ปัจจุบัน ของ ฟลอยด์_เมย์เวทเธอร์_จูเนียร์

ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ มีประกาศว่าจะแขวนนวมหลายต่อหลายครั้ง โดยเคยหยุดชกไปนานถึง 2 ปีเต็ม แต่ท้ายที่สุดก็วกกลับมาชกมวยอีกครั้งจนได้[5] โดยสามารถเอาชนะคะแนน เชน มอสลีย์ นักมวยชาวอเมริกันด้วยกันไปได้ และในเดือนกันยายน พ.ศ. 2554 เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ก็เอาชนะทีเคโอยกที่ 4 วิคเตอร์ ออร์ติซ ไปได้ หลังจากชกเข้า 2 หมัดที่กรามในจังหวะที่ออร์ติชไม่ทันได้ระวังตัว หลังจากออร์ติชใช้ศีรษะโขกเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ จนกรรมการต้องจับทั้งคู่แยก และตัดคะแนนออร์ติช และออร์ติชไม่ทันได้ระวังตัว ทำให้ได้กลับมาได้แชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ของสภามวยโลกไปอีกครั้ง ซึ่งการชกในครั้งนี้เป็นการชกครั้งแรกของเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ หลังจากหยุดไปนาน 16 เดือนด้วยกัน ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ อ้างว่าโมโหที่ถูกกระทำผิดกติกาก่อน[6]

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2553 เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่าทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว ท้ายที่สุดถูกศาลนครลาสเวกัสพิพากษาให้เข้าเรือนจำเป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2555 - กันยายน ปีเดียวกัน[7]

นอกจากนี้แล้ว เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าตัวสูงสุดในปี พ.ศ. 2553 โดยทำรายได้ไปทั้งสิ้น 85 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,550 พันล้านบาท) ทั้ง ๆ ที่ชกเคลื่อนไหวไปแค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยทำรายได้เหนือกว่าไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟอาชีพลชาวอเมริกัน[8]

ปัจจุบัน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ได้รับการทาบทามให้ชกกับ แมนนี ปาเกียว นักมวยซูเปอร์สตาร์อีกคนของวงการมวยโลกชาวฟิลิปปินส์ ซึ่งทั้งคู่ปรากฏข่าวคราวว่าจะได้ชกกันอยู่หลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องคลาดแคล้วกันไปในที่สุด[9][10]

แต่ในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้เซ็นสัญญาชกกันเป็นที่เรียบร้อย โดยกำหนดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ที่เอ็มจีเอ็มการ์เดนอารีนา ในนครลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา โดยคาดว่าค่าตัวของทั้ง 2 น่าจะไม่น้อยกว่า 250 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,000 ล้านบาท) สำหรับ เมย์เวทเทอร์ จูเนียร์ จะได้รับส่วนแบ่งร้อยละ 60 ขณะที่ ปาเกียว จะยอมรับส่วนแบ่งที่น้อยกว่า คือ ร้อยละ 40 รวมทั้งยังมีรายได้สิทธิประโยชน์ด้านอื่นตามมาอีก เช่น ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดผ่านดาวเทียม [11]

ผลการชก ปรากฏว่า ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เป็นฝ่ายดักชกอยู่วงนอก ขณะที่ปาเกียวเป็นฝ่ายเดินออกหมัดเข้าหา และสามารถไล่เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ พิงเชือกแล้วรัวหมัดได้ในยกที่ 6 และยกที่ 8 เมื่อครบ 12 ยก เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์เป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ 118-110, 116-112 และ 116-112 โดยเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอมรับว่า แมนนี่ ปาเกียว เป็นคู่ชกที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่พบมา และได้ประกาศสละแชมป์ทั้งหมดที่ตนครองอยู่ในวันถัดมา เนื่องจากตั้งใจว่าจะชกอีกเพียงครั้งเดียวในเดือนกันยายน ปีเดียวกัน ก็จะแขวนนวมไปในที่สุด[12] [13] แต่ก็พร้อมที่จะให้ปาเกียวแก้มืออีกครั้ง [14]

ต่อมา ทาง WBO ก็ได้ประกาศริบเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นเวลเตอร์เวทของ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมจัดการชกในครั้งนี้จำนวน 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,800,000 บาท[15])

ต่อมา เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ประกาศว่าจะชกมวยเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 12 กันยายน ปีเดียวกัน กับ อังเดร เบอร์โต นักมวยชาวอเมริกันเชื้อสายเฮติ ซึ่งหากสามารถเอาชนะในครั้งนี้ได้ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ จะทำสถิติชนะรวดเทียบเท่า ร็อกกี้ มาร์เซียโน่ อดีตนักมวยผิวขาวชาวอเมริกันผู้เป็นตำนานในรุ่นเฮฟวี่เวทในอดีต คือ ชนะรวด 49 ครั้ง ซึ่งเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็สามารถเอาชนะคะแนนไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ และหลังการชกเมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ก็ได้ยืนยันบนเวทีอีกครั้งว่านี่เป็นการชกครั้งสุดท้ายแล้วของตน [16][17][18] [19]

โดยตลอดระยะเวลา 19 ปี ที่ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ชกนั้น ทำเงินรายได้รวมทั้งหมดกว่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 24,500 ล้านบาท) นับเป็นนักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดของโลก มากกว่านักกีฬาระดับซูเปอร์สตาร์ในประเภทอื่นหลายคน เช่น ลิโอเนล เมสซิ หรือคริสเตียโน โรนัลโด [20]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฟลอยด์_เมย์เวทเธอร์_จูเนียร์ http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/645791 http://www.boxingnews24.com/2015/08/ellerbe-confir... http://www.chaoprayanews.com/2015/07/08/%E0%B8%A3%... http://ringtv.craveonline.com/ratings/ http://www.newsweek.com/floyd-mayweather-jr-confir... http://www.sbnation.com/2015/9/13/9317711/mayweath... http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=6441... http://www.floydmayweatherjr.org/ http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsI... http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsI...