ประวัติ ของ มาตามนัด

2527–2528 : อภิชาติ-อัจฉราพรรณ

อภิชาติ-อัจฉราพรรณ พิธีกรคู่แรก

รายการ มาตามนัด ได้นำตัวอย่างรูปแบบเกมโชว์ชื่อ "Pyramid" จากสหรัฐมาดัดแปลง และมีการตั้งคำถามให้เข้ากับบรรยากาศและรสนิยมของคนไทย เพื่อการนำเสนอในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ หรือ หลังข่าวภาคค่ำ[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งเป็นช่วงที่สถานีโทรทัศน์ทุกช่องเสนอละครหรือภาพยนตร์ แต่เนื่องจากละครของรัชฟิล์มทีวีไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงนำรายการเกมโชว์มาเสนอในช่วงเวลาดังกล่าวจนได้ผล[ต้องการอ้างอิง] โดยนัดแรกเริ่มออกอากาศวันที่ 5-7 มิถุนายน พ.ศ. 2527 โดยมีอภิชาติ หาลำเจียก กับอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ เป็นพิธีกร เดิมทีรายการวางตัวพิธีกรไว้เป็นอภิชาติ กับพรพรรณ เกษมมัสสุ แต่เนื่องจากถ่ายทำเทปแรกไปแล้ว พรพรรณไม่สามารถทำหน้าที่ให้ดีได้ จึงเปลี่ยนพิธีกรหญิงเป็นอัจฉราพรรณในที่สุด[ต้องการอ้างอิง]

เกมการแข่งขันในยุคแรก กำหนดให้มีผู้แข่งขันสัปดาห์ละ 5 ท่าน ซึ่งมาจากความมีชื่อเสียงทางด้านการแสดง และทางบ้านที่ส่งจดหมายสมัครเข้าร่วมรายการ โดยเริ่มเกมการตอบปัญหาในวันแรก ด้วยคำถาม 15 ข้อ พิธีกรจะอ่านคำถาม ถ้าตอบถูกจะได้คะแนนหรือแย่งคะแนนจากผู้เข้าแข่งขันที่เลือกคำถาม ตอบผิดติดลบหรือโดนแย่งคะแนน วันที่สองเป็นการ "ใบ้คำ" โดยเหลือผู้เล่นเพียง 4 คน แบ่งเป็นทีมละ 2 คน โดยกำหนดให้เป็นผู้ใบ้คำและผู้ทาย ทีมใดทายคำได้คะแนนมากที่สุดจะผ่านเข้ารอบในวันสุดท้าย ซึ่งเป็นการแข่งรถจำลอง เพื่อหาผู้ชนะเพียงคนเดียวหรือ "The Winner" เข้ารอบแจ็กพอต โดยถ้าหากเปิดแผ่นป้ายต่อรูปรถเก๋งให้เต็มคันจะได้รับของรางวัลสูงสุดเป็นรถเก๋ง และผู้เข้าแข่งขันที่ร่วมรายการทุกคน จะได้รับของรางวัลปลอบใจ ซึ่งจะมีเกมรอบสะสมรางวัล (โบนัส) ในแต่ละวัน

มาตามนัดเป็นรายการแรกของวงการโทรทัศน์ไทย ที่ใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยดำเนินรายการ[1] ผสานกับการดำเนินรายการของคู่พิธีกร ที่อาศัยไหวพริบปฏิภาณและเป็นกันเองมาก จึงได้รับความสนใจและความนิยมเพิ่มมากขึ้น[ต้องการอ้างอิง] โดยการแข่งขันเกมในแต่ละครั้ง จะมีการถ่ายทำในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ที่สตูดิโอรัชฟิล์ม ก่อนการออกอากาศประมาณ 2 สัปดาห์[ต้องการอ้างอิง] โดยบุญชาย ศิริโภคทรัพย์ ผู้บริหาร 72 โปรโมชั่น เจ้าของรายการโลกดนตรี ก็เคยเป็นผู้กำกับรายการมาตามนัดในยุคแรก

