ลำพู เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางในวงศ์
Sonneratiaceae พบทั่วไปตามดินเลนริมแม่น้ำหรือคลอง ที่มีระดับ
น้ำขึ้นน้ำลงท่วมถึง ขึ้นได้ทั้งใน
น้ำจืดหรือ
น้ำกร่อยลำพูมีลักษณะเรือนยอดเป็นทรงพุ่ม ลำต้นเป็นแบบ Pettis's model
[1] มีการเจริญติดต่อกันไป ลำต้นค่อนข้างกลมมีกิ่งเกิดในแนวตั้ง เจริญทางด้านข้างมากกว่าทางยอด
[1] เมื่อลำต้นแตกหักจะสร้างกิ่งใหม่ขึ้นได้เนื่องจากมีตาสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก ลักษณะใบเป็นใบเดี่ยวขนาดเล็ก สีเขียว ขอบใบเรียบ
[2] แตกใบตรงกันข้ามกันเป็นคู่ มีก้านใบสีชมพูมองเห็นแต่ไกล ดอกเป็นดอกเดี่ยวออกบริเวณปลายยอด ลักษณะผลแก่มีเปลือกหนาสีเขียวอมเหลือง เนื้ออ่อนนุ่ม ภายในมีเมล็ดจำนวนมาก ประมาณ 1000 ถึง 2500 เมล็ด
[1] ผลลำพูแก่มีกลิ่นแรง จะร่วงหล่นระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน เป็นพืชที่รับประทานได้ ดอกนำไป
แกงส้ม หรือใช้เป็นผักสด รับประทานกับ
ขนมจีน[3]ลำพูไม่มีรากแก้ว จะเกิดรากแผ่กระจายไปด้านข้างขนานกับผิวดินตื้น ๆ และมีรากเล็ก ๆ แตกแขนงทางด้านล่างทำหน้าที่ยึดเกาะ และมีรากฝอยอีกชั้นทำหน้าที่ดูดซึมน้ำและสารอาหาร ลำพูยังมีรากพิเศษช่วยในการหายใจ ลักษณะรูปกรวยแหลมยาวแทงโผล่พื้นดินรอบโคนต้น มีความยาวประมาณ 10–50 เซนติเมตร ใหญ่และยาวกว่าไม้ชนิดอื่น รากหายใจ (pneumatophore) ของลำพูนี้เจริญได้รวดเร็วและทนทานน้ำท่วมได้เป็นเวลานาน
[1]ลำพูเป็นไม้ที่
หิ่งห้อยชอบมาเกาะ ทำให้เกิดความสวยงามโดยเฉพาะในยามค่ำคืน ในอดีต ในพื้นที่
กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะใน
เขตพระนครมีต้นลำพูอยู่มาก เป็นที่มาของชื่อ "บางลำพู" ซึ่งเป็นชื่อย่านแห่งหนึ่งในเขต แต่ต่อมาต้นลำพูได้ถูกตัดทิ้งลงเป็นจำนวนมาก จนเหลือต้นสุดท้ายเพียงต้นเดียวใน
สวนสันติชัยปราการซึ่งเป็น
สวนสาธารณะติด
แม่น้ำเจ้าพระยา แต่ในช่วง
เหตุการณ์มหาอุทกภัย พ.ศ. 2554 ลำพูต้นนี้ได้ตายลง และ
กรุงเทพมหานครก็ได้ตัดจนเหลือแต่ตอ
[4]