พายุ ของ ฤดูพายุไซโคลนภูมิภาคออสเตรเลีย_พ.ศ._2561–2562

ความกดอากาศต่ำเขตร้อนลีอูอา

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา25 (เข้ามาในแอ่ง) – 29 กันยายน
ความรุนแรง55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
995 mbar (hPa; 29.38 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อนบูชรา

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา9 (เข้ามาในแอ่ง) – 16 พฤศจิกายน
(ออกนอกแอ่งไปเมื่อวันที่ 10 และกลับเข้ามาอีกครั้งในวันที่ 14
และออกนอกแอ่งไปอีกครั้งในวันที่ 16)
ความรุนแรง55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
1005 mbar (hPa; 29.68 inHg)

หย่อมความกดอากาศกำลังอ่อนก่อตัวขึ้นแถบศูนย์สูตรในมหาสมุทรอินเดีย ภายในพื้นที่รับผิดชอบของเมเตโอ-ฟร็องส์ในวันที่ 1 พฤศจิกายน โดยระบบหย่อมความกดอากาศต่ำได้ค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปทางตะวันออก และแสดงให้เห็นถึงสัญญาณการทวีกำลังแรงขึ้นเพียงเล็กน้อย[3] ในช่วงปลายของวันที่ 9 พฤศจิกายน พายุดีเปรสชันลูกก่อนหน้าในอ่าวเบงกอลได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันหมุนเร็ว บีโอบี 09 และเริ่มเคลื่อนตัวห่างออกไปและพบกับการบรรจบกันของการไหลของอากาศระดับต่ำที่สัมพันธ์กับการอ่อนกำลังของมัน[4] โครงสร้างของระบบเริ่มจัดระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเมเตโอฟร็องส์ได้จัดให้ระบบเป็นการแปรปรวนของลมในเขตร้อน[5] ไม่นานหลังจากนั้นระบบได้เคลื่อนตัวผ่านเส้นเมริเดียนที่ 90 องศาตะวันออก และเข้าสู่แอ่งภูมิภาคออสเตรเลีย โดยได้รับการจัดความรุนแรงของศูนย์เตือนพายุหมุนเขตร้อนจาการ์ตาเป็นพายุดีเปรสชันเขตร้อน ในวันที่ 10 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น[6] ต่อมาศูนย์เตือนไต้ฝุ่นร่วมประเมินว่าการพัฒนาของหย่อมความกดอากาศต่ำนั้น อยู่ในระดับพายุโซนร้อนแล้วตามมาตราเฮอร์ริเคนแซฟเฟอร์–ซิมป์สัน และจึงได้ออกรหัสเรียกอย่างไม่เป็นทางการกับระบบว่า 04S[7] ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ในเวลา 10:00 UTC (17:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย) ระบบได้เคลื่อนตัวย้อนกลับไปทางตะวันตก และกลับเข้าสู่แอ่งมหาสมุทรอินเดียตะวันตก-ใต้ตามเดิม[8] และมีการทวีกำลังขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นพายุโซนร้อนกำลังแรง โดยได้รับชื่อจากเมเตโอ-ฟร็องส์ว่า บูชรา (Bouchra)[9]

หลังจากที่พายุเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกของเส้นขอบมหาสมุทรอินเดียตะวันตกด้านใต้อยู่เป็นเวลาหลายวัน ระบบได้เคลื่อนตัวกลับเข้ามาในภูมิภาคออสเตรเลียอีกครั้งในวันที่ 12 พฤศจิกายน[10]โดยกลับเข้ามาในฐานะของพายุที่อ่อนกำลังลงอย่างมาก จากกำลังสูงสุดของตัวมันเอง และเหลือเพียงแค่เป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อนเท่านั้น[11] โดยหย่อมนี้จะอยู่ภายในแอ่งออสเตรเลียเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ อีกครั้ง เนื่องจากเมเตโอ-ฟร็องส์ชี้ว่าระบบพายุไซโคลนบูชราเก่านี้ จะเคลื่อนตัวเลี้ยวกลับเข้าไปในด้านตะวันออกสุดของพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานในวันที่ 13 พฤศจิกายน[10] อีกหลายวันต่อมา สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียได้บันทึกว่า ระบบได้เคลื่อนตัวเลี้ยวกลับเข้าไปในแอ่งออสเตรเลียอีกครั้ง โดยมีระยะห่างจากหมู่เกาะโคโคสไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 1,000 กม. ทำให้มันกลายเป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อนที่เคลื่อนตัวเข้าและออกจากแอ่งออสเตรเลียถึงสามครั้ง ภายในเวลาเพียงห้าวัน[12]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา14 – 18 พฤศจิกายน
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1004 mbar (hPa; 29.65 inHg)

วันที่ 14 พฤศจิกายน สำนักอุตุนิยมวิทยาได้บันทึกว่ามีความกดอากาศต่ำเขตร้อนก่อตัวขึ้นในบริเวณพายุฝนฟ้าคะนอง ห่างจากเกาะคริสต์มาสไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 490 กม.[12] ซึ่งอยู่เหนือบริเวณที่มีน้ำทะเลที่อบอุ่นของเขตร้อนในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งของเกาะชวา มีการพยากรณ์ว่าระบบจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันออกเฉียงใต้ และมีโอกาสปานกลางในการก่อตัวเป็นพายุหมุนเขตร้อน[12]

พายุไซโคลนกำลังแรงโอเวน

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 3 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 (SSHWS)
ระยะเวลา29 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม
ความรุนแรง150 กม./ชม. (90 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
956 mbar (hPa; 28.23 inHg)
  • วันที่ 29 พฤศจิกายน สำนักอุตุนิยมวิทยาได้บันทึกว่ามีหย่อมความกดอากาศต่ำก่อตัวขึ้นเหนือหมู่เกาะโซโลมอน และระบบได้พัฒนาขึ้นเป็นบริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน[13]
  • วันที่ 30 พฤศจิกายน ระบบได้เคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะทากูลาของประเทศปาปัวนิวกินีจากการเคลื่อนตัวไปทางแนวตะวันตก-ใต้ โดยศูนย์ร่วมเตือนไต้ฝุ่นได้มีการประกาศการแจ้งเตือนการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนกับระบบ เนื่องจากระบบมีการปรับปรุงโครงสร้างของมันให้ดีขึ้น[14] โดยอุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลที่อบอุ่นในทะเลคอรัลเป็นตัวเติมเชื้อเพลิงให้กับระบบ และมีช่องอากาศไหลออกด้านบนเป็นตัวช่วยที่ยอดเยี่ยม ทำให้บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อนทวีกำลังแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง[15]
  • วันที่ 2 ธันวาคม เวลา 06:00 UTC สำนักอุตุนิยมวิทยาได้ปรับให้ระบบเป็นพายุระดับ 1 ตามมาตราของออสเตรเลีย และให้ชื่อกับพายุว่า โอเวน (Owen) ทำให้พายุลูกนี้เป็นพายุไซโคลนเขตร้อนลูกแรกที่ก่อตัวขึ้นในแอ่ง ในฤดูกาลภูมิภาคออสเตรเลีย 2561–2562[16]
  • วันที่ 4 ธันวาคม โอเวนอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว และถูกปรับลงเป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อน[17]
  • วันที่ 10 ธันวาคม หลังจากที่โอเวนเคลื่อนตัวอยู่ด้านตะวันตกของทะเลคอรัลในฐานะความกดอากาศต่ำเขตร้อน โอเวนได้พัดขึ้นฝั่งบริเวณตอนเหนือของเมืองคาร์ดเวลล์ จากนั้นจึงเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวคาร์เพนแทเรีย และเริ่มมีการจัดระบบใหม่อีกครั้ง
  • วันที่ 11 ธันวาคม โอเวนทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 อีกครั้ง และพายุได้เข้าสู่วงวนแอนไทไซโคลนโดยสมบูรณ์ และเคลื่อนตัวย้อนกลับไปทางทิศตะวันออก และได้กลับมาทวีกำลังแรงอีกครั้ง จนมีความรุนแรงที่สุดเป็นพายุไซโคลนเขตร้อนรุนแรงระดับ 3 โดยมีความเร็วลมสูงสุดต่อเนื่องใน 10 นาที ที่ 150 กม./ชม.
  • วันที่ 15 ธันวาคม ไซโคลนโอเวนพัดขึ้นฝั่งใกล้กับเมืองโควันยามา และอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีปฏิสัมพันธ์กับแผ่นดิน[18] จนในช่วงบ่าย โอเวนถูกปรับลดเป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อนอีกครั้ง

