วงมังคละ หรือ
ปี่กลอง[2],
ปี่กลองมังคละ เป็นดนตรีชั้นสูงสำหรับพระพุทธศาสนาของ
อาณาจักรสุโขทัยโบราณ โดยปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 และศิลาจารึกวัดช้างล้อม สันนิษฐานว่าดนตรีมังคละนั้นรับธรรมเนียม "มงคลเภรี" มาจาก
ศรีลังกา[3][4] ก่อนที่จะกลายมาเป็นดนตรีพื้นบ้าน ในชุมชนกลุ่มคนที่ใช้สำเนียงอาณาจักรสุโขทัยโบราณ ปัจจุบันพบการละเล่นอยู่ในเขตภาคเหนือตอนล่าง
[1] จังหวัด
สุโขทัย พิษณุโลก และ
อุตรดิตถ์ รวมทั้งพบร่องรอยการละเล่นมังคละในจังหวัด
นครสวรรค์ และจังหวัด
เพชรบูรณ์ (วงตุ๊บเก่ง) รวมทั้งวงกาหลอ
[5]วงมังคละ มีความสัมพันธ์กับกลุ่มคนที่ใช้สำเนียงอาณาจักรสุโขทัยโบราณ
[6] โดย
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ บันทึกไว้ในคราวตรวจการที่หัวเมือง
พิษณุโลก เมื่อ
พ.ศ. 2444 ได้ยินดนตรีดังกล่าวบริเวณวัดสะกัดน้ำมันจึงได้เรียกมาแสดงให้ดู ได้ให้ทัศนะต่อดนตรี "มังคละ" ว่า "เครื่องมังคละนี้เป็นเครื่องเบญจดุริยางค์แท้"
[7]ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ดนตรีปี่กลองมังคละเสื่อมความนิยมในสมัยหลัง เนื่องจากการเข้ามามีบทบาทของดนตรี
กลองยาว แตรวง และดนตรีสมัยใหม่ ตามลำดับ
[6] ทำให้ปัจจุบัน วงมังคละ ได้รับขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ สาขาศิลปะการแสดง
[8] เพื่อส่งเสริมอนุรักษ์และสืบทอดให้เป็นการละเล่นพื้นบ้านดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์ 3 จังหวัด ของทั้ง
จังหวัดสุโขทัย[9] จังหวัดพิษณุโลก [10]และ
อุตรดิตถ์[6] ได้ต่อไป