ประวัติ ของ มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน

มัสยิดหลังแรก

ซากปรักหักพังของมัสยิดหลังเดิมบนโปสการ์ดของฝรั่งเศส ป.1900

วันที่มัสยิดหลังแรกถูกสร้างนั้น ยังไม่ทราบที่แน่ชัด แต่สันนิษฐานว่ามันถูกสร้างในระหว่างช่วงต้นค.ศ.1200 aถึงปลายค.ศ.1330[1] หลักฐานที่กล่าวถึงมัสยิดหลังแรกอยู่ใน ตาริค อัสซูดาน ของอับดุซซาดี ซึ่งถูกบันทึกในช่วงกลางศตวรรษที่ 17 ได้กล่าวว่าสุลต่านคุนบูรูเข้ารีตกลายเป็นมุสลิมและรื้อพระราชวังของพระองค์พร้อมกับสร้างเป็นมัสยิด แล้วค่อยสร้างพระราชวังใหม่ใกล้มัสยิดอยู่ทางด้านตะวันออก[2] หลังจากนั้นผู้สืบทอดได้สร้างหอคอยของมัสยิดในขณะที่สุลต่านองค์ต่อไปได้สร้างกำแพงล้อมรอบ[3]

ไม่มีหลักฐานอื่นเกี่ยวกับมัสยิดนี้ที่ถูกบันทึกอีกเลย จนกระทั่งเรอเน คะลี (René Caillié) นักสำรวจชาวฝรั่งเศสได้มาเยี่ยมเมืองเจนเนในปีค.ศ.1828 และเขียนว่า "ที่เจนเนมีมัสยิดที่สร้างด้วยดิน โดยมันมีหอที่ไม่ค่อยสูงอยู่สองอัน มันถูกปล่อยร้างจนมีนกนางแอ่นมาทำรังกว่าพันตัว ทำให้มีโอกาสเกิดกลิ่นที่ไม่พรึงประสงค์ได้ จึงทำให้ผู้คนต้องละหมาดข้างนอก"[4]

มัสยิดของเซกู อามาดู

มัสยิดของเซกู อามาดูในปีค.ศ.1895 ภาพจากTombouctou la Mystérieuse ของเฟลิกซ์ ดูบัวส์

สิบปีก่อนที่เรอเนจะมาเยี่ยมที่นี่ เซกู อามาดู (Seku Amadu) ผู้นำชาวฟูลา ได้ทำการญิฮาดและครอบครองเมืองนี้ พระองค์ไม่พอพระทัยกับมัสยิดหลังเก่าและปล่อยให้มันผุพัง และพระองค์ทรงสั่งให้ปิดมัสยิดเล็กที่อยู่โดยรอบให้หมด[5] ในช่วงระหว่างปีค.ศ.1834 ถึง ค.ศ.1836 พระองค์ได้สั่งสร้างมัสยิดใหม่อยู่ทางตะวันออกของพระราชวังเก่า[6]

กองทัพฝรั่งเศสที่นำทัพโดยหลุยส์ อาร์คินาร์ด (Louis Archinard) ได้ยึดเมืองเจนเนในเดือนเมษายน ค.ศ.1893. จากนั้น เฟลิกซ์ ดูบัวส์ (Félix Dubois) ได้มาที่เมืองนี้แล้วอธิบายถึงมัสยิดหลังเก่า[7] ในช่วงที่เขามา ด้านในของมัสยิดที่พังแล้วถูกใช้เป็นสุสาน[8] และในหนังสือ Tombouctou la Mystérieuse (ทิมบักตูที่ลึกลับ) ของเขาในปีค.ศ.1897 เขาได้วาดภาพจำลองว่ามัสยิดเป็นอย่างไรก่อนที่มันจะถูกทิ้งร้าง[9]

มัสยิดหลังปัจจุบัน

มัสยิดในปัจจุบัน ถ่ายที่หลังตลาดของเมืองนี้ เมื่อปีค.ศ.2003

ดูบัวส์ได้มาที่เจนเนอีกรอบในปีค.ศ.1910 และรู้สึกตะลึงกับอาคารใหม่ เขาเชื่อว่าพวกฝรั่งเศสได้ออกแบบและทำให้มัสยิดดูเหมือนกับการผสมกันระหว่างเม่นกับออร์แกนในโบลถ์ เขาคิดว่าตรงกรวยทำให้สิ่งก่อสร้างดูเหมือนกับวิหารบาโรก[10] แต่ฌ็อง-หลุยส์ โบชัว (Jean-Louis Bourgeois) ได้โต้แย้งว่าพวกฝรั่งเศสไม่ค่อยรู้ถึงรายละเอียด ยกเว้นตรงบริเวณโค้งที่ยังคง "เป็นแบบแอฟริกัน"[11]

มิเชล เลริส (Michel Leiris) นักชาติพันธุ์วิทยาชาวฝรั่งเศส ได้เดินทางมาที่มาลีในปีค.ศ.1931 ได้กล่าวว่ามัสยิดใหม่นี้เป็นผลงานของชาวยุโรป และกล่าวด้วยว่าชาวบ้านรู้สึกไม่มีความสุุขกับมัสยิดใหม่ และไม่ยอมทำความสะอาด เว้นเสียว่าพวกเขาจะใช้นักโทษทำความสะอาดเท่านั้น[12]

ที่ระเบียงด้านหน้าทางฝั่งกำแพงตะวันออกมีสุสานสองที่ สุสานอันใหญ่คือที่ฝังของอัลมานีย์ อิสไมลา (Almany Ismaïla) อิหม่าม คนสำคัญในศตวรรษที่ 18[13] ในช่วงต้นของสมัยอาณานิคมฝรั่งเศส บ่อน้ำที่ตั้งทางฝั่งตะวันออกของมัสยิดถูกถมเพื่อสร้างพื้นที่ว่าง และในปัจจุบันมันได้กลายเป็นตลาดที่ขายทุกสัปดาห์[14]

ในปีค.ศ.1996 ทางนิตยสารโว้ก ได้จัดงานแฟชันโชว์ในมัสยิด ซึ่งทำให้ชาวบ้านในท้องถิ่นโมโห และทำให้คนที่ไม่ใช่มุสลิมถูกสั่งห้ามเข้ามัสยิดนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป[15] ตัวมัสยิดได้ปรากฏในภาพยนตร์ พิชิตขุมทรัพย์หมื่นฟาเรนไฮต์.

แหล่งที่มา

WikiPedia: มัสยิดใหญ่แห่งเจนเน http://www.intlistings.com/articles/2008/25-simply... http://www.sebastianschutyser.com/engels/banco.htm... http://gallica.bnf.fr/ark:/12148/bpt6k1667505 http://gallica.bnf.fr/ark:/12148/bpt6k1667505/f185... http://www.kamit.jp/27_mali/mal_eng.htm http://archnet.org/publications/2868 http://archnet.org/sites/6395 //doi.org/10.2307%2F3334324 //doi.org/10.2307%2F3336477 //www.jstor.org/stable/3334324