2529–2536 : เศรษฐา-ญาณี

คนยืน เศรษฐา-ญาณี คู่พิธีกร คนนั่ง ไตรภพ ลิมปพัทธ์-ประภัทร์ ศรลัมพ์ ผู้เข้าแข่งขัน

ในปี พ.ศ. 2529 เศรษฐา ศิระฉายา และญาณี จงวิสุทธิ์ เข้ามาเป็นพิธีกรคู่ต่อมา ในเทปซึ่งออกอากาศระหว่างวันที่ 10-12 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นการพบกันครั้งแรกของคู่พิธีกรนี้ โดยที่ทั้งคู่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย โดยเฉพาะญาณีเป็นพิธีกรหน้าใหม่ของวงการ[2]

รูปแบบการแข่งขันเกม มีการปรับเปลี่ยนอยู่หลายครั้ง ตามความนิยมและเทคนิคการนำเสนอ โดยเกมวันแรก เป็นการตอบคำถามจากพิธีกรและจากวีทีอาร์ และจากการวาดภาพโดยอู๊ดดี้ เกมวันที่สองยังคงเป็นการใบ้คำ เกมวันสุดท้าย เปลี่ยนเป็นการวาดภาพและทายภาพ โดยผู้แข่งขันกันเอง และรอบแจ็กพอต แบบแรกเป็นการเปิดป้ายคำว่า "มาตามนัด" ให้ครบ และแบบที่สองเป็นการจับคู่ตัวตั้งและตัวตามให้ตรงกัน โดยเป็นยุคที่รายการประสบความสำเร็จถึงขีดสุด สามารถครองตำแหน่งรายการยอดนิยมอันดับ 1 อยู่หลายปี[ต้องการอ้างอิง] ส่งผลให้เศรษฐาและญาณี กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำรายการไปด้วย จนยุติการดำเนินรายการร่วมกัน ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2536

อนึ่งในยุคนี้ รายการยังเคยจัดทำเทปพิเศษ โดยออกอากาศพร้อมกันทางไทยทีวีสีช่อง 3 ,ททบ.5, ช่อง 7 สี และช่อง 9 อ.ส.ม.ท. ในช่วงเวลากลางวันคือ 13.00-14.00 น. เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2534 เพื่อหารายได้สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา[ต้องการอ้างอิง] โดยมีเหล่าดาราจากค่ายต่าง ๆ มาร่วมเล่นเกม

สำหรับยุคนี้ เริ่มมีการใช้พิธีกรภาคสนาม และวิทยากรประจำรายการ เพื่อเพิ่มเสน่ห์และสีสันให้กับรายการ อันได้แก่ นารากร ติยายน เคยเป็นพิธีกรภาคสนามช่วง ลุยตามนัด ของเกมในวันแรก ส่วน "อู๊ดดี้" หรือ บัณฑิต ทนุโวหาร เข้ามาเป็นผู้วาดภาพการ์ตูนปริศนา ในช่วงท้ายของเกมวันแรก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2531[3] และจักรกฤษณ์ หาญวิชัย เป็นโฆษกในช่วงวีทีอาร์ รวมทั้งบรรยายผู้สนับสนุนรายการ

2536–2537 : มาตามนัด ฮาวมัช

รายการได้เปลี่ยนชื่อเป็น มาตามนัด ฮาวมัช เริ่มออกอากาศเดือนเมษายน พ.ศ. 2536 พร้อมทั้งเปลี่ยนพิธีกรฝ่ายหญิง เป็นจริญญา หาญณรงค์ (ในหน้าที่ผู้ช่วยพิธีกรเท่านั้น) โดยเกมการแข่งขันวันแรก เป็นการตอบคำถามจากเทปรายการฮาวมัช ของประเทศญี่ปุ่น โดยให้ผู้แข่งขันทายว่า สิ่งของชิ้นนั้นมีราคาเท่าไร ผู้ที่ทายราคาใกล้เคียงกับราคาจริง จะได้พินสะสมไป 1 พิน ผู้เข้าแข่งขันที่สะสมพินได้มากที่สุด 2 ท่าน จะผ่านเข้ารอบสู่การแข่งขันวันที่สอง ซึ่งต้องแข่งกับผู้ร่วมรายการเพิ่มอีก 2 คน โดยเกมวันที่สอง เป็นเกมใบ้คำ เกมวาดภาพ รอบแจ็กพอต และเพิ่มช่วงเกมตอบคำถามปรัศนีย์ ซึ่งมีคู่พี่น้องดาวตลก คือเทพ และน้อย โพธิ์งาม เป็นปรัศนีย์ประจำเกมนี้

ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2537 รายการมีอายุครบ 10 ปี และเศรษฐาขอลาออกจากพิธีกร จึงมีการเปลี่ยนพิธีกรใหม่ โดยให้อนุรักษ์ พลอยเพชร และนนทิยา จิวบางป่า อดีตนักร้องชื่อดังมาดำเนินรายการแทน

2537 - 2538 : สันติสุข - ณัฐสิมา - ณัฏฐพล

เนื่องจากอนุรักษ์ และ นนทิยาไม่สามารถทำหน้าที่พิธีกรได้ดีเท่าที่ควร[ต้องการอ้างอิง] จึงมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบเกมใหม่อีกครั้ง และกลับมาใช้ชื่อ "มาตามนัด" ตามเดิม พร้อมเปลี่ยนพิธีกรจากคู่เป็นทีม ได้แก่ สันติสุข พรหมศิริ, ณัฏฐพล กรรณสูต และ ณัฐสิมา คุปตะวาทิน (เดิมเป็นพิธีกรรับเชิญประจำสัปดาห์) และในปี พ.ศ. 2538 รายการลดวันออกอากาศ เหลือเพียงวันจันทร์ เวลา 22.00-23.00 น. จากนั้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จสวรรคต มาตามนัดร่วมถวายความอาลัย ด้วยการประมวลภาพของรายการที่ผ่านมา หลังจากนั้นเป็นการจัดเกมโชว์นัดพิเศษ[ต้องการอ้างอิง] โดยเทปสุดท้ายของรายการ ออกอากาศในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ก่อนเปลี่ยนเป็นรายการ "น้ำใจ"[ต้องการอ้างอิง] รวมจำนวนครั้งที่ออกอากาศทั้งสิ้น 1,562 ตอน

2555–2556 : มาตามนัด รีเทิร์น

มาตามนัด รีเทิร์น
ตราสัญลักษณ์ประจำรายการโทรทัศน์มาตามนัด รีเทิร์น
ประเภทเกมโชว์
พัฒนาโดยฟันแอนด์ฟอร์จูน
เสนอโดยเศรษฐา ศิระฉายา
ญาณี จงวิสุทธิ์
บรรยายโดยจักรกฤษณ์ หาญวิชัย
ประเทศแหล่งกำเนิดไทย
ภาษาต้นฉบับไทย
การผลิต
ผู้อำนวยการสร้างดวงมณี ศรีทัศนีย์
สถานที่ถ่ายทำมูนสตาร์สตูดิโอ
ความยาวตอน50 นาที
การแพร่ภาพ
เครือข่าย/ช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี
ระบบภาพ4:3 SDTV
การออกอากาศแรก6 สิงหาคม พ.ศ. 2555 – 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556
แหล่งข้อมูลอื่น
เว็บไซต์

