ประวัติ ของ มาม่า

บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2515 โดยการร่วมทุนกันระหว่าง บริษัท เพรซิเดนท์ เอ็นเทอร์ไพรส์ จำกัด ผู้ชำนาญทางเทคโนโลยีการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กับบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด ผู้รับผิดชอบการตลาดและจำหน่ายสินค้าในประเทศไทย ซึ่งมีทุนจดทะเบียนเบื้องต้น มูลค่า 6 ล้านบาท เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ในเครื่องหมายการค้า มาม่า มีสำนักงานใหญ่แห่งแรก ตั้งอยู่ริมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และโรงงานแห่งแรก ตั้งอยู่ที่เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร[1]

  • พ.ศ. 2516 - ผู้ถือหุ้นชาวไต้หวัน โอนหุ้นของบริษัทฯ ให้กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ชาวไทย เป็นผู้บริหารต่อมาจนถึงปัจจุบัน และเริ่มออกผลิตภัณฑ์แรกคือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสซุปไก่
  • พ.ศ. 2518 - บริษัทฯ เพิ่มเครื่องจักรเป็น 3 ตัว และก่อตั้ง บริษัท เพรซิเดนท์ คอมเมอร์เชียล จำกัด เพื่อเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์
  • พ.ศ. 2519 - เปิดโรงงานแห่งที่สอง ที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี, เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 10 ล้านบาท และเตรียมการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่เพิ่มเติม
  • พ.ศ. 2521 - บริษัท นิสชิน คอนเฟกชันเนอรี จำกัด ถ่ายทอดกรรมวิธีการผลิตขนมปังกรอบ (บิสกิต) ให้แก่บริษัทฯ, สร้างโรงงานผลิตขนมปังกรอบ ภายในบริเวณโรงงานศรีราชา, เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 20 ล้านบาท และเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตั้งแต่แรกเปิดทำการตลาดหุ้นในไทย
  • พ.ศ. 2522 - ปรับปรุงเครื่องจักร ขยายกำลังการผลิต และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 32.5 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2523 - เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 37.5 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2524 - เพิ่มเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตขนมปังกรอบ และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 40 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2525 - บริษัทฯ ได้รับรางวัล ผู้ผลิตอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย (อินเตอร์แนชชันนัล เอเชีย อวอร์ด) สามปีซ้อน (2525-2527)
  • พ.ศ. 2527 - ร่วมลงทุนกับ บจก.เมียวโจ้ฟูดส์ เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง (พรีเมียม) ในเครื่องหมายการค้า เมียวโจ้
  • พ.ศ. 2528 - ร่วมลงทุนกับ บจก.เพรซิเดนท์เบเกอรี เพื่อผลิตขนมปังสด ในเครื่องหมายการค้า ฟาร์มเฮ้าส์
  • พ.ศ. 2529 - โรงงานศรีราชาสามารถผลิตได้อย่างเต็มกำลังแล้ว บริษัทฯ จึงปิดโรงงานที่หนองแขม
  • พ.ศ. 2530 - บริษัทฯ ได้รับรางวัลประหยัดพลังงาน จากกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและการพลังงาน เนื่องจากสามารถปรับปรุงการผลิต จากระบบให้ความร้อนโดยตรง (ไดเรกต์ ฮีต) เป็นการให้ความร้อนโดยอ้อม (Indirect Heat) ซึ่งส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้ถึงร้อยละ 75 และยังทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสม่ำเสมอยิ่งขึ้นด้วย
  • พ.ศ. 2531 - ร่วมลงทุนกับบริษัทสองแห่งคือ บจก.ไทยมี เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับส่งออกต่างประเทศ และ บจก.ซันโก แมชีเนอรี (ประเทศไทย) เพื่อประกอบเครื่องจักรสำหรับบรรจุภัณฑ์
  • พ.ศ. 2532 - ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต, ก่อสร้างโรงงานที่ผลิตเพื่อการส่งออก โดยมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มอบสิทธิประโยชน์ให้ และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 60 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2533 - ก่อตั้ง บริษัท เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ จำกัด โดยร่วมทุนกับ บจก.เดนิชแฟนซีฟูดส์กรุ๊ป แห่งประเทศเดนมาร์ก เพื่อผลิตขนมคุกกี ในเครื่องหมายการค้า เคลด์เซน
  • พ.ศ. 2534 - จัดตั้ง บริษัท ทีเอฟ อินเตอร์ฟูดส์ (ยูเอสเอ) อินค์. (T.F. Interfoods (USA) Inc.) เพื่อบริหารธุรกิจต่างๆ รวมทั้งเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 120 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2535 - ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังถนนศรีนครินทร์ ในเดือนมิถุนายน, ร่วมทุนจัดตั้ง บจก.คุนหมิงไทตงยีฟูดส์ เพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สำหรับจำหน่ายในสาธารณรัฐประชาชนจีน, ร่วมลงทุนกับ บจก.ไทซันฟูดส์ เพื่อผลิตน้ำผลไม้ และร่วมทุนจัดตั้ง บจก.ไดอิชิแพกเกจจิง เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับบริษัทในกลุ่ม
  • พ.ศ. 2536 - โรงงานศรีราชาได้รับการส่งเสริมการลงทุน ในเดือนมีนาคม
  • พ.ศ. 2537 - แปรรูปเป็นบริษัทมหาชน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม และร่วมลงทุนกับบริษัทสองแห่งคือ บริษัท นิสชินฟูดส์ (ไทยแลนด์) จำกัด และ บริษัท ซีพีเอ็นเทอร์ไพรส์ฟูดส์ จำกัด เขตปกครองพิเศษฮ่องกง
  • พ.ศ. 2538 - ก่อสร้างโรงงานผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปใหม่ บนเนื้อที่ 37 ไร่ ที่จังหวัดลำพูน โดยได้รับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตบะหมี่แบบซองได้จำนวน 14,256 ตันต่อปี และบะหมี่แบบถ้วยได้จำนวน 260 ตันต่อปี
  • พ.ศ. 2540 - บริษัทฯ เป็นรายแรกของประเทศไทย ที่ได้รับประกาศนียบัตร ระบบไอเอสโอ 9002 จากอาร์ดับเบิลยูทียูวี
  • พ.ศ. 2541 - พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยเสริมวิตามินเอ ธาตุเหล็ก และไอโอดีน ในผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า มาจนถึงปัจจุบัน และได้รับรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทการบริหารงานคุณภาพ จากกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม
  • พ.ศ. 2542 - พัฒนาระบบการผลิตซองเครื่องปรุง จากแบบแยกเป็นแบบติดกัน, เปลี่ยนไปใช้เครื่องป้อนอัตโนมัติ เพื่อจัดชุดก้อนบะหมี่กับซองเครื่องปรุง แทนการใช้แรงงานมนุษย์, สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ และโรงงานศรีราชา ได้รับประกาศนียบัตร ระบบ ไอเอสโอ 14001 จาก เอสจีเอส ยาร์สลีย์ และเปลี่ยนชื่อการค้า สำหรับผลิตภัณฑ์ขนมปังกรอบ จาก "นิสชิน" เป็น "บิสชิน" ในเดือนสิงหาคม
  • พ.ศ. 2543 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสหมูน้ำตก, เพิ่มการลงทุนใน บจก.เพรซิเดนท์เดนิชฟูดส์ เป็นร้อยละ 99.99 จากเดิมร้อยละ 74 และเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 180 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2544 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสหมูต้มยำ และโป๊ะแตก, โรงงานลำพูน ขยายกำลังการผลิต จากวันละ 40 ตัน เป็น 80 ตัน โดยได้รับสิทธิประโยชน์การส่งเสริมการลงทุน เมื่อเดือนกรกฎาคม, ร่วมลงทุนใน บจก.เพรซิเดนท์ฟูดส์ (กัมพูชา) ในสัดส่วนร้อยละ 30 เพื่อผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในราชอาณาจักรกัมพูชา, ได้การรับรองมาตรฐาน เอชเอซีซีพี จาก เอสจีเอส ไทยแลนด์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และมาตรฐาน อีเอฟเอสไอเอส สแตนดาร์ด สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม
  • พ.ศ. 2545 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่หยกกึ่งสำเร็จรูป รสเป็ดย่างชนิดแห้ง และ บะหมี่กี่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้งน้ำข้น, ร่วมลงทุนใน บริษัท ฟอร์พีเพิลฟูดส์ จำกัด (ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เครื่องหมายการค้า 4-Me ของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่) ในสัดส่วนร้อยละ 13 และเพิ่มการลงทุนใน บจก.ลี่ฟุ (ชิงเต่า) ฟูดส์ จากเดิมร้อยละ 19 เป็นร้อยละ 49 เป็นจำนวนเงิน 26.22 ล้านบาท
  • พ.ศ. 2546 - พัฒนาเว็บไซต์ให้ทันสมัยและชวนให้ติดตาม เพื่อประโยชน์ของการเผยแพร่ข่าวสารของบริษัทฯ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ สู่บุคคลทั่วไป และเริ่มนำระบบการจัดการสำเร็จรูป (SAP) มาใช้แทนระบบเดิม
  • พ.ศ. 2547 - ร่วมลงทุนใน บจก.ไทยอันเป่า ผลิตภัณฑ์กระดาษ
  • พ.ศ. 2548 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่โฮลวีตกึ่งสำเร็จรูป รสหมูพริกไทยดำ, เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน บจก.ไทซันฟูดส์ และ บจก.ไดอิชิแพกเกจจิง ขึ้นไปสูงกว่าร้อยละ 50
  • พ.ศ. 2550 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มแซบ, บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง (พรีเมียม) รูปแบบเกาหลี ในชื่อสินค้า "มาม่า โอเรียนทัล คิตเชน", บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็ก สูตรไม่มีผงชูรส ในชื่อสินค้า "มาม่า ก้านกล้วย" และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับชาวมุสลิม ในชื่อสินค้า "รุสกี", จากการสำรวจสุดยอดแบรนด์แห่งเอเชีย "มาม่า" เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ผู้บริโภคชาวเอเชียใน 9 ประเทศ นึกถึงเป็นอันดับที่ 115 และเป็นตราสินค้าที่คนไทยนึกถึง มากเป็นอันดับที่สอง
  • พ.ศ. 2551 - ออกผลิตภัณฑ์ใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคุณภาพสูง "มาม่า ซูเปอร์โบวล์" รสต้มยำขาหมู และ รสแกงกะหรี่หมู โดยบรรจุเนื้อหมูจริง ภายในซองรีถอร์ตอันทันสมัย, ย้ายฐานการผลิตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขนมปังทั้งหมด (บิสกิต เวเฟอร์ และ คุกกี) จากโรงงานที่ศรีราชา ไปยังโรงงานที่ระยอง ส่วนพื้นที่เดิมในโรงงานศรีราชา นำมาใช้เพิ่มกำลังการผลิตบะหมี่ถ้วย โดยใช้เครื่องจักรกำลังผลิตสูง
  • พ.ศ. 2552 - นำผลิตภัณฑ์ที่เคยผลิตในอดีต กลับมาออกใหม่คือ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสซุปไก่ และ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โปรตีนไข่
  • ปัจจุบัน - ทุนจดทะเบียน 329,704,014 บาท ประกอบด้วย หุ้นสามัญ 329,704,014 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาทต่อหุ้น ทุนชำระแล้ว 329,704,014 บาท