ในระหว่างที่พายุไซโคลนโอเวนพัดผ่านตอนเหนือของรัฐควีนส์แลนด์ พายุทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 คน และมีปริมาณน้ำฝนทั่วทั้งภูมิภาคสูงที่สุดอยู่ในชายฝั่งตะวันออก เมื่อเทียบกับชายฝั่งด้านตะวันตกเฉียงใต้ส่วนที่เหลือของรัฐ[19] ที่เมืองอินนิสเฟล วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดรายวันเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมได้ที่ 149 มิลลิเมตร (5.9 นิ้ว) ขณะที่เมืองคาวลีย์บีชวัดได้ 135 มิลลิเมตร (5.3 นิ้ว) เขื่อนคอปเปอร์โลดฟอลส์ที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองแคนส์วัดได้ 130 มิลลิเมตร (5.1 นิ้ว) และที่เมืองมิชชันบีชวัดได้ 98 มิลลิเมตร (3.9 นิ้ว)[20]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 05U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา9 – 12 ธันวาคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1005 mbar (hPa; 29.68 inHg)
  • วันที่ 9 ธันวาคม สำนักอุตุนิยมวิทยาประกาศว่ามีการพัฒนาของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังอ่อนขึ้น โดยระบบเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตก ผ่านตอนกลางฝั่งตะวันออกของทะเลคอรัล โดยมีระยะห่างจากเมืองทาวน์วิลล์ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเฉตะวันออกประมาณ 1000 กม.[21]

พายุไซโคลนเกอนางา

พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา14 – 16 ธันวาคม (ออกนอกแอ่ง)
ความรุนแรง75 กม./ชม. (45 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
996 mbar (hPa; 29.41 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา27 – 28 ธันวาคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1001 mbar (hPa; 29.56 inHg)
  • วันที่ 27 ธันวาคม สำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่ามีความกดอากาศต่ำเขตร้อนก่อตัวขึ้นในทะเลติมอร์ ห่างจากเมืองดาร์วิน ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 490 กม.[22]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน (โมนา)

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา28 – 31 ธันวาคม (ออกนอกแอ่ง)
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1002 mbar (hPa; 29.59 inHg)
  • วันที่ 28 ธันวาคม ความกดอากาศต่ำเขตร้อนกำลังอ่อนก่อตัวขึ้นภายในร่องมรสุม ที่ทอดตัวยาวในตอนเหนือของทะเลคอรัล ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูมิภาค ใกล้กับแอ่งแปซิฟิกใต้[23]

พายุไซโคลนเพนนี

พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 2 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา28 ธันวาคม – 9 มกราคม
ความรุนแรง95 กม./ชม. (60 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
987 mbar (hPa; 29.15 inHg)
  • วันที่ 28 ธันวาคม มีความกดอากาศต่ำเขตร้อนก่อตัวขึ้นอีกลูก ทำให้เดือนธันวาคมฤดูกาลนี้ มีกิจกรรมเยอะในแง่ของการก่อตัวของความกดอากาศต่ำเขตร้อน โดยสำนักอุตุนิยมวิทยาระบุว่านี่เป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อนที่ก่อตัวขึ้นลูกที่สาม[23] ในร่องมรสุม ที่ทอดตัวยื่นออกมาจากทะเลเขตร้อนของทะเลคอรัลในฝั่งตะวันออก ไปยังทะเลติมอร์ในฝั่งตะวันตก[24] การฟื้นคืนของมรสุมและกิจกรรมการพาความร้อนในภูมิภาค มีความเกี่ยวเนื่องกับการมีกำลังปานกลาง-กำลังแรงเป็นจังหวะ (moderate-strength pulse) ของการแกว่งไปมาของแมดเดน–จูเลียน ที่เคลื่อนที่ไปทางตะวันออกผ่านทวีปทะเล[25] ความกดอากาศต่ำ 09U ตั้งอยู่ใกล้กับชายฝั่งตะวันออกของคาบสมุทรเคปยอร์ก และถูกประเมินโดยสำนักอุตุนิยมวิทยาให้มีโอกาสสูง ที่จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนเขตร้อนภายในสามวัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย[23]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา29 – 30 ธันวาคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1007 mbar (hPa; 29.74 inHg)
  • วันที่ 29 ธันวาคม ความกดอากาศต่ำเขตร้อนลูกที่สี่ก่อตัวขึ้นเขตตะวันออก ทางใต้ของเกาะทากูลา ประเทศปาปัวนิวกินี[26]
  • วันที่ 30 ธันวาคม ระบบความกดอากาศต่ำเขตร้อนสลายตัวไป[27]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา30 ธันวาคม – 2 มกราคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1005 mbar (hPa; 29.68 inHg)
  • วันที่ 30 ธันวาคม ความกดอากาศต่ำเขตร้อนก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรอินเดีย ทางตอนใต้ของเกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย[28]
  • วันที่ 2 มกราคม เนื่องจากสภาพของบรรยากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาของระบบ ทำให้ความกดอากาศต่ำเขตร้อนไม่ทวีกำลังแรงขึ้น ท้ายสุดระบบคดเคี้ยวไปมาอยู่ทางใต้ของประเทศอินโดนีเซีย ก่อนจะสลายตัวไป[29]

