ประวัติศาสตร์ ของ วังมอกอชออายา

หลังจากที่เจ้าชายกอนสตันติน บรึงกอเวอานู และตระกูลถูกสำเร็จโทษในคอนสแตนติโนเปิลเมื่อปี 1714 ทรัพย์สินทั้งหมดของพระองค์ก็ถูกชาวออตโตมันยึดครอง และวังหลังนี้ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นโรงเตี๊ยม ต่อมาเจ้าชายชเตฟัน กันตากูซีโน ได้ทรงซื้อวังหลังนี้กลับมา และประทานคืนแก่พระนัดดาของเจ้าชายกอนสตันติน บรึงกอเวอานู วังหลังนี้อยู่เป็นมรดกของตระกูลเรื่อยมาถึงศตวรรษที่ 19

วังได้รับความเสียหายจากการถล่มของจักรวรรดิออตโตมันระหว่างสงครามกับรัสเซียในปี 1768–1774 ต่อมา เจ้าชายกรีกอเรได้ประทานวังหลังนี้แก่ซอเอ มัฟรอกอร์ดัต พระธิดาผู้ซึ่งต่อมาเสกสมรสกับจอร์เจ เด. บีเบสกู เจ้าชายแห่งวอลเลเกีย วังนี้จึงกลายเป็นสมบัติของตระกูลบีเบสกู และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยนีกอลาเอ บีเบสกู[2]

ในเดือนพฤศจิกายน 1916 ระหว่างการทัพในโรมาเนียในสงครามโลกครั้งที่ 1 วังหลังนี้ถูกกองทัพอากาศของจักรวรรดิเยอรมันทิ้งระเบิดใส่[3]

ต่อมา มารี-นีกอลได้ขายวังหลังนี้ให้แก่เจ้าชายจอร์เจ วาเลนติน บีเบสกู ผู้ประทานวังให้แก่เจ้าหญิงมาร์ตา พระชายาผู้ทรงใช้เงินส่วนพระองค์ไปกับการบูรณปฏิสังขรณ์อาคาร ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1920 ถึงคริสต์ทศวรรษ 1930 วังหลังนี้กลายมาเป็นที่พบปะของนักการเมืองและวงสังคมชั้นสูงจากนานาชาติ หลังเจ้าชายจอร์เจสิ้นพระชนม์ในปี 1941 ร่างของพระองค์ได้รับการฝังไว้ในโบสถ์หลังเล็ก ๆ ภายในอาณาเขตของวัง[4] หลังปี 1945 วังถูกรัฐบาลคอมมิวนิสต์ยึดเป็นของรัฐ วาเลนตีนาและดีมีตรีเย กีกา-กอเมอเนชต์ เจ้าของวังในเวลานั้นถูกจับกุม งานศิลปะล้ำค่าภายในวังสูญหายไปบางส่วนในช่วงยุคนี้ ท้ายที่สุดในปี 1957 วังได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์[5]

แหล่งที่มา

WikiPedia: วังมอกอชออายา http://letsgotoromania.com/bucharest/MogosoaiaPala... //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... http://palatebrancovenesti.ro/en/2011/08/01/german... http://ziarullumina.ro/reportaj/istoria-de-foc-si-... https://www.atlasofwonders.com/2018/09/the-nun-whe... https://www.idref.fr/143324233 https://web.archive.org/web/20111009021303/http://... https://web.archive.org/web/20140929075750/http://... https://web.archive.org/web/20150519231502/http://... https://viaf.org/viaf/215185436