แบบแรก ใช้เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม - 25 ธันวาคม 2555[ต้องการอ้างอิง]มีการนำการแข่งขันที่เคยใช้ในยุคเศรษฐา - ญาณี มาเล่นกันอีกครั้ง โดยได้มีการพลิกแพลงและเพิ่มกติกาให้เหมาะสมกับเวลาออกอากาศ โดยในวันแรก จะทำการแข่งขันสองเกม เกมแรก คือ "อยากถาม" ซึ่งมีคำถามทั้งสิ้น 5 ข้อด้วยกัน ญาณีจะอ่านคำตอบทั้งหมด 3 คำตอบ หลังจากนั้น เศรษฐาจะอ่านคำถามให้ฟัง แล้วให้กดสัญญาณไฟ ทีมที่กดไฟได้และตอบถูก จะได้รับ 2 คะแนน แต่ถ้าตอบผิด อีกทีมจะมีสิทธิ์ตอบ ถ้าตอบถูกจะได้ 1 คะแนน โดย 1 ใน 5 ข้อนั้น จะเป็นคลิปคำถามจากทางบ้านที่ส่งเข้ามาร่วมสนุกและให้แขกรับเชิญทาย ในเกมที่สองจะเป็นเกมใบ้คำ กติกาคือ หนึ่งหมวดจะมีคำ 25 คำ แต่ละคู่ต้องใบ้คำที่ปรากฏให้ได้มากที่สุด ในเวลาที่กำหนด (60/90 วินาที) ถ้าถูกได้คำละ 1 คะแนน แต่ถ้าฟาวล์ คำนั้นจะไม่นับคะแนน หากคะแนนเสมอกันจะต้องใบ้คำใน 30 วินาที หลังจากนั้นจะนำคะแนนทั้งสองรอบมารวมกันและรอบตัดสิน ทีมที่มีคะแนนมากที่สุดจะได้รับรางวัลสะสม 30,000 บาท ทีมที่แพ้จะได้รางวัลสะสม 15,000 บาท แต่ทั้ง 4 คน จะได้เข้าไปเล่นในวันถัดไป โดยจะมีการจับสลากเพื่อจับคู่ใหม่นอกรอบ

ในวันที่สองนั้น มีการแข่งขันสองเกมเช่นกัน เกมแรกชื่อว่า "อยากวาด" โดยให้สมาชิกในทีมผลัดออกมาวาดภาพให้อีกคนตอบ ในเวลา 1 นาที ตอบถูกได้ภาพละ 1 คะแนน ถ้าภาพนั้นมีการแฝงการสื่อสารด้วยท่าทางหรือน้ำเสียง ภาพนั้นจะฟาวล์และไม่ได้คะแนน (แต่ตั้งแต่วันที่ 14 สิงหาคม 2555 มีการปรับให้ใช้ท่าทางประกอบได้เล็กน้อย เมื่อมีคำหรือพยางค์ที่ถูกหลุดออกมา แต่ยังคงห้ามพูดด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม)[ต้องการอ้างอิง] ทีมที่มีคะแนนมากสุด จะได้เข้าไปเล่นในรอบถัดไป โดยทีมที่แพ้จะได้รับรางวัลคนละ 20,000 บาท เกมที่สอง ชื่อ "อู๊ดดี้ เกิดมาวาด" ซึ่งทีมที่เข้ามาในรอบนี้ จะต้องทายภาพวาดจากอู๊ดดี้ โดยการกดไฟตอบ ถ้าตอบถูกได้รับ 2 คะแนน แต่ถ้าตอบผิด อีกคนจะมีสิทธิ์ตอบ ถ้าตอบถูก จะได้รับ 1 คะแนน แต่ถ้าตอบผิด อู๊ดดี้จะวาดต่อไปจนกว่าจะมีผู้ตอบถูก รอบนี้จะเล่นทั้งหมดห้าภาพ ใครที่มีคะแนนมากสุดจะได้เข้ารอบแจ็คพ็อตมาตามนัด โดยทั้ง 2 คนจะได้รับรางวัลคนละ 35,000 บาท

