เนื้อหา ของ ยมก

หลักธรรมหลักที่นำมาอธิบายแจกแจงในคัมภีร์ยมกมีทั้งสิ้น 10 หลักธรรม อันได้แก่ [5]

  1. มูลยมก คือ ธรรมเป็นคู่อันเป็นมูล กล่าวถึง กุศลธรรม ธรรมอันเป็นฝ่ายดี ), อกุศลธรรม (ธรรมอันเป็นฝ่ายชั่ว ), อัพยากตธรรม (ธรรมที่ไม่ดีไม่ชั่ว และนามธรรม (ธรรมที่เกี่ยวกับจิตใจ) [6]
  2. ขันธยมก คือ ธรรมเป็นคู่ คือขันธ์ หรือขันธ์ 5 อันเป็นส่วนประกอบของร่าง และแจกแจงว่าขันธ์มีบัญญัติว่าอย่างไร (ปัณณัตติวาร ) มีวาระว่าด้วยความเป็นไปเช่นไร (ปวัตติวาร) และวาระว่าด้วยการกำหนดรู้ในขันธ์ (ปริญญาวาร) [7]
  3. อายตนะยมก คือ ธรรมเป็นคู่คืออายตนะ ประกอบด้วยอายตนะ 12 อันได้แก่ ตา, หู, จมูก, ลิ้น , กาย, รูป, เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ, ใจ, ธรรม การแจกแจงออกเป็นการบัญญัตินิยามของอายตนะ การความเป็นไป และการกำหนดรู้ [8]
  4. ธาตุยมก คือ ธรรมเป็นคู่คือธาตุห้า แบ่งย่อยเป็น 18 ได้แก่ธาตุ คือ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย; รูป, เสียง, กลิ่น, รส, โผฏฐัพพะ; ธาตุ คือ จักขุวิญญาณ, โสตวิญญาณ, ฆานวิญญาณ, ชิวหาวิญญาณ, กายวิญญาณ (ธาตุรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย); มโนธาตุ (ธาตุคือใจ), มโนวิญญาณธาตุ (ธาตุรู้ทางใจ), ธัมมธาตุ (ธาตุคือสิ่งที่รู้ได้ด้วยใจ) [9]
  5. สัจจยมก คือ ธรรมเป็นคู่คือสัจจะ อันได้แก่อริยสัจ 4 คือ ทุกขสัจจ์ ความจริงคือทุกข์, สมุทยสัจจ์ ความจริงคือเหตุให้ทุกข์เกิด, นิโรธสัจจ์ความจริงคือความดับทุกข์, มัคคสัจจ์ ความจริงคือหนทางให้ถึงความดับทุกข์ แจกแจงเป็น ปัณณัตติวาร, ปวัตติวาร และปริญญาวาร [10]
  6. สังขารยมก คือ ธรรมเป็นคู่คือสังขาร หรือการปรุงแต่ง สังขารประกอบด้วย 3 คือ กายสังขาร (เครื่องปรุงกาย), วจีสังขาร (เครื่องปรุงวาจา) และจิตสังขาร (เครื่องปรุงจิต) แจกแจงเป็น 3 ส่วนเหมือนหลักธรรมข้างต้น [11]
  7. อนุสสัยยมก คือ ธรรมเป็นคู่คืออนุสัย หรือ กิเลสอันนอนเนื่องด้วยในสันดาน ในยมกประกอบด้วยการแจกแจง 7 วาระ คือ 1.) อนุสยวาร วาระว่าด้วยกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน 2). สานุสยวาร วาระว่าด้วยบุคคลผู้มีอนุสัย 3.) ปชหนวาร วาระว่าด้วยการละ 4). ปริญญาวาร วาระว่าด้วยการกำหนดรู้ 5). ปหีนวาร วาระว่าด้วยอนุสัยที่บุคคลละได้แล้ว 6). อุปปัชชนวาร วาระว่าด้วยการเกิดขึ้น 7.) ธาตุวาร วาระว่าด้วยธาตุ คือผู้เกิดในธาตุไหน [12]
  8. จิตตยมก คือ ธรรมเป็นคู่คือจิต ว่าด้วยลักษณะ และความเป็นไปของจิต เช่น จิตของบุคคล การเกิดดับของจิต จิตที่ผสมด้วยกิเลสและจิตปราศจากราคะ ฯลฯ เป็นต้น [13]
  9. ธัมมยมก คือ ธรรมเป็นคู่คือธรรม ว่าด้วย กุศล อกุศล อัพยากฤต และแจกแจงบทอธิบายหลักโดยรวม (นิทเทส), แจกแจงความเป็นไปของธรรมต่างๆ ( ปวัตติวาร) และว่าด้วยการทำให้เกิดของธรรมต่างๆ (ภาวนาวาร) [14]
  10. อินทรียยมก คือ ธรรมเป็นคู่คืออินทรีย์ ได้แก่ธรรมที่เป็นใหญ่ในหน้าที่ของตน ประกอบด้วยอินทรีย์ 22 อันได้แก่ 1 จักขุนทรีย์ ได้แก่ ความเป็นใหญ่ในประสาทตา, 2 โสตินทรีย์ การได้ยินเสียง, 3 ฆานินทรีย์ การรู้กลิ่น 4 ชิวหินทรีย์ การรู้รส 5 กายินทรีย์ การสัมผัส 6 มนินทรีย์ การรับอารมณ์ 7 อิตถินทรีย์ ความเป็นหญิง 8 ปุริสินทรีย์ ความเป็นชาย 9 ชีวิตินทรีย์ การรักษารูปและนาม 10 สุขินทรีย์ การเสวยความสุขกาย 11 ทุกขินทรีย์ การเสวยความทุกข์กาย 12 โสมนัสสินทรีย์ การเสวยความสุขใจ 13 โทมนัสสินทรีย์ ความทุกข์ใจ14 อุเปกขินทรีย์ การเสวยอารมณ์ เป็นกลางๆ 15 สัทธินทรีย์ ความเชื่อต่อสิ่งที่ควรเชื่อ 16 วิริยินทรีย์ ความเพียร 17 สตินทรีย์ การระลึกชอบ 18 สมาธินทรีย์ การตั้งมั่นในอารมณ์เดียว 19 ปัญญินทรีย์ การรู้ตามความเป็นจริง 20 อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ การรู้แจ้งอริยสัจจะ 4 ที่ตนไม่เคยรู้ 21 อัญญินทรีย์ การรู้แจ้งอริยสัจจะ 4 ที่ตนเคยรู้ 22 อัญญาตาวินทรีย์ ธรรมชาติที่เป็นผู้ปกครองในการรู้แจ้งอริยสัจจะ 4 สิ้นสุดแล้ว ดังนี้ แจกแจงอธิบายเป็น 3 ลักษณะการณ์เหมือนข้างต้น [15] [16] [17]