บทความนี้อ้างอิง
คริสต์ศักราช/คริสต์ทศวรรษ/คริสต์ศตวรรษ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา
มาตราทองคำ (
อังกฤษ: gold standard) เป็นระบบเงินตราซึ่งหน่วยวัดมูลค่าทางเศรษฐกิจมาตรายึดกับ
ทองคำปริมาณคงที่หนึ่ง มาตราทองคำใช้เป็นพื้นฐานของระบบเงินตราระหว่างประเทศตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1870 ถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1920 และตั้งแต่ปลายคริสต์ทศวรรษ 1920 ถึงปี 1932
[1][2] ตลอดจนตั้งแต่ปี 1944 ถึง 1971 เมื่อสหรัฐเลิกการให้แปลงเงินดอลลาร์สหรัฐกับทองคำ ซึ่งเป็นการยุติ
ระบบเบรตตันวูดส์[3] ทั้งนี้ หลายรัฐยังมี
ทองคำสำรองปริมาณพอสมควร
[4][5]ในอดีต มาตราเงินและระบบโลหะสองชนิด (bimetallism) ใช้กันแพร่หลายกว่ามาตราทองคำ
[6][7] การเปลี่ยนมาใช้มาตราทองคำเป็นระบบเงินตราต่างประเทศล้วนเป็นอุบัติเหตุ ความผิดปกติของเครือข่าย และผลจากสถานการณในอดีต (path dependency)
[6] บริเตนใหญ่ใช้มาตราทองคำโดยพฤตินัยจากอุบัติเหตุในปี 1717 เมื่อเซอร์
ไอแซก นิวตัน ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าโรงกษาปณ์หลวง ตั้งอัตราแลกเปลี่ยนเงินเป็นทองคำต่ำเกินไป ทำให้เหรียญเงินหมดไปจากระบบ เมื่อบริเตนใหญ่กลายเป็นมหาอำนาจทางการเงินและพาณิชย์ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 รัฐอื่นจึงเริ่มรับระบบการเงินของบริเตนไปใช้ด้วยมากขึ้น ๆ
[8]มาตราทองคำถูกยกเลิกไปเสียส่วนใหญ่ระหว่าง
ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ก่อนมีการนำกลับมาใช้อย่างจำกัดเป็นส่วนหนึ่งของระบบเบรตตันวูดส์หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มาตราทองคำถูกยกเลิกไปเนื่องจากมีความโน้มเอียงต่อความผันผวน ตลอดจนทำให้รัฐบาลเกิดข้อจำกัด คือ ต้องมีอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ รัฐบาลไม่สามารถใช้นโยบายการเงินแบบขยายตัวเพื่อลดการว่างงานระหว่างภาวะเศรษฐกิจถดถอย เป็นต้น
[9][10] มีฉันทามติในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ว่าการหวนกลับไปใช้มาตราทองคำจะไม่เกิดประโยชน์
[11] และนักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ปฏิเสธแนวคิดที่ว่ามาตราทองคำ "มีประสิทธิภาพในการรักษาเสถียรภาพราคาและช่วยลดความผันผวนของวัฏจักรธุรกิจระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 19"
[12]