล้านปอนด์ สำหรับการจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ถ่ายทอดสดและรายได้จากในวันแข่งขัน[56]

มีการตรวจหาเชื้อไวรัสในวันที่ 11 และ 12 มิถุนายน พบผู้มีผลตรวจเลือดเป็นบวกสองคนโดยไม่เปิดเผยชื่อ โดนคนหนึ่งเป็นผู้เล่นจากนอริชซิตีซึ่งจำเป็นต้องกักตัว ทำให้ไม่สามารถลงแข่งขันได้ พบผู้มีผลตรวจเลือดเป็นบวกจำนวน 16 คน จากการตรวจเลือดทั้งหมด 8,687 เคส[57]

ก่อนการกลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง พรีเมียร์ลีกได้จัดทำแนวทางที่จะต้องปฏิบัติตามในทุกนัด โดยทุกนัดจะต้องแข่งขันโดยไม่มีผู้ชม จำกัดเฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องให้อยู่ในสนามได้ไม่เกิน 300 คน ทุกสนามถูกแบ่งออกเป็นสามโซน ได้แก่ โซนสีแดง (ในสนามและเขตเทคนิค), โซนสีเหลือง (อัฒจันทร์) และโซนสีเขียว (ด้านนอกสนาม) โดยมีข้อจำกัดว่าใครได้รับอนุญาตให้เข้าโซนไหนได้บ้าง การตั้งแถวบนสนามของผู้เล่นและทีมงานต้องยืนสลับฟันปลาและไม่มีการจับมือก่อนแข่งขัน มีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนธงของมุมธง, เสาประตู, ป้ายเปลี่ยนตัวและลูกบอล ก่อนและหลังการแข่งขันทุกครั้ง ผู้เล่นและทีมงานผู้ฝึกสอนระหว่างการเดินทางไปแข่งขัน ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม การสัมภาษณ์หลังการแข่งขันต้องทำบนสนามและการแถลงข่าวต้องทำแบบออนไลน์[58]

ใกล้เคียง

พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023–24 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022–23 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021–22 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2019–20 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2017–18 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011–12 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2012–13 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2020–21 พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018–19

แหล่งที่มา

WikiPedia: พรีเมียร์ลีก_ฤดูกาล_2019–20 http://www.90min.com/posts/5006692-revealed-newcas... http://www.chelseafc.com/news/latest-news/2016/10/... http://global.espn.com/soccer/stats/_/league/ENG.1... http://www.evertonfc.com/news/2017/09/16/everton-s... http://www.footyheadlines.com/2016/12/watford-anno... http://www.insideworldfootball.com/2017/06/22/bour... http://www.lcfc.com/news/article/180714-201415-pum... http://www.premierleague.com/en-gb.html http://www.premierleague.com/en-gb/matchday/league... http://www.premierleague.com/news/1670563