ภายใน ของ วังเชอนงโซ

ลานด้านหน้าและหอมาร์ก

ทางเข้า

เมื่อทอมัส โบเยสร้างเชอนงโซใหม่เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็ได้รื้อส่วนที่อยู่อาศัยเดิมและโรงบดแป้งของตระกูลมาร์กออกหมดยกเว้นหอเก่า และสร้างวังใหม่บนตอม่อของโรงบดแป้งเก่า หอเก่าหรือหอมาร์ก (Marques Tower) มาต่อเติมเปลี่ยนแปลงเป็นแบบเรอเนซองซ์ ลานหน้าวางแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคู ใกล้ ๆ หอมาร์กมีบ่อที่แต่งด้วยไคเมร่าและเหยี่ยวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตระกูลมาร์ก

ประตูทางเข้าขนาดใหญ่สร้างมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 ทำจากไม้แกะสลัก ทางด้านซ้ายเป็นตราประจำตัวของทอมัส โบเย ทางขวาเป็นของกาเตอรีน บรีซอเน ผู้เป็นภรรยา เหนือตราเป็นตัวซาลาแมนเดอร์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 และคำสลัก “François, by the grace of God, King of France and Claude, Queen of the French” (ฟร็องซัว, โดยพรจากพระเป็นเจ้า, พระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส และโกลด, พระราชินีฝรั่งเศส)

ห้องยาม

เดิมเป็นห้องที่ยามใช้พักเมื่อออกเวร บนเตาผิงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ตกแต่งด้วยตราประจำตัวของทอมัส โบเย และบนประตูไม้โอคคริสต์ศตวรรษที่ 16 ภายใต้นักบุญผู้พิทักษ์—นักบุญแคทเธอริน และนักบุญทอมัส--เป็นคำขวัญของทอมัส โบเยและกาเตอรีน บรีซอเน “S'il vient à point, me souviendra” ซึ่งแปลว่า “ถ้าสามารถสร้างวังได้ก็จะมีคนระลึกถึง”

บนกำแพงมีพรมแขวนผนังแบบเฟลมมิชจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นฉากชีวิตของการอยู่ในปราสาท การขอแต่งงาน และการล่าสัตว์ หีบเป็นแบบกอธิค และเรอเนซองซ์ ในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ใช้เป็นที่เก็บเครื่องเงิน, เครื่องครัว และพรมแขวนผนัง หีบเป็นสิ่งทางราชสำนักใช้ขนย้ายสิ่งของเมื่อย้ายที่อยู่จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง

เพดานเป็นอักษร “H” ไขว้กับ “C” ซึ่งเป็นอักษรย่อของแคทเธอริน เดอ เมดิชิ และ พระเจ้าอ็องรีที่ 2 แต่เพราะความรักที่พระเจ้าอ็องรีมีต่อดียาน เดอ ปัวตีเยพระองค์ก็ให้ทำอักษรให้ดูเหมือน “D” และ “H” พื้นเป็นกระเบื้องจากอิตาลีที่เรียกว่า “majolica” ที่สร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 16

ชาเปล

หน้าต่างประดับกระจกสีภายในชาเปลห้องนอนของดียาน เดอ ปัวตีเยหน้าต่างประดับกระจกสีภายในชาเปล

จากห้องพักทหารยามเป็นทางเข้าสู่ชาเปลซึ่งมีประตูที่มีรูปปั้นพระแม่มารีอยู่เหนือประตู บนบานประตูเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซูและนักบุญทอมัสสาวก และมีประโยคจากพระวรสารนักบุญจอห์นว่า “เอานิ้วจิ้มตรงนี้” (“Lay your finger here”) และ “ท่านคือลอร์ดและพระเจ้าของข้า” (“You are my Lord and my God”) จาก ยน 20:27

