องค์ประกอบ ของ รถบ้าน

ตัวรถ

ภายในตัวรถ

อย่างน้อยที่สุดตัวรถบ้านก็จะประกอบด้วยเตียง, โต๊ะ, บริเวณสำหรับประกอบอาหาร และ บริเวณที่ใช้สำหรับเก็บของ รถบ้านที่มีขนาดใหญ่ก็อาจจะมีห้องน้ำเต็มตัว, ตู้เย็น, บริเวณสำหรับพักผ่อนและนั่งเล่น, ห้องนอนเอก และอื่นๆ รถบ้านบางคันก็อาจจะมีระบบอินเทอร์เน็ต และ/หรือโทรทัศน์ที่ใช้ดาวเทียม, ด้านข้างตัวรถที่เลื่อนให้กว้างออกไปได้เมื่อจอด, ผ้าใบที่กางออกมาจากข้างรถที่ใช้ในการหลบแดดหลบฝน, แกนที่ใช้สำหรับลากรถขนาดเล็ก และ ถ้าคันที่มีขนาดใหญ่จริงๆ ก็อาจจะบรรจุรถขนาดเล็กไว้ภายในได้ ราคารถบ้านก็อาจจะเริ่มตั้งแต่ 10,000 ไปจนถึงกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ เช่นรถเทอร์ราวินด์ที่มีราคาตั้งแต่ 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ[10]

นอกจากรถบ้านที่สร้างโดยโรงงานแล้ว ก็ยังมีนักนิยมรถบ้านที่ประกอบรถบ้านด้วยตนเองจากรถ, รถแวน, รถรับส่งนักเรียน, รถประจำทาง และรถบรรทุก

ที่จอด

แค็มพ์จอดรถบ้านในอังกฤษที่จอดรถบ้านสาธารณะแห่งหนึ่งในเยอรมนีป้ายแสดงที่จอดรถบ้านสาธารณะ

ผู้ใช้รถบ้านก็อาจจะจอดรถได้ตามแค็มพ์จอดรถบ้าน (RV par หรือ Campsite) ที่ส่วนใหญ่จะมีไฟฟ้า, น้ำ และ ระบบทิ้งของเสีย รวมทั้งโทรทัศน์เคเบิล และอินเทอร์เน็ตไร้สาย นอกจากนั้นที่จอดรถบ้านก็อาจจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกหรือสร้างความบันเทิงอื่นๆ เช่นสระว่ายน้ำ ห้องกีฬา ร้านขายอาหาร ภัตตาคาร

แค็มพ์จอดรถบ้านบางแห่งก็อาจจะเป็นเพียงที่จอดรถโดยไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกอื่นใด ในสหราชอาณาจักรและยุโรปนอกไปจากแค็มพ์จอดรถบ้านแล้วที่จอดรถบ้านก็อาจจะเป็นเพียงบริการส่วนบุคคลขนาดเล็ก ที่เจ้าของกิจการที่อาจจะเป็นเจ้าของบ้าน ฟาร์ม หรือภัตตาคารมีที่ให้รถบ้านจอดสองสามคันเพื่อหารายได้พิเศษ ที่จอดประเภทนี้จะมีราคาต่ำกว่าที่จอดรถบ้านที่เป็นทางการ และมักจะไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้

นอกไปจากแค็มพ์จอดรถบ้านอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ละประเทศก็มีกฎเกี่ยวกับการอนุญาตหรือการไม่อนุญาตให้จอดที่แตกต่างกันไป เช่นในสหรัฐอเมริการถบ้านอาจจะจอดตามอุทยานท้องถิ่น, อุทยานแห่งรัฐ และอุทยานแห่งชาติได้กรมป่าไม้แห่งสหรัฐอเมริกา และ กรมการบริหารที่ดินแห่งสหรัฐอเมริกาต่างก็มีบริการที่จอดรถบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

ในฝรั่งเศส, เยอรมนี และ อิตาลี (อังกฤษ: Stopover, ฝรั่งเศส: Aire de service, เยอรมัน: Stellplatz, อิตาลี: Aree di Sosta) มีระบบเครือข่ายของการบริการจอดรถบ้านที่นอกเหนือไปจากที่จอดรถบ้านที่เป็นแค็มพ์อย่างกว้างขวางทั่วประเทศ ลานจอดรถบ้านสาธารณะนอกแค็มพ์นี้ส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ติดกับหมู่บ้านหรือเมือง หรืออาจจะอยู่กลางเมือง ลานที่จอดอาจจะเป็นลานจอดรถทั่วไปของตัวเมือง ลานจอดรถของคริสต์ศาสนสถาน สถานีตำรวจ ตึกเทศบาลเมือง ซูเปอร์มาร์เก็ต และอื่นๆ ที่มีป้ายกำหนด จำนวนรถที่ให้จอดก็มีตั้งแต่สำหรับคันเดียวไปจนถึง สามถึงสี่สิบคันแล้วแต่ความนิยมของเมือง ราคาก็ตั้งแต่ไม่คิดไปจนถึงราว 3 ถึง 5 ยูโรโดยเฉลี่ย บริการก็จะมีตั้งแต่เป็นเพียงที่จอดรถเท่านั้น บางครั้งก็อาจจะมีไฟฟ้า, น้ำประปา และ ที่ทิ้งของเสียด้วย วัตถุประสงค์ของที่จอดรถประเภทนี้ก็เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้กระจายกันไปในท้องถิ่น ดึงดูดลูกค้า และ เป็นการบริการสาธารณะโดยทั่วไป เช่นบริการลานจอดรถบ้านตามริมฝั่งทะเลทางตอนเหนือของฝรั่งเศส

การจอดรถประเภทที่นอกเหนือไปจากแบบต่างๆ ดังกล่าวก็ได้แก่ การจอดรถแบบ “ค่ำไหนนอนนั่น” ที่เรียกว่า “boondocking” ในสหรัฐอเมริกา หรือ “Wildcamping” ในสหราชอาณาจักร การจอดดังกล่าวก็มิใช่ว่าจะจอดกันพร่ำเพรื่อ แต่จะมี “แนวปฏิบัติ” ที่ใช้กันเช่นไม่จอดหน้าบ้านใคร รักษาความสะอาด ไม่ทำเกลื่อนกลาด หรือ จอดเพียงคืนเดียวเป็นต้น

ข้อดีและข้อเสีย

การใช้รถบ้านมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือความสามารถในการนำความสะดวกสบายของบ้านตามไปกับการท่องเที่ยว, ความเป็นอิสระในการท่องเที่ยว จากการสามารถที่จะเดินทางไปยังสถานที่ไกลออกไปจากการบริการขนส่งสาธารณะ, การหยุดพักระหว่างทางเพื่อรับประทานอาหาร ยืดแข้งยืดขา เข้าห้องน้ำเป็นไปได้อย่างสะดวกสบายโดยเฉพาะในบริเวณที่ห่างไกลผู้คนและขาดการบริการ, ความมีอิสระจากการผูกพันกับการจองโรงแรม การจัดกระเป๋าและการย้ายโรงแรมทุกวันสองวัน และ การเข้าการออกตามกฎของโรงแรมโดยเฉพาะเมื่องเดินทางในฝรั่งเศส, เยอรมนี และ อิตาลี, การลดค่าใช้จ่ายจากการทำอาหารเอง และจากค่าที่พัก

ข้อเสียคือค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับน้ำมัน สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับความเป็นอยู่ในบ้านกว้างๆ อาจจะพบว่าการอาศัยอยู่ในรถบ้านมีความรู้สึกเหมือนถูกบีบ และขนาดของรถถ้าใหญ่นักก็ไม่อาจจะเดินทางซอกแซกได้โดยเฉพาะในยุโรป แต่รถบ้านขนาดสั้นกว่า 7 เมตร และ น้ำหนักต่ำกว่า 3,500 กิโลกรัมจะท่องเที่ยวได้โดยทั่วไปในยุโรปโดยไม่มีปัญหา

วิถีชีวิต

โดยทั่วไปแล้วสามัญทัศน์ของบุคคลภายนอกที่มีต่อผู้ใช้ชีวิตในรถบ้านเต็มเวลาจะเห็นว่าเป็นผู้ที่มีฐานะยากจนและไม่มีรายได้พอที่จะมีบ้านเป็นของตนเอง แต่อันที่จริงแล้วก็มีผู้คนมากขึ้นทุกทีที่ตัดสินใจขายบ้าน และหันมาเลือกการใช้ชีวิตพำนักอาศัยในรถบ้านอย่างถาวร ทั้งที่ค่าใช้จ่ายก็มิได้ถูกกว่าการมีบ้านเรือนเป็นของตนเอง บ้างก็มีทั้งบ้านและรถบ้าน ส่วนใหญ่แล้วการตัดสินใจที่จะพำนักอาศัยในรถบ้านอย่างถาวรนั้นเป็นการตัดสินใจที่มีสาเหตุมาจากการเลือกวิถีชีวิตที่ต้องการ มากกว่าที่จะมาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ

นอกจากการเลือกใช้ชีวิตดังกล่าวแล้ว รถบ้านแบบพ่วงก็ยังใช้เป็นที่พำนักชั่วคราวของผู้ที่ต้องทำงานห่างไกลจากบ้านเรือนของตนเองเป็นระยะยาว, ผู้ที่เดินทางทำธุรกิจ หรือผู้ไม่มีที่อยู่อาศัยเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ

ผู้ใช้รถบ้านอย่างถาวรหรือเกือบถาวรประกอบด้วยผู้ที่มีความสนใจในการท่องเที่ยวหรือเดินทาง แทนที่จะอยู่เป็นที่เป็นทาง บ้างก็อาจจะเดินทางลงไปยังบริเวณที่มีอากาศร้อนระหว่างฤดูหนาวและเดินทางกลับถิ่นฐานเมื่ออากาศอุ่นขึ้น ในสหรัฐอเมริกาผู้ที่ใช้ชีวิตประเภทนี้เรียกกันว่า “Snowbird” ในออสเตรเลียนักเดินทางผู้สูงอายุผู้ปลดเกษียณแล้วเรียกกันว่า “grey nomad” (ชนร่อนเร่หัวขาว)

ในปัจจุบันนอกไปจากผู้สูงอายุแล้วหนุ่มสาวหรือคนวัยกลางคนก็เริ่มหันมาสนใจในการดำรงชีวิตแบบเร่ร่อนโดยใช้รถบ้านกันมากขึ้นที่เรียกกันว่า “fulltimer” หรือ “H.O.W.” (Houses On Wheels-บ้านบนล้อ) ความก้าวหน้าในด้านการโทรคมนาคม และ การติดต่อสื่อสารทางไกลกับสำนักงานผ่านอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ทำกันได้อย่างง่ายดาย ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความจำเป็นในการอยู่เป็นที่เป็นทางลดถอยลง ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตอย่างเร่ร่อนทำได้ง่ายขึ้น

แหล่งที่มา

WikiPedia: รถบ้าน http://www.history.sa.gov.au/chu/programs/sa_histo... http://www.cmca.net.au/pages/motorhoming_informati... http://www.gorving.ca/what.asp http://www.essortment.com/all/pioneercovered_rjtw.... http://rvcentral.com/rv_history.htm http://www.rvdoctor.com/slideout.html http://www.rvhotlinecanada.com/history/history_011... http://www.terrawind.com/terrawind.htm http://wikitravel.org/en/Renting_a_motorhome_in_Ne... http://gypsywaggons.co.uk/varhistory.htm