ผู้แต่ง ของ มธุรัตถวิลาสินี

นิคมนกถา หรือ คำส่งท้ายเรื่องของมธุรัตถวิลาสินี ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าพระพุทธทัตตะคือผู้รจนาคัมภีร์นี้ ดังปรากฏข้อความว่า "พระเถระโดยนามที่ท่านครูทั้งหลายขนานให้ปรากฏว่า พระพุทธทัตตะ แต่งคัมภีร์อรรถกถา ชื่อมธุรัตถวิลาสินี" [2]

โดยท่านผู้รจนาพรรณนาว่า คัมภีร์นี้แต่งขึ้นขณะที่ ท่านจำพรรษาอยู่ที่วิหารริมฝั่งชุมทางแม่น้ำกาวีระ แถบท่าเรือกาวีระ ในแคว้นโจฬะ อินเดียใต้ โดยท่านพักอาศัยอยู่ ณ พื้นปราสาทด้านทิศตะวันออกในวิหารนั้น โดยวิหารอันงดงามและรื่นรมย์สมดังที่ท่านพรรณนาว่า "มีกำแพงและซุ้มประตูอันงามโดยอาการต่างๆ ถึงพร้อมด้วยร่มเงาและน้ำ น่าดู น่ารื่นรมย์ เป็นที่คับแคบแห่งทุรชนที่ถูกกำจัด เป็นที่สงัดสบาย น่าเจริญใจ" แห่งนี้ สร้างขึ้นโดยสาธุชนผู้มีนามว่า กัณหทาส[3]

ข้อมูลชั้นเดิมระบุว่า ผู้ที่รจนาคัมภีร์นี้คือพระพุทธทัตตะ พระเถระชาวอินเดียใต้สมัยราชวงศ์โจฬะ ผู้เดินทางไปสืบพระศาสนาที่ลังกาและอยู่ร่วมสมัยกับพระพุทธโฆสะ แม้แต่ข้อมูลชั้นหลังส่วนใหญ่ก็ระบุตรงกันว่า พระพุทธทัตตะคือ ผู้รจนาคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินี [4] โดยท่านได้รับการอาราธนาจากพุทธสีหะ ให้แต่งคัมภีร์นี้ขึ้น เพื่อทำลายความชั่วร้ายในใจปวง เพื่อความตั้งมั่น แห่งพระพุทธศาสนา เพื่อความเกิดและเจริญแห่งบุญของปวงประชารวมถึงตัวท่านผู้รจนาเอง และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อยังมหาชนให้เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า [5]

อย่างไรก็ตาม มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คัมภีร์อรรถกถานี้อาจจะเป็นงานที่มีก่อนพระพุทธโฆสะไปลังกาด้วยซ้ำ [6] โดยคาดว่า เนื่องจากมีผู้แสดงความเห็นว่าพระพุทธทัตตะอาจมีอายุมากกว่าหรือเท่ากับพระพุทธโฆสะ แต่ข้ออ้างนี้ตกไปเนื่องจาก [7]นอกจากนี้ในคัมภีร์พุทธโฆสุปปัตติ หรือชีวประวัติพระพุทธโฆสะระบุว่า พระพุทธทัตตะเดินทางไปลังกาก่อนอีกฝ่ายเพื่อรจนาคัมภีร์ชินาลังการ และคัมภีร์ทันตะธาตุโพธิวงศ์ แต่มิได้รจนาอรรถถาหรือฎีกาอธิบายพระไตรปิฎกแต่อย่างใด จึงอาราธนาให้พระพุทธโฆสะช่วยรจนาอรรถกถาพระไตรปิฎกด้วย [8] หลักฐานส่วนนี้ช่วยยืนยันความเป็นไปได้ที่มธุรัตถวิลาสินีอาจถูกรจนาขึ้นหลังจากยุคที่ผลงานของพระพุทธโฆสะเจิดจรัสในลังกา

ทั้งนี้ ในคัมภีร์จูฬคันถวงศ์ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมสารบัญคัมภีร์ทางพุทธศาสนา แต่งขึ้นในพม่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 ระบุว่า มธุรัตถวิลาสินีแต่งขึ้นโดยผู้ที่มีนามว่ากัสสปะ อย่างไรก็ตาม คาดว่าเป็นการระบุถึงคัมภีร์คนละเล่มกัน [9]