ส่วนรอบแจ็คพ็อต จะเหมือนกับยุคเศรษฐา - ญาณี คือจะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 16 แผ่นป้ายเป็นตัวตาม และผู้สนับสนุนทั้งสิ้น 16 รายเป็นตัวตั้ง เดอะวินเนอร์จะต้องเลือกผู้สนับสนุน 4 จาก 16 ราย มาเป็นตัวตั้ง และเลือก 6 แผ่นป้าย จาก 16 แผ่นป้ายตัวตาม โดยกติกาคือ ถ้าตัวตามที่เลือกมานั้น ตรงกับผู้สนับสนุนที่เป็นตัวตั้ง 4 ใน 6 แผ่นป้าย จะได้รับรถยนต์ 1 คัน แต่หากต้องการรถยนต์รุ่นที่สูงกว่า ของตราสินค้าเดียวกัน จะต้องสละสิทธิ์รับรถยนต์คันก่อนหน้านี้ แล้วเลือกตัวตั้งและตัวตามอีกอย่างละแผ่นป้าย โดยต้องเลือกมาแล้วตรงกันจึงจะได้รับรางวัลใหญ่ ทั้งนี้ในแต่ละแผ่นป้ายที่เปิดมา จะมีจำนวนเงินรางวัลในแต่ละแผ่นป้ายกำกับไว้ ซึ่งเดอะวินเนอร์จะได้รับเงินรางวัลตามที่ระบุไว้

แบบที่สอง ใช้เมื่อวันที่ 2 มกราคม - 30 มกราคม 2556[ต้องการอ้างอิง] เกมแรกชื่อ "อยากใบ้" จะเป็นเกมใบ้คำ กติกาเหมือนกับแบบแรก เกมที่สองชื่อ "อยากวาด" โดยให้สมาชิกในทีมผลัดออกมาวาดภาพให้อีกคนตอบ มีการปรับให้ใช้ท่าทางประกอบได้เล็กน้อย เมื่อมีคำหรือพยางค์ที่ถูกหลุดออกมา[ต้องการอ้างอิง] ในเวลา 1 นาที ตอบถูกได้ภาพละ 1 คะแนน ถ้าภาพนั้นมีการแฝงการสื่อสารด้วยท่าทางหรือน้ำเสียง ภาพนั้นจะฟาวล์และไม่ได้คะแนน หลังจากแข่งครบแล้วนำคะแนนที่ได้ในรอบอยากใบ้และอยากวาดนำมารวมกัน ทีมใดที่มีคะแนนมากสุด จะได้เข้าไปเล่นในรอบถัดไป โดยทีมที่แพ้จะได้รับรางวัลคนละ 15,000 บาท เกมที่สามคือ รอบ "อู๊ดดี้ เกิดมาวาด" กติกาเหมือนกับแบบแรก ผู้ที่มีคะแนนมากสุดจะได้เข้ารอบแจ็คพ็อต โดยทั้ง 2 คนจะได้รับรางวัลคนละ 30,000 บาท

ส่วนรอบแจ็คพ็อต จะเหมือนกับยุคเศรษฐา - ญาณี คือจะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 16 แผ่นป้ายเป็นตัวตาม และผู้สนับสนุนทั้งสิ้น 16 รายเป็นตัวตั้ง เดอะวินเนอร์จะต้องเลือกผู้สนับสนุน 4 จาก 16 ราย มาเป็นตัวตั้ง และเลือก 6 แผ่นป้าย จาก 16 แผ่นป้ายตัวตาม โดยกติกาคือ ถ้าตัวตามที่เลือกมานั้น ตรงกับผู้สนับสนุนที่เป็นตัวตั้ง 4 ใน 6 แผ่นป้าย จะได้รับรถยนต์ 1 คัน ทั้งนี้ในแต่ละแผ่นป้ายที่เปิดมา จะมีจำนวนเงินรางวัลในแต่ละแผ่นป้ายกำกับไว้ ซึ่งเดอะวินเนอร์จะได้รับเงินรางวัลตามที่ระบุไว้

