130–171 °C (266–340 °F; 403–444 K)
พอลิโพรพีลีน (
อังกฤษ: polypropylene, ย่อ PP) หรือ
พอลิโพรพีน (polypropene) เป็น
พอลิเมอร์เทอร์โมพลาสติกในกลุ่ม
พอลิโอลีฟิน พอลิโพรพีลีนมีคุณสมบัติคล้าย
พอลิเอทีลีน เป็นสารไม่มีขั้ว ทนต่อไขมันและตัวทำละลายอินทรีย์เกือบทั้งหมด มีจุดหลอมเหลวประมาณ 130–171 °ซ และจุดวาบไฟที่อุณหภูมิสูงกว่า 300 °ซ
[1] เจ. พอล โฮแกนและรอเบิร์ต แบงส์ค้นพบกระบวนการเตรียมพอลิโพรพีลีนในปีค.ศ. 1951
[2] ขณะที่กระบวนการปรับแต่งโครงสร้างพอลิโพรพีลีนถูกค้นพบครั้งแรกโดย
จูลีโย นัตตา นักเคมีชาวอิตาลีในปีค.ศ. 1954 ทำให้เขาและ
คาร์ล ซีกเลอร์ได้รับ
รางวัลโนเบลสาขาเคมีในปีค.ศ. 1963
[3]พอลิโพรพีลีนเตรียมได้จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบลูกโซ่ของ
โพรพีน การผลิตพอลิโพรพีลีนในเชิงอุตสาหกรรมแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ แบบแก๊สที่ใช้การผ่านแก๊สโพรพีนเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์ที่มีตัวเร่งปฏิกิริยาจนได้พอลิเมอร์เป็นชิ้น ๆ, แบบบัลค์ที่ใช้โพรพีนในรูปของเหลวทำปฏิกิริยากับอีทีนในเครื่องปฏิกรณ์แบบวน และแบบสเลอรีที่ใช้แอลเคนที่มีคาร์บอน 4–6 อะตอมทำปฏิกิริยากับแก๊สโพรพีน การจัดเรียงของ
หมู่เมทิลในโครงสร้างมีผลอย่างมากต่อคุณสมบัติของพอลิโพรพีลีน โดยการจัดเรียงนี้สามารถกำหนดได้จาก
ตัวเร่งปฏิกิริยาซีกเลอร์–นัตตา โครงสร้างผลึกของพอลิโพรพีลีนสามารถแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ isotactic polypropylene (iPP) ซึ่งแยกย่อยเป็นแอลฟา บีตาและแกมมา
[4] มีจุดหลอมเหลวราว 170–220 °ซ
[5], syndiotactic polypropylene (sPP) ที่มีจุดหลอมเหลว 161–186 °ซ เตรียมได้จากตัวเร่งปฏิกิริยาเมทัลโลซีนเท่านั้น
[6] และ atactic polypropylene (aPP) ที่ไม่มีผลึกในโครงสร้าง ทำให้มีจุดหลอมเหลวต่ำกว่า 2 แบบแรกและมีรูปแบบคล้ายยางที่อุณหภูมิห้อง
[7] โดยทั่วไปพอลิโพรพิลีนมีความยืดหยุ่นทนทานและทนต่อ
ความล้า[8] มีความหนาแน่นระหว่าง 0.895–0.92 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร (g/cm3) ทำให้พอลิโพรพิลีนเป็นพลาสติกโภคภัณฑ์ที่มีความหนาแน่นต่ำที่สุด พอลิโพรพีลีนมีค่า
มอดุลัสของยังประมาณ 1300–1800 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร (N/mm2) และมี
ความแข็งแรงแรงดึงสูงสุดราว 19.7–80 เมกะปาสกาล (MPa) ผ้าทำจากพอลิโพรพิลีนไม่ไวไฟ แต่เมื่อติดไฟแล้วจะหลอมติดผิวหนังผู้สวมใส่ได้
[9]พอลิโพรพีลีนเป็นพลาสติกที่
แปรใช้ใหม่ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นสูงและไม่ดูดซึมน้ำ พอลิโพรพีลีนจึงถูกนำไปใช้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น ของเล่น เสื้อผ้า บรรจุภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และชิ้นส่วนรถยนต์
[10] บางครั้งใช้แทน
พอลิไวนิลคลอไรด์ (PVC) เป็นฉนวนในสายไฟฟ้าในพื้นที่ปิด เนื่องจากพอลิโพรพีลีนก่อควันและแก๊สพิษน้อยกว่าเมื่ออยู่ในอุณหภูมิสูง
[11] คณะทำงานด้านสิ่งแวดล้อมระบุว่าพอลิโพรพีลีนมีอันตรายระดับต่ำถึงกลาง
[12] ขณะที่มาตรฐานว่าด้วยการจำแนกสารเรซินจัดให้พอลิโพรพีลีนเป็นหมายเลข 5 บนสัญลักษณ์จำแนกเรซิน
[13] และยอมรับโดยทั่วไปว่าปลอดภัย
[14]