ลัทธิดราโก (
อังกฤษ: Drago Doctrine) คือแถลงการณ์ในปี ค.ศ. 1902 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
อาร์เจนตินา ลูอิส มาเรีย ดราโก ในหมายเหตุทางการทูตที่ส่งถึงสหรัฐอเมริกา ดราโกรับรู้ได้ว่า
ลัทธิมอนโรและอิทธิพลของจักรวรรดิในยุโรปมีความขัดแย้งกัน จึงได้เน้นย้ำความสนใจต่อหลักความเท่าเทียมของอำนาจอธิปไตยในรัฐต่าง ๆ ซึ่งสหรัฐอเมริกาสนับสนุน โดยลัทธินี้ได้กำหนดแนวนโยบายที่ว่าอำนาจจากต่างชาติซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถบีบบังคับชาติในภูมิภาค
ละตินอเมริกาให้ชำระ
หนี้สินที่ติดค้างอยู่ได้
[1] ต่อมาสหรัฐอเมริกาจึงออก บทแทรกโรสเวลต์ (Roosevelt Corollary) ในปี ค.ศ. 1904 เพื่อตอบโต้ลัทธิดราโกและยืนยันสิทธิ์การแทรกแซงภูมิภาคดังกล่าวของสหรัฐอเมริกา เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนและเอกราชของประเทศในละตินอเมริกาจากชาติมหาอำนาจยุโรปลัทธินี้ถือกำเนิดมาจากแนวคิดของการ์โลส กัลโบ ที่ได้เสนอไว้ใน กฎหมายระหว่างประเทศเชิงทฤษฎีและเชิงปฏิบัติในยุโรปและอเมริกา (
สเปน: Derecho internacional teórico y práctico de Europa y América) หรือเป็นที่รู้จักทั่วไปว่า "
ลัทธิกัลโบ" ซึ่งได้เสนอแนวทางห้ามปรามการแทรกแซงทางการทูตจนกว่าจะหมดหนทางแก้ไขปัญหาในระดับท้องถิ่นลัทธิดราโกยังถือว่าเป็นการตอบโต้การกระทำของสหราชอาณาจักร เยอรมนี และอิตาลี ที่ปิดกั้นและโอบล้อมท่าเรือของเวเนซูเอลาในปี ค.ศ. 1902 เพื่อกดดันให้เวเนซูเอลายอมชำระหนี้สินจำนวนมหาศาลที่ก่อไว้ในช่วงก่อนรัฐบาลของประธานาธิบดีซีเปรียโน กัสโตร ซึ่งในขณะนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา จอห์น เฮย์ ต้องชะลอการแสดงท่าทีออกไปถึง 6 สัปดาห์ เนื่องจากติดขัดในหลักการตาม
ลัทธิมอนโรที่ไม่ให้สหรัฐอเมริกาเข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวในกิจการของประเทศยุโรป อย่างไรก็ตามเฮย์ได้ตอบโต้เหตุการณ์ดังกล่าวโดยยกคำกล่าวของประธานาธิบดี
ธีโอดอร์ โรสเวลต์ที่มีต่อ
สภาคองเกรสปี ค.ศ. 1901 ว่า "เราไม่รับประกันว่ารัฐใด ๆ จะรอดพ้นบทลงโทษจากความผิดพลาดของตนไปได้"
[1] และแม้ว่าโรสเวลต์จะกล่าวชื่นชมลัทธิดราโกในภายหลัง แต่ก่อนหน้านั้นเขา (ในฐานะ
รองประธานาธิบดี) ได้เขียนจดหมายไปถึงนักการทูตเยอรมัน แฮร์มันน์ ชเปค ฟอน ชแตร์นบูร์ก ว่า "หากประเทศอเมริกาใต้ชาติใดก็ตามประพฤติมิชอบต่อประเทศยุโรปชาติใดก็ตาม จงปล่อยให้ประเทศยุโรปสั่งสอนพวกเขา"
[1]ลัทธิดราโกฉบับดัดแปลงโดยฮอเรซ พอร์เตอร์ ได้ถูกนำไปใช้ที่
เดอะเฮกในปี ค.ศ. 1907 โดยเสนอเพิ่มเติมว่าควรใช้กระบวนการ
อนุญาโตตุลาการและการดำเนินคดีก่อนเป็นลำดับแรก
[2][3][4]นอกจากนี้เวเนซูเอลายังใช้ลัทธิดราโกเป็นเหตุผลในการลงคะแนนเสียงสนับสนุนอาร์เจนตินา ณ ที่ประชุมองค์การรัฐอเมริกัน (Organization of American States) ในประเด็นวิกฤติหนี้สินของอาร์เจนตินา ซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทเอ็นเอ็มแอลแคปิตอลอีกด้วย