หน้าต่างประดับกระจกสีเดิมของชาเปลได้ถูกระเบิดทำลายระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2เมื่อปี ค.ศ. 1944 หน้าต่างสมัยใหม่ที่สร้างแทนทำโดยแม็กซ์ อินกรองด์ (Max Ingrand) ผู้เชี่ยวชาญทางการประดับกระจกสีเมื่อปี ค.ศ. 1954 ในซุ้มทางด้านขวามีรูปแกะพระแม่มารีและพระบุตรจากหินอ่อนที่มาจากคาร์ราราในประเทศอิตาลี โดยมิโน ดา ฟิเอโซโล (Mino da Fiesole) ทางเดินกลางของชาเปลเป็นที่ที่พระราชินีเข้าร่วมพิธีมิสซาซึ่งสลักปี ค.ศ. 1521 ไว้

ทางด้านขวาของแท่นบูชาเป็นโต๊ะพิธีที่แกะสลักอย่างสวยงามพร้อมกับคำขวัญของทอมัส โบเย บนกำแพงมีคำจารึกโดยทหารรักษาพระองค์ของ พระราชินีแมรีสจ๊วต ทางด้านขวา “Man's anger does not accomplish God's Justice” จารึกเมื่อปี ค.ศ. 1543 และ “Do not let yourself be won over by Evil” จารึกเมื่อปี ค.ศ. 1546 ภาพเขียน:

มาดามดูว์แป็งช่วยให้ชาเปลรอดมาจากถูกทำลายระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสโดยใช้ชาเปลเป็นที่เก็บไม้ฟืน

ห้องนอนของดียาน เดอ ปัวตีเย

ห้องที่ใช้โดยดียาน เดอ ปัวตีเยผู้เป็นพระสนมเอกของพระเจ้าอ็องรีที่ 2 มีเตาผิงโดยฌ็อง กูฌง (Jean Goujon) ผู้เป็นประติมากรตระกูลฟองเทนโบล บนเตาผิงมีอักษรไขว้ของพระเจ้าอ็องรีที่ 2 และแค็ทเธอริน เด เมดิชิ เป็นตัว “H” และ “C” ซึ่งเมื่อดูแล้วก็คล้ายตัว “H” ไขว้กับ “D” สำหรับ “Diane” เพดานเป็นแบบ coffer ก็มีอักษรไขว้เช่นกัน เหนือเตาผิงเป็นภาพ แค็ทเธอริน เด เมดิชิ ที่เขียนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยโซวาจ (Sauvage)

เตียงสี่เสาสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และเก้าอี้ของพระเจ้าอ็องรีที่ 2 หุ้มด้วยหนัง cordovan นอกจากนั้นก็ยังมีพรมทอแขวนผนังจากฟลานเดิร์สสองผืนใหญ่จากคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งเป็นภาพ:

  • “ชัยชนะของความแข็งแกร่ง” (The triumph of Strength) ทรงรถม้าลากด้วยสิงห์โตสองตัวล้อมรอบไปด้วยฉากจากพันธสัญญาเดิม ขอบบนเป็นคำจารึกภาษาละติน ซึ่งแปลว่า “ผู้ซึ่งพอใจในของขวัญจากสวรรค์จะไม่ถอยจากการทำความดีที่เรียกร้อง”
  • “ชัยชนะของความเผื่อแผ่” (The triumph of Charity) ทรงรถม้า ในมือหนึ่งถือหัวใจอีกมือหนึ่งชี้ไปยังพระอาทิตย์ มีคำจารึกภาษาละติน ซึ่งแปลว่า “ผู้ซึ่งแสดงความแข็งแกร่งเมื่อเผชิญอันตรายจะได้รับการให้อภัยเป็นรางวัลเมื่อวาระสุดท้ายมาถึง”

ทางซ้ายของห้องนอนเป็นหน้าต่าง “พระแม่มารีและพระบุตร” โดย บาโทโลเม เอสเตบาน มูริลโล ทางด้านขวาของเตาผิงมีภาพเขียนแบบอิตาลีจากคริสต์ศตวรรษที่ 18 “พระเยซูถูกสั่งให้ถอดพระภูษา” โดยฟรานซิสโก ริบาลตา (Francisco Ribalta) ภายใต้ภาพเขียนเป็นชั้นหนังสือที่มีเอกสารเกี่ยวกับเชอนงโซ เล่มหนึ่งมีลายเซ็นของทอมัส โบเย และ ดียาน เดอ ปัวตีเย

