ราชการทหาร ของ มังฆ้องนรธา

ค.ศ. 1752 อองไจยะ รวบรวมผู้คนเข้ารบกับกองกำลังของอาณาจักรหงสาวดีทางใต้ ซึ่งได้โค่นล้มราชวงศ์ตองอูได้สำเร็จ อองไจยะปราบดาภิเษกตนเองขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ และทรงตั้งพระนามแก่ตนเองว่า "อลองพญา" (พระโพธิสัตว์) มังฆ้องนรธาได้ติดตามร่วมรบในการทำสงครามของพระเจ้าอลองพญา และสามารถได้รับยศตำแหน่งตามลำดับ เป็นผู้นำหนึ่งในกองทัพพม่าระหว่างการรบกับมณีปุระในปี ค.ศ. 1758 ซึ่งส่งผลทำให้มณีปุระเป็นรัฐบรรณาการของอาณาจักรโก้นบอง[5]

มังฆ้องนรธาเป็นหนึ่งในแม่ทัพระดับสูงในการรุกรานอาณาจักรอยุธยาในปี ค.ศ. 1759 โดยเป็นผู้นำกองทัพหนึ่งในสามซึ่งมาบรรจบกันที่กรุงศรีอยุธยาในเดือนเมษายน ค.ศ. 1760 ฝ่ายพม่าจวนได้ชัยชนะ แต่พระเจ้าอลองพญาทรงพระประชวรจากโรคบิดเสียก่อน[6]

พระเจ้าอลองพญาทรงเจาะจงเลือกพระสหายในวัยเยาว์คนนี้เป็นผู้บัญชาการทหารกองหลัง ซึ่งเป็นสุดยอดของกองทัพ ประกอบด้วยทหารม้า 500 นาย และทหารเดินเท้า 6,000 นาย ทั้งหมดมีปืนคาบศิลา[4] เขาสั่งให้ทหารเหล่านี้เดินทัพออกไป และอีกสองวันต่อมา เมื่อกรุงศรีอยุธยาทราบว่าทัพหลวงพม่าได้ยกกลับไปแล้ว จึงได้ส่งกองทัพออกไล่ติดตาม ทหารของเขาเฝ้ามองวงล้อมที่ค่อย ๆ บีบเข้ามา โดยกลัวว่าจะถูกตัดออกจากส่วนที่เหลือของกองทัพ จึงร้องขอให้ถอยทัพเร็วมากกว่านี้ แต่เขากล่าวว่า "สหาย ความปลอดภัยของพระเจ้าอยู่หัวของเราอยู่ในการรักษาของพวกเรา ขอพวกเราอย่าถอยเร็วไปมากกว่านี้ด้วยเสียงของปืนจะรบกวนการบรรทมของพระองค์ท่าน" และด้วยความเป็นผู้นำนี้เอง ทำให้กองทัพพม่าสามารถล่าถอยได้อย่างเป็นระเบียบ และสามารถรวบรวมผู้ที่พลัดหลงไปได้ตลอดทาง[4]