ฝ่ายบริหาร ของ รัฐบาลกลางสหรัฐ

อำนาจบริหารรัฐบาลกลางนั้นเป็นของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา[2] แต่อำนาจดังกล่าวนั้นมักมอบหมายให้สมาชิกคณะรัฐมนตรีและข้าราชการอื่นใช้แทน[3] ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งร่วมกันจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) รัฐต่าง ๆ รวมทั้งวอชิงตัน ดี.ซี. จะมีสมาชิกภาพในคณะผู้เลือกตั้งตามจำนวนของสมาชิกของตนในสภาทั้งสอง[2][4] ประธานาธิบดีมีวาระดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี แต่ไม่เกิน 2 วาระ ถ้าประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งครบ 2 วาระแล้ว และมีผู้อื่นได้รับเลือกตั้งมาคั่น เขาจะดำรงตำแหน่งได้อีกเพียง 1 วาระมีระยะ 4 ปีเช่นกัน[2]

ประธานาธิบดี

ฝ่ายบริหารประกอบด้วย ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (President of the United States) และบุคคลอื่น ๆ ซึ่งได้รับมอบอำนาจประธานาธิบดี ประธานาธิบเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รวมถึงจอมทัพ และหัวหน้าทูต ตามรัฐธรรมูญประธานาธิบดีต้อง "ดูแลให้การปฏิบัติตามกฎหมายเป็นไปอย่างซื่อสัตย์" และ "สงวน ป้องกัน และพิทักษ์รัฐธรรมนูญ" ประธานาธิบดีเป็นประธานฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นองค์การที่ประกอบด้วยบุคคลราว 5 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นทหารประจำการราวหนึ่งล้านคน และเจ้าพนักงานไปรษณีย์อีกกว่า 6000,000 คน

ประธานาธิบดีอาจลงนามในร่างกฎหมายที่ได้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเพื่อให้ร่างนั้นเป็นกฎหมาย หรือจะยับยั้งร่างนั้นก็ได้อันจะส่งผลให้ร่างนั้นตกไป เว้นแต่รัฐสภา โดยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกทั้งสองสภา จะมีมติคัดค้านการยับยั้ง ประธานาธิบดีฝ่ายเดียวยังอาจลงนามในสนธิสัญญากับต่างประเทศ แต่การให้สัตยาบันแก่สนธิสัญญานั้นจำต้องได้รับความเห็นชอบของวุฒิสภาด้วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิก ประธานาธิบดีอาจถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยคะแนนเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และพ้นจากตำแหน่งด่วยคะแนนเสียงสองในสามของสมาชิกวุฒิสภา ด้วยข้อกล่าวหาว่าเป็น "กบฏ รับสินบน หรือความผิดอาญาอย่างอื่นทั้งอุกฉกรรจ์และลหุโทษ" ประธานาธิบดีไม่มีอำนาจยุบรัฐสภาหรือสั่งให้เลือกตั้งเป็นกรณีพิเศษ แต่มีอำนาจอภัยโทษหรือปล่อยบุคคลซึ่งถูกพิพากษาว่ามความผิดต่อรัฐบาลกลาง (เว้นแต่กรณีขับออกจากตำแหน่ง) ตรารัฐกำหนด และแต่งตั้งตุลาการศาลสูงสุดกับตุลาการส่วนกลาง (โดยได้รับความยินยอมของวุฒิสภา)

รองประธานาธิบดี

รองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา (Vice President of the United States) เป็นข้าราชการฝ่ายบริหารซึ่งตามตำแหน่งแล้วถือว่าสูงสุดเป็นอันดับที่สองในรัฐบาล ในฐานะที่เป็นบุคคลแรกที่จะสืบตำแหน่งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีต่อเมื่อประธานาธิบดีตาย ลาออก หรือถูกถอดจากตำแหน่ง ในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว 9 ครั้ง อนึ่ง ตามความในรัฐธรรมนูญ รองประธานาธิบดีเป็นประธานวุฒิสภา ด้วยบทบาทนี้ เขาจึงเป็นผู้นำของวุฒิสภา และในฐานดังกล่าว รองประธานาบธิดีจะออกเสียงลงคะแนนในวุฒิสภาได้เฉพาะเพื่อเป็นเสียงชี้ขาดเมื่อคะแนนเสียงเท่ากัน ตามรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สิบสอง รองประธานาธิบดีเป็นประธานที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อนับคะแนนการเลือกตั้งของคณะผู้เลือกตั้ง แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจหน้าที่ของรองประธานาธิบดีจะเกี่ยวข้องกับการเป็นประธานวุฒิสภา นอกเหนือไปจากการสืบตำแหน่งประธานาธิบดี แต่ปัจจุบันมักมองกันว่า รองประธานาธิบดีเป็นสมาชิกฝ่ายบริหารของรัฐบาลกลาง และเนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดให้ตำแหน่งนี้อยู่ฝ่ายไหนโดยเฉพาะ นักวิชาการจึงถกเถียงกันว่า ควรอยู่ในฝ่ายบริการ ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือทั้งสองฝ่าย[5][6]

คณะรัฐมนตรี กระทรวง และส่วนราชการ

งานรายวันในการบังคับใช้และดำเนินการตามกฎหมายกลางนั้นเป็นของกระทรวงฝ่ายบริหารในส่วนกลางซึ่งรัฐสภาจัดตั้งขึ้นเพื่อรับผิดชอบราชการระดับประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะ หัวหน้ากระทรวงทั้ง 15 มาจากการคัดเลือกโดยประธานาธิบดีตามคำแนะนำและยินยอมของวุฒิสภา และประกอบกันเป็นคณะที่ปรึกษาซึ่งเรียกโดยทั่วไปว่า คณะรัฐมนตรีในประธานาธิบดี (President's Cabinet) นอกจากกระทรวงต่าง ๆ แล้ว ยังมีองค์การเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งซึ่งรวมกลุ่มเป็นสำนักประธานาธิบดี (Executive Office of the President) ได้แก่ เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว สภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักบริหารจัดการและงบประมาณ คณะที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ สภาคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ สำนักนโยบายควบคุมยาเสพติดแห่งชาติ และสำนักนโยบายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผู้ปฏิบัติงานในส่วนราชการเหล่านี้เรียกว่า ข้าราชการพลเรือนกลาง (federal civil servant) อนึ่ง ยังมีส่วนราชการอิสระ เช่น สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐ องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สำนักข่าวกรองกลาง สำนักป้องกันสิ่งแวดล้อม และสำนักพัฒนาระหว่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกา กับทั้งยังมีรัฐวิสาหกิจ เช่น บรรษัทประกันเงินฝากกลาง และบรรษัทขนส่งคนโดยสารรถไฟแห่งชาติ

ใกล้เคียง