ห้องเขียว

เมื่อพระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิได้เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส พระราชโอรสเมื่อยังทรงพระเยาว์เมื่อปี ค.ศ. 1560 ทรงปกครองฝรั่งเศสจากห้องทรงพระอักษรในวังเชอนงโซห้องนี้ บนเพดานคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งยังเป็นเพดานเดิมยังพอมองเห็นอักษรไขว้ “C” และตู้อิตาลีจากคริสต์ศตวรรษเดียวกัน 2 ตู้สองข้างประตู

งานชิ้นที่เด่นที่สุดในห้องคืองานพรมทอแขวนผนังของบรัสเซลส์จากคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่เรียกว่า “To the birthwort” เป็นลักษณะศิลปะแบบกอธิค และ เรอเนซองซ์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการพบทวีปอเมริกาและพฤกษชาติที่พบที่นั่น ในภาพทอจะมีไก่ฟ้าเปรู, สับปะรด, กล้วยไม้, ทับทิม, สัตว์ และพืชพันธ์ไม้หลากหลายที่จนบัดนั้นก็ยังไม่เป็นที่รู้จักหรือเห็นกันในทวีปยุโรป แต่สีเดิมของพรมที่เป็นสีเขียวปัจจุบันเป็นสีน้ำเงินตามกาลเวลา

บนผนังแขวนภาพไว้หลายภาพแต่ที่สำคัญ ๆ คือ

  • “พระราชินีแห่งชีบา” (The Queen of Sheba) และ ภาพเหมือนของ Doge โดย ทินโทเรตโต
  • “Ivory Catchfly” โดย จาค็อป จอร์แดงส์ (Jacob Jordaens)
  • “แซมซันและสิงห์โต” (Samson and the Lion) โดย เฮ็นดริค โกลทเซียส (Hendrik Goltzius)
  • “พระเยซูไล่พ่อค้าออกจากวัด” (Jesus chasing the merchants from the Temple) โดยฌอง จูเวเนท์ (Jean Jouvenet)
  • “x” (Allegorical Scene) บนโลหะ โดยบาร์โทโลเมียส สแปรงเกอร์ (Bartholomeus Spranger)
  • “ศึกษาศีรษะสตรี” (Study of a woman's head) โดย เพาโล เวโรเนเซ
  • “หนีไปอียิปต์” (The flight to Egypt) โดย นิโคลาส์ ปูแซน
  • “เด็กกับผลไม้” (Child with Fruits) โดย แอนโทนี แวน ไดค์

ห้องสมุด

ห้องรับรองเตาในครัวห้องนอนพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1ห้องนั่งเล่นพระเจ้าหลุยส์ที่ 14บันได

ห้องนี้เป็นห้องเล็ก ๆ ที่ใช้โดยพระราชินีแคทเธอริน เดอ เมดิชิ มีทิวทัศน์แม่น้ำแชร์และสวนของดียาน เพดานแบบ coffer แบบอิตาลีทำจากไม้โอคเมื่อปีค.ศ. 1525 ซึ่งมีที่ห้อยกุญแจเล็ก ๆ เป็นงานแบบนี้ชิ้นแรกที่ทำในฝรั่งเศส และมีอักษรย่อ “T.B.K.” ของผู้สร้างวัง ทอมัส โบเย และกาเตอรีน บรีซอเน เหนือประตูเป็นภาพเขียน “ครอบครัวพระเยซู” โดย อันเดรีย เดล ซาร์โต อันเดรอา เดล ซาร์โต ภาพเขียนอื่น ๆ ก็มี

  • “ฉากจากชีวิตของนักบุญเบ็นเนดิค” (Scenes from the life of Saint Benedict) โดย จาโคโป บาสสาโน (Jacopo Bassano)
  • “ผู้พลีชีพ” (A Martyr) โดย อันโทนิโอ ดา คอร์เรจจิโอ
  • “ครอบครัวพระเยซู” โดย ฌอง จูเวเนท์ (Jean Jouvenet)
  • ภาพเขียนในกรอบกลม “Hébé and Ganymède, the cupbearers of the Gods, relieved near Olympia” เขียนเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 แบบฝรั่งเศส