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 11U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา15 – 23 มกราคม (ออกนอกแอ่ง)
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1004 mbar (hPa; 29.65 inHg)

พายุไซโคลนกำลังแรงไรลีย์

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 3 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 (SSHWS)
ระยะเวลา21 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์
ความรุนแรง120 กม./ชม. (75 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
974 mbar (hPa; 28.76 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 13U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา21 – 25 มกราคม
ความรุนแรง55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
999 mbar (hPa; 29.5 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา6 – 9 กุมภาพันธ์
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
994 mbar (hPa; 29.35 inHg)

พายุไซโคลนโอมา

พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 2 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา7 กุมภาพันธ์ – 22 กุมภาพันธ์
(ออกนอกแอ่งไปเมื่อวันที่ 11 และกลับเข้ามาอีกครั้งในวันที่ 21 และออกนอกแอ่งอีกครั้งในวันที่ 22)
ความรุนแรง95 กม./ชม. (60 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
977 mbar (hPa; 28.85 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 15U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา6 – 11 มีนาคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1007 mbar (hPa; 29.74 inHg)

พายุไซโคลนกำลังแรงซะแวนนาห์

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 4 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 3 (SSHWS)
ระยะเวลา7 – 17 มีนาคม (ออกนอกแอ่ง)
ความรุนแรง175 กม./ชม. (110 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
951 mbar (hPa; 28.08 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
ระยะเวลา13 – 14 มีนาคม
ความรุนแรงไม่ทราบความเร็วลม
1006 mbar (hPa; 29.71 inHg)

พายุไซโคลนกำลังแรงเทรเวอร์

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 4 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 3 (SSHWS)
ระยะเวลา15 – 26 มีนาคม
ความรุนแรง175 กม./ชม. (110 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
950 mbar (hPa; 28.05 inHg)

พายุไซโคลนกำลังแรงวิรอนิกา

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 4 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 4 (SSHWS)
ระยะเวลา18 – 28 มีนาคม
ความรุนแรง195 กม./ชม. (120 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
938 mbar (hPa; 27.7 inHg)

พายุไซโคลนกำลังแรงวอลลิซ

พายุไซโคลนเขตร้อนกำลังแรงระดับ 3 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 (SSHWS)
ระยะเวลา1 – 16 เมษายน
ความรุนแรง120 กม./ชม. (75 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
980 mbar (hPa; 28.94 inHg)

สืบเนื่องจากการหยุดลงของร่องมรสุมที่มีมีพลัง ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้เกิดการก่อตัวของพายุไซโคลนกำลังแรงเทรเวอร์และเวรอนิกาในสองสัปดาห์ก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของกระแสพัดข้ามเส้นศูนย์สูตรจากมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือจึงนำไปสู่การพัฒนาขึ้นอีกครั้งของร่องมรสุมกำลังอ่อน ในทะเลเขตร้อนทางเหนือของทวีปออสเตรเลีย[30] การกลับมาของลักษณะแบบนี้มีส่วนรับผิดชอบในการสร้างสภาพบรรยากาศที่มีส่วนสนับสนุนการก่อตัวของความกดอากาศต่ำเขตร้อน[30]

  • วันที่ 1 เมษายน สำนักงานดาร์วิน สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย (BOM) ได้ระบุว่ามีความกดอากาศต่ำเขตร้อนกำลังอ่อนก่อตัวขึ้นเหนือทะเลอาราฟูรา และเคลื่อนตัวอยู่ภายในร่องมรสุมกำลังอ่อนที่ก่อตัวขึ้นใหม่ ต่อมาสำนักอุตุนิยมวิทยาให้รหัสกับพายุนี้ว่า 21U[31]
  • วันที่ 6 เมษายน เวลา 02.00 AWST (หรือ 18.00 UTC ของวันที่ 5 เมษายน) ความกดอากาศต่ำเขตร้อนได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนระดับ 1 ตามมาตราของออสเตรเลีย และได้รับชื่อ วอลลิซ (Wallace) จากสำนักอุตุนิยมวิทยา
  • วันที่ 7 เมษายน เวลา 00.00 UTC วอลลิซได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลนระดับ 2 หลังจากที่ทวีกำลังแรงอย่างช้า ๆ มาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อันเป็นผลมาจากการถูกลมเฉือนแนวตั้งกำลังแรงขัดขวางการพัฒนา[32]
  • วันที่ 8 เมษายน เวลา 18.00 UTC วอลลิซทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงระดับ 3 โดยได้รับการยืนยันว่าวอลลิซเป็นพายุไซโคลนกำลังแรงอยู่เพียงหกชั่วโมง ก่อนจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากลมเฉือนแนวตั้งกำลังแรง[33]
  • วันที่ 10 เมษายน เวลา 00.00 UTC วอลลิซอ่อนกำลังลงเป็นความกดอากาศต่ำเขตร้อนที่มีแรงของพายุเกล ซึ่งมีกำลังอ่อนกว่าระดับพายุไซโคลนตามมาตราของออสเตรเลีย

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 22U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา5 – 15 เมษายน
ความรุนแรง65 กม./ชม. (40 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
1005 mbar (hPa; 29.68 inHg)

ความกดอากาศต่ำเขตร้อน 23U

บริเวณความกดอากาศต่ำเขตร้อน (มาตราออสเตรเลีย)
พายุดีเปรสชันเขตร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา21 – 26 เมษายน
ความรุนแรง55 กม./ชม. (35 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
998 mbar (hPa; 29.47 inHg)

พายุไซโคลนลีลี

พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 1 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา4 – 11 พฤษภาคม
ความรุนแรง75 กม./ชม. (45 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
997 mbar (hPa; 29.44 inHg)

พายุไซโคลนแอนน์

พายุไซโคลนเขตร้อนระดับ 2 (มาตราออสเตรเลีย)
พายุโซนร้อน (SSHWS)
ระยะเวลา9 (เข้ามาในแอ่ง) – 18 พฤษภาคม
ความรุนแรง95 กม./ชม. (60 ไมล์/ชม.) (เฉลี่ย 10 นาที)
993 mbar (hPa; 29.32 inHg)

ใกล้เคียง

ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2565 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2564 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2560 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2563 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2562 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2556 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2545 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2559 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2554 ฤดูพายุไต้ฝุ่นแปซิฟิก พ.ศ. 2566

แหล่งที่มา

WikiPedia: ฤดูพายุไซโคลนภูมิภาคออสเตรเลีย_พ.ศ._2561–2562 http://www.bom.gov.au/australia/charts/archive/ind... http://www.bom.gov.au/cgi-bin/wrap_fwo.pl?IDQ20023... http://www.bom.gov.au/cgi-bin/wrap_fwo.pl?IDW27600... http://www.bom.gov.au/climate/cyclones/australia/ http://www.bom.gov.au/climate/tropical-note/ http://www.bom.gov.au/cyclone/outlooks/seasonal/wa... http://www.bom.gov.au/fwo/IDY00050.pdf http://www.bom.gov.au/nt/forecasts/tcoutlook.shtml http://www.bom.gov.au/products/IDQ65002.shtml http://www.bom.gov.au/qld/forecasts/cyclone.shtml