แบบที่สาม ใช้เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 - 26 มิถุนายน 2556[ต้องการอ้างอิง] รอบแรกมีชื่อว่า "นัดมาร้อง" เป็นเกมใหม่ โดยผู้เข้าแข่งขันทั้ง 2 ทีมจะออกมาร้องเพลงคนละ 2 เพลง โดยให้ผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งใส่หูฟังที่เล่นเพลงที่กำลังทายอยู่ ผู้แข่งขันคนนั้นร้องเพลงให้เพื่อนร่วมทีมทายชื่อเพลงภายใน 10 วินาที ถ้าทายถูกก่อนหมดเวลาจะได้ 2 คะแนน แต่ถ้าหมดเวลา ทางรายการจะมีตัวเลือก 2 ข้อคือ ก/ข ถ้าตอบถูกจะได้รับ 1 คะแนน หากตอบผิดจะไม่ได้คะแนน ในรอบนี้ทีมใดมีคะแนนมากกว่า ทีมนั้นจะได้รับเงินรางวัลสะสมมูลค่า 10,000 บาท (แบ่งกันคนละครึ่ง) รอบสองมีชื่อว่า "ตามมาใบ้" เป็นเกมใบ้คำ ทีมที่ทำคะแนนรวมจากรอบ "นัดมาร้อง" และ "นัดมาใบ้" ได้มากกว่าจะผ่านเข้ารอบต่อไป ส่วนทีมที่ตกรอบจะได้รับเงินรางวัลคนละ 15,000 บาท รอบที่สามคือ "อู๊ดดี้ เกิดมาวาด" ผู้ที่มีคะแนนมากสุดจะได้เข้ารอบแจ็คพ็อต โดยทั้ง 2 คนจะได้รับรางวัลคนละ 30,000 บาท

ส่วนรอบแจ็คพ็อตจะมีแผ่นป้ายทั้งหมด 16 แผ่นป้ายในแผ่นป้ายมีแผ่นป้ายป้ายหน้าพิธีกร "เศรษฐา" และ "ญาณี" อย่างละ 4 แผ่นป้าย และ มีคำว่า "มา" 3 แผ่นป้าย "ตาม" 2 แผ่นป้าย "นัด" 2 แผ่นป้าย และคำว่า "Return" 1 แผ่นป้ายเดอะวินเนอร์จะต้องเลือกแผ่นป้ายมา 6 แผ่นป้าย ถ้าหากเปิดแผ่นป้ายเจอหน้าพิธีกร "เศรษฐา" หรือ "ญาณี" คนใดคนหนึ่งครบ 4 แผ่นป้าย จะได้รับเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท และถ้าหากเปิดแผ่นป้ายคำว่า "มา-ตาม-นัด-Return" จะได้รับรถยนต์โตโยต้า ออล นิว วีออส มูลค่า 589,000 บาท และในแต่ละแผ่นป้ายจะมีจำนวนเงินรางวัลกำกับไว้ ซึ่งเดอะวินเนอร์จะได้รับเงินรางวัลตามที่ระบุไว้

รายการมาตามนัด รีเทิร์น ได้ออกอากาศเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยครั้งสุดท้ายนั้น ทางรายการฯได้ประมวลภาพแห่งความประทับใจของการออกอากาศรายการฯนี้ เท่าที่จะสามารถนำมาเผยแพร่ได้ รวมระยะเวลาการออกอากาศได้แค่ 10 เดือนเท่านั้น โดยหลังจากนั้นแล้ว สถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี จึงได้นำเสนอรายการซาย ไฟต์ติง วิทย์สู้วิทย์ 2556 จากเดิมที่เคยออกอากาศเป็นประจำทุกคืนวันพุธ มาออกอากาศแทนเวลาเดิมของรายการฯ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 รายการมาตามนัด รีเทิร์น จึงสิ้นสุดลง