ห้องรับรอง

จากห้องนอนของดียาน เดอ ปัวตีเยเป็นทางแคบไปสู่แกลเลอรีเมื่อปี ค.ศ. 1576 พระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิสร้างห้องรับรองใหญ่เป็นโถงยาวเบนสะพานข้ามแม่น้ำแชร์ของดียาน เดอ ปัวตีเย ตามผังของฟิลิแบรต์ เดอ ลอร์เม (Philibert de l'Orme) ห้องยาว 60 เมตรและกว้าง 6 เมตร มีหน้าต่าง 18 บาน พึ้นเป็นหินชอล์คและหินชนวน เพดานแสดงโครง ห้องนี้เริ่มใช้ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1577 ในงานที่แคทเธอริน เด เมดิชิทรงเป็นจัดสำหรับพระเจ้าอ็องรีที่ 3

ทางด้านยาวทั้งสองของห้องเป็นเตาผิงแบบเรอเนซองซ์ซึ่งทางด้านใต้อยู่ใกล้ประตูที่ออกไปทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแชร์ ภาพเขียนในกรอบกลมมาเพิ่มในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เป็นภาพคนสำคัญ ๆ

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 กัสตง เมอนีเย (Gaston Menier) เจ้าของวังแปลงห้องทุกห้องในวังเป็นโรงพยาบาลด้วยเงินส่วนตัว ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2ห้องรับรองใช้เป็นทางเดินข้ามจากบริเวณที่ถูกยึดครองโดยเยอรมนีไปอึกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำแชร์ที่มิได้ถูกยึดครอง

ห้องโถง

ห้องโถงตกแต่งด้วยเพดานโค้งสันที่มีหินหลักแยกจากกันเป็นเส้นขาด ตะกร้าตกแต่งด้วยใบไม้ ดอกกุหลาบ ยุวเทพ (cherubs) ปนาลี และ สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ห้องนี้สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1515 ถือว่าเป็นห้องที่แกะสลักที่สวยที่สุดห้องหนึ่งในการตกแต่งแบบเรอเนซองซ์แบบฝรั่งเศส

ตรงทางเข้าเหนือประตูมีฐานที่เว้าเข้าไปที่เป็นที่ตั้งรูปปั้นนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์ผู้เป็นนักบุญผู้พิทักษ์วังเชอนงโซ และ Masdone อิตาเลียนแบบลูคา เดลลา รอบเบีย (Luca della Robbia) โต๊ะหินอ่อนเป็นแบบเรอเนซองซ์ เหนือประตูทางเข้า เป็นหน้าต่างประดับกระจกสีทึ่สร้างเมื่อ ปี ค.ศ. 1954 โดยแม็กซ์ อินกรองด์ (Max Ingrand) เป็นตำนานของนักบุญอูแบร์

ครัว

ครัวของวังเชอนงโซตั้งอยู่ชั้นล่างสุดซึ่งมีฐานอยู่บนแม่น้ำแชร์ใกล้ครัวมีที่จอดเรือส่งของ ตามตำนานว่ากันว่าเป็นที่ที่ดียานอาบน้ำ ที่เก็บอาหารอยู่ต่ำกว่าครัวภายใต้หลังคาโค้ง เตาผิงในครัวสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ซึ่งตั้งอยู่ข้างเตาอบขนมปังเป็นเตาผิงที่ใหญ่ที่สุดในวังเชอนงโซ สาเหตุที่เตาผิงในครัวมีขนาดใหญ่เพราะในสมัยโบราณก่อนที่จะมีเตาที่เห็นในรูปการทำอาหารทุกอย่างทำที่เตาผิง นอกจากครัวแล้วก็มี ห้องเก็บเนื้อสัตว์ซึ่งยังมีขอแขวนเนื้อและเขียงใหญ่สำหรับสับและตัดเนี้อ และห้องเก็บอาหารอื่น ๆ

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ครัวก็ถูกปรับปรุงโดยติดตั้งอุปกรณ์เครื่องครัวที่ทันสมัยเพื่อให้เหมาะกับการเป็นโรงพยาบาล

ห้องนอนพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1

ในห้องนี้มีเตาผิงแบบเรอเนซองซ์บนแท่นเหนือเตาผิงเป็นคำขวัญของทอมัส โบเย “S'il vient à point, me souviendra” