ฝ่ายนิติบัญญัติ ของ รัฐบาลกลางสหรัฐ

ดูบทความหลักที่: รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกา

รัฐสภาแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายนิติบัญญัติของรัฐบาลกลาง ใช้ระบบสองสภา ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา

อำนาจ

รัฐธรรมนูญได้บัญญัติถึงอำนาจของรัฐสภาไว้หลายประการด้วยกัน ตามที่แจกแจงไว้ในมาตรา 1 อนุมาตรา 8 อำนาจดังกล่าวรวมถึงการเรียกและเก็บภาษี ผลิตและควบคุมมูลค่าเงินตรา บัญญัติโทษสำหรับการปลอมเงินตรา จัดตั้งที่ทำการไปรษณีย์และถนน ส่งเสริมความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ด้วยการออกสิทธิบัตร จัดตั้งศาลกลางซึ่งรองจากศาลสูงสุด ปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ ประกาศสงคราม ระดมและสนับสนุนสรรพกำลังทางทหาร จัดตั้งและดำรงไว้ซึ่งทัพเรือ วางระเบียบการใช้กำลังทางบกและทางน้ำ จัดตั้ง จัดหาอาวุธให้ และควบคุมวินัยกองกำลังอาสาสมัคร ใช้อำนาจนิติบัญญัติแต่เพียงผู้เดียวในวอชิงตัน ดี.ซี. และตรากฎหมายซึ่งจำเป็นแก่การใช้อำนาจให้เหมาะสม ตลอดระยะเวลากว่าสองร้อยปีนับแต่จัดตั้งสหรัฐอเมริกา มีข้อพิพาทมากมายเกี่ยวกับการจำกัดอำนาจรัฐบาลกลาง และมักกลายเป็นคดีความซึ่งสุดท้ายแล้วได้รับการตัดสินโดยศาลสูงสุด

องค์ประกอบ

สภาผู้แทนราษฎร

สภาผู้แทนราษฎร (House of Representatives) ปัจจุบันประกอบด้วยสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คน แต่ละคนมาเป็นผู้แทนเขตเลือกตั้ง จำนวนผู้แทนราษฎรที่แต่ละรัฐสามารถมีได้ในสภานั้นเป็นไปตามจำนวนประชากรของรัฐนั้น ๆ ตามที่ระบุไว้ในสำมะโนครัวล่าสุด แต่ละรัฐต้องมีผู้แทนราษฎรอย่างน้อยหนึ่งคน สมาชิกทั้ง 435 คนดำรงตำแหน่งคราวละสองปี และดำรงตำแหน่งซ้ำได้ไม่จำกัด บุคคลต้องมีอายุอย่างน้อย 25 ปี และเป็นพลเมืองสหรัฐมาแล้วอย่างน้อย 7 ปี จึงสามารถได้รับเลือกเป็นผู้แทนราษฎร นอกจากสมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงจำนวน 435 คนดังกล่าวแล้ว ยังมีสมาชิกที่ไม่มีสิทธิออกเสียงอีก 6 คน 5 คนเป็นผู้แทนวอชิงตัน ดี.ซี. กวม หมู่เกาะเวอร์จิน อเมริกันซามัว และหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา อีก 1 คนเป็นข้าหลวงประจำเปอร์โตริโก[1]

วุฒิสภา

วุฒิสภา (Senate) ประกอบด้วยสมาชิก 2 คนจากแต่ละรัฐ ไม่ว่ารัฐนั้นจะมีประชากรเท่าใด ปัจจุบันมีสมาชิกวุฒสิภา 100 คน (จากทั้งหมด 50 มลรัฐ) แต่ละคนดำรงตำแหน่งคราวละ 6 ปี และจะเลือกตั้งราว ๆ หนึ่งในสามของสมาชิกทั้งหมดทุก ๆ สองปี

อำนาจที่แตกต่างกัน

ทั้งสองสภามีอำนาจสิทธิ์ขาดบางประการ เช่น วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบ (ให้คำแนะนำและยินยอม) ต่อการแต่งตั้งบุคคลของประธานาธิบดี เช่น สมาชิกคณะรัฐมนตรี ตุลาการส่วนกลาง (รวมถึง ผู้ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในศาลสูงสุด) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ข้าราชการทหารบกและทหารเรือ และเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศ ร่างรัฐบัญญัติจัดเก็บภาษีอากรนั้นต้องเสนอในสภาผู้แทนราษฎร กฎหมายใด ๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองสภา และจะเป็นกฎหมายก็ต่อเมื่อประธานาธิบดีลงนาม (หรือถ้าประธานาธิบดียับยั้งร่างกฎหมาย สภาทั้งสองจะต้องพิจารณาร่างนั้นใหม่ ถ้าสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภายืนยันมติเดิม ร่างกฎหมายนั้นจะเป็นกฎหมายโดยไม่จำต้องให้ประธานาธิบดีลงนามอีก) อำนาจของรัฐสภามีจำกัดเท่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ อำนาจอื่น ๆ ทั้งหลายนั้นสงวนไว้เป็นของรัฐและประชาชน รัฐธรรมนูญยังมี "ข้อบทเพื่อความจำเป็นและเหมาะสม" (Necessary and Proper Claus) ซึ่งให้รัฐสภามีอำนาจ "ตรากฎหมายทั้งปวงที่จำเป็นและเหมาะสมแก่การใช้อำนาจบรรดาที่ระบุไว้ข้างต้น" สมาชิกทั้งสองสภานั้นมาจากการเลือกตั้งในแต่ละรัฐซึ่งใช้ระบบเลือกตั้งรอบเดียวโดยผู้มีคะแนนเสียงมากสุดชนะ (first-past-the-post) ยกเว้นรัฐหลุยเซียนา แคลิฟอร์เนีย และวอชิงตัน ใช้การเลือกตั้งสองรอบ (runoff)

การขับข้าราชการส่วนกลางออกจากตำแหน่ง

รัฐสภามีอำนาจถอดประธานาธิบดี ตุลาการส่วนกลาง และข้าราชการส่วนกลางอื่น ๆ ออกจากตำแหน่ง ในกระบวนการนี้ทั้งสองสภามีบทบาทแยกกัน อันดับแรก สภาผู้แทนราษฎรต้องออกเสียงลงคะแนนว่าจะขับข้าราชการออกจากตำแหน่งหรือไม่ จากนั้น วุฒิสภาจึงไต่สวนเพื่อวินิจฉัยว่า ข้าราชการผู้นั้นควรพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ อย่างไรก็ดี แม้เคยมีประธานาธิบดีสองคนถูกสภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ขับออกจากตำแหน่ง (คือ แอนดรูว์ จอห์นสัน และบิล คลินตัน แต่ทั้งสองคนก็มิได้พ้นจากตำแหน่งเพราะการไต่สวนในวุฒิสภา

วิธีประชุม

รัฐธรรมนูญ มาตรา 1 อนุมาตรา 1 วรรค 2 ให้แต่ละสภามีอำนาจ "วางระเบียบการดำเนินงานของตนเอง" บทบัญญัตินี้ก่อให้เกิดคณะกรรมาธิการของรัฐสภาขึ้นทำหน้าที่ยกร่างกฎหมายและรับผิดชอบการสืบสวนของรัฐสภาเกี่ยวกับปัญหาระดับชาติ รัฐสภาชุดที่ 108 (ค.ศ. 2003–2005) มีคณะกรรมาธิการสามัญ 19 คณะในสภาผู้แทนราษฎร และ 17 คณะในวุฒิสภา รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วมถาวร 4 คณะซึ่งกรรมาธิการมาจากสภาทั้งสองและมีหน้าที่กำดับดูแลหอสมุดรัฐสภา งานสารบรรณ ภาษีอากร และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แต่ละสภายังสามารถตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาเฉพาะ ปัจจุบัน งานส่วนใหญ่ของรัฐสภาตกเป็นของคณะอนุกรรมาธิการซึ่งมีราว 150 คณะด้วยกัน

ใกล้เคียง