ลักษณะ ของ วงศ์เสือและแมว

ลักษณะเด่นของสัตว์ในวงศ์นี้ ตามลำดับตัวประกอบไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ยืดหยุ่นและแข็งแรง หัวกลม ฟันพัฒนามาเพื่อเหมาะแก่การกัดกินเนื้อสัตว์ มีเขี้ยวขนาดใหญ่ยาวและแหลมคม 2 คู่ ใช้กัดสังหารเหยื่อ ส่วนฟันกรามมีลักษณะคมล้ายใบมีดใช้สำหรับกัดฉีกเนื้อ สามารถเขียนเป็นสูตรได้ว่า 3.1.3.1 3.1.2.1 {\displaystyle {\tfrac {3.1.3.1}{3.1.2.1}}} มีเล็บแหลมคมทุกนิ้ว ปกติเล็บจะถูกเก็บไว้ในซองเล็บ เวลาเดินเล็บจึงไม่สัมผัสกับพื้นดิน ครั้นเวลาจะใช้ต่อสู้หรือล่าเหยื่อ เล็บจะกางออกเป็นกรงเล็บได้ โดยอาศัยการหดตัวของกล้ามเนื้อที่นิ้วเท้า ทำให้เล็บมีความแหลมคมใช้เป็นอาวุธได้ดีมาก ส่วนของเท้ามีการพัฒนา เพื่อการเดินด้วยปลายนิ้ว คล้ายกับการเต้นบัลเลต์ นิ้วเท้าและฝ่าเท้าเปลี่ยนรูปร่างเป็นปุ่มนิ้วและปุ่มฝ่าเท้า ซึ่งจะมีแผ่นหนังหนา ๆ หุ้มรองอยู่ ใช้สำหรับรับน้ำหนักตัว ส่วนส้นเท้าและข้อเท้ายกสูงเหนือพื้น เท้าหน้ามี 5 นิ้ว แต่นิ้วโป้งสั้นแบะแยกสูงกว่าอีก 4 นิ้ว คล้ายมือ จึงเหมาะต่อการตะปบคว้าเหยื่อ เท้าหลังมี 4 นิ้ว ขนาดเท่าๆ กัน รอยเท้าของสัตว์ในวงศ์นี้จึงปรากฏให้เห็นแต่รอยปุ่มนิ้ว และปุ่มกลม ๆ ข้างละ 4 นิ้วคล้ายกันเท้าหน้าและเท้าหลัง นอกจากนี้ใต้ฝ่าเท้า และร่องนิ้ว จะมีขนนุ่มปกคลุมทั่ว ทำให้การเคลื่อนที่เป็นไปได้อย่างคล่องแคล่ว รวดเร็วและเงียบ ตามีขนาดใหญ่ ตำแหน่งของตาอยู่ด้านหน้าและใกล้กัน ทำให้การมองภาพ มีประสิทธิภาพสูง และการกะระยะแม่นยำ ใบหูกลมมีกล้ามเนื้อสำหรับขยับใบหู เพื่อปรับทิศทาง รับเสียงได้ และมีประสาทรับฟังเสียงดีมากการดำรงชีวิตของสัตว์วงศ์นี้ส่วนใหญ่จึงอาศัยตากับหู เป็นสำคัญมากกว่าใช้จมูกดมกลิ่นอย่างสัตว์กินเนื้อประเภทอื่น นอกจากนี้ยังมีขนหนวดยาว และขนยาวที่ฝ่าเท้า ซึ่งเป็นเส้นขนที่มีเส้นประสาทควบคุม จึงรับความรู้สึกสัมผัสได้ดี ใช้ในการหาทิศทางในที่มืดได้เป็นอย่างดี [4]

กะโหลกของสิงโต ที่แสดงให้เห็นถึงเขี้ยวที่แหลม

การอนุกรมวิธานสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 วงศ์ย่อย (บางข้อมูลแบ่งเป็น 3)[4] โดยแบ่งออกได้เป็น เสือขนาดเล็ก (Felinae) และเสือขนาดใหญ่ (Pantherinae) โดยแบ่งตามกล่องเสียงในลำคอ ซึ่งสามารถใช้เปล่งเสียงดังที่เรียกว่า คำราม ได้ และแรกเริ่มสัตว์ในวงศ์นี้ จะใช้สกุล Felis เป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่จะแตกแขนงออกไปเป็นสกุลใหม่ตามการศึกษาเพิ่มเติม[4]