ประวัติทางด้านการเมือง ของ ริชาร์ด_นิกสัน

ปี ค.ศ. 1937 นิกสันเข้าทำงานกับสำนักงานคณะกรรมการราคา (Office of Price Administration) ที่รัฐวอชิงตัน หลังจากทำงานได้ 5 ปีสงครามโลกครั้งที่สองก็เริ่มขึ้น นิกสันจึงถูกเกณฑ์เข้ากองทัพเรือสหรัฐอเมริกาโดยได้ติดยศร้อยโทก่อนจะถูกส่งไปประจำการที่น่านน้ำแปซิฟิก

ปีค.ศ. 1946 หลังจากสงครามโลกจบได้หนึ่งปีนิกสันลาออกจากกองทัพแล้วเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคริพับลิกัน ในช่วงระยะเวลานี้เขาได้เข้าร่วม House of Un-American Activities Committee (HUAC) เพื่อไล่ล่ากลุ่มคอมมิวนิสต์ที่อาศัยอยู่ในอเมริกา เมื่อกลุ่ม HUAC สามารถจับ อาเจอร์ ฮิส (Alger Hiss) แฮร์รี่ โกลด์ (Harry Gold) เดวิด กรีนด์กราส (David Greenglass) เอโธว์ โรเซนเบิร์ก (Ethel Rosenberg) และ จูเลียส โรเซนเบิร์ก (Julius Rosenberg) โดยกล่าวหาว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนร่วมในการสอดแนมให้กับสหภาพโซเวียต นิกสันจึงเริ่มเป็นจุดสนใจของสาธารณะมากขึ้น

ปีค.ศ. 1952 ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ (Dwight Eisenhower) ผู้บัญชาการสูงสุดของฝ่ายสัมพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่สอง ตัดสินใจลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาสมัยที่ 34 ฝ่ายพรรคพรรคริพับลิกันเลือกริชาร์ด นิกสันเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา หลังจากการหาเสียงที่ดุเดือดของพรรคริพับลิกันภายในเดือนพฤศจิกายนไอเซนฮาวร์และนิกสันได้รับชัยชนะเหนือพรรคพรรคเดโมแครตแบบถล่มถลายด้วยคะแนนโหวต 33,936,252 เสียงต่อ 27,314,922 เสียง



ในเดือนตุลาคมปีค.ศ. 1953เมื่อ โจเซฟ แม็กคาร์ธี (Joseph McCarthy) วุฒิสมาชิกอเมริกันผู้เป็นตำนานในการต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และส.ว.พรรครีพับลิกันกล่าวหา โรเบิร์ต สตีเวนส์ เลขานุการกองทัพบกว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์จึงโกรธมากและออกคำสั่งให้นิกสันหาทางกำจัดแม็กคาร์ธีเสีย แม็กคาร์ธีจึงถูกคณะกรรมการวุฒิสภาสอบสวนทางหน้าจอทีวี จนจับผิดได้ว่าการกล่าวหาและโจมตีผู้อื่นล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงเหลวไหล

ช่วงที่นิกสันเป็นรองประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา
 เขาได้เดินทางไปสหภาพโซเวียตเพื่อเข้าพบนิกิตา ครุสชอฟผู้นำของโซเวียต โดยทั้งสองประเทศพยายามลดความตึงเครียดและความเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน ปีค.ศ. 1960 เขาได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคริพับลิกันเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งที่ 35 หากทว่าต้องพ่ายแพ้ให้กับจอห์น เอฟ. เคนเนดี ตัวแทนจากพรรคพรรคเดโมแครต (สหรัฐอเมริกา) นิกสันทำอาชีพทนายความอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกครั้งในปีค.ศ. 1968 และครั้งนี้เขาได้ก็ได้รับชัยชนะเป็นประธานาธิบดีคนที่ 37 ของสหรัฐอเมริกา

ใกล้เคียง