รายละเอียดรายการในยุครีเทิร์น
เทปที่วันที่ออกอากาศชื่อเดอะวินเนอร์เงินรางวัลที่ได้รับแขกรับเชิญอื่น
1-26 - 7 สิงหาคม 2555วินัย สุขแสวง (ดีเจเจ๊แหม่ม กรีนเวฟ)105,200 บาท
3-413 - 14 สิงหาคม 2555ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร (พีเค)92,700 บาท
5-620 - 21 สิงหาคม 2555นท พนายางกูร (เดอะสตาร์ # 7)100,200 บาท
7-827 - 28 สิงหาคม 2555อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล (คัตโตะ ลิปตา)95,000 บาท
9-103 - 4 กันยายน 2555ดารณีนุช โพธิปิติ (ท๊อป)102,500 บาท
11-1210 - 11 กันยายน 2555เตมีย์ คุปต์ธนโรจน์ (ดีเจคิว ซี้ดเอฟเอ็ม)110,200 บาท
13-1417 - 18 กันยายน 2555พัชรศรี เบญจมาศ (กาละแมร์ ผู้หญิงถึงผู้หญิง)115,000 บาท
15-1624 - 25 กันยายน 2555พัทธ์ ชนภัณฑารักษ์ (พัตโตะ ไนน์เอ็นเตอร์เทน)115,000 บาท
17-181 - 2 ตุลาคม 2555นที ธีระเสรีวงศ์ (ธงธง มกจ๊ก)112,500 บาท
19-208 - 9 ตุลาคม 2555ภิญญาพัชญ์ ด่านอุตรา (แก้ม สำนักข่าวไทย อสมท)97,500 บาท
21-2215 - 16 ตุลาคม 2555กิจมาโนชญ์ โรจนทรัพย์ (ครูลิลลี)132,900 บาท
23-2422 - 23 ตุลาคม 2555สมพล ปิยะพงศ์สิริ (ดีเจไก่ อีเอฟเอ็ม)110,000 บาท
25-2629 - 30 ตุลาคม 2555รัตนะ ชัยชนะ (ต้น)[4]125,000 บาท
*5 - 6 พฤศจิกายน 2555งดออกอากาศ เนื่องจากถ่ายทอดสด การแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลกครั้งที่ 7
27-2812 - 13 พฤศจิกายน 2555เบญจพล เชยอรุณ (กอล์ฟ)130,000 บาท
29-3019 - 20 พฤศจิกายน 2555คมกฤษ อ่อนพาปลื้ม (ปอนด์)[4]110,000 บาท
31-3226 - 27 พฤศจิกายน 2555จุฑาธน นันท์กุลวาณิช (นัท)[4]100,200 บาท
33-343 - 4 ธันวาคม 2555เขตโสภณ สุริโยรัตนโนภาส (ซัม)[4]120,000 บาท
35-3610 - 11 ธันวาคม 2555ดวงตา ตุงคะมณี (ตุ๊ก)120,000 บาท
37-3817 - 18 ธันวาคม 2555โอนิรันต์ กรุณา (โอโม่ โปงลางสะออน)110,200 บาท
39-4024 - 25 ธันวาคม 2555กรภพ จันทร์เจริญ (โจ๊ก โซคูล)87,700 บาท
4131 ธันวาคม 2555เทปพิเศษรวมความฮารับปีใหม่
422 มกราคม 2556ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ (ดีเจ ต้นหอม)85,000 บาท
439 มกราคม 2556แวร์ โซว์และลูกสาว60,000 บาท
4416 มกราคม 2556กนกฉัตร มารยาทอ่อน (ไต้ฝุ่น เคพีเอ็น)60,000 บาท
4523 มกราคม 2556ญาญา60,000 บาท
4630 มกราคม 2556มนตรี เจนอักษร (ปุ๊)70,000 บาท
476 กุมภาพันธ์ 2556ศรา ชลาดล (นัฏ)65,000 บาท
4813 กุมภาพันธ์ 2556บอม สินเจริญ75,000 บาท

แหล่งที่มา

WikiPedia: มาตามนัด http://70-90memory.blogspot.com/2010/08/blog-post_... http://www.facebook.com/pages/%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E... http://women.mthai.com/views_Amazing-Women_11_88_4... http://www.youtube.com/watch?v=1a2KTH1ekJM&feature... http://www.youtube.com/watch?v=4Oo4UPIwTdI&feature... http://www.youtube.com/watch?v=CzLpu_Wlr8s http://www.youtube.com/watch?v=HG5T9An3rAQ http://www.youtube.com/watch?v=Hm6s8eUvmoU&feature... http://www.youtube.com/watch?v=TZUDhcUrKwc&feature... http://www.youtube.com/watch?v=bEJhd7II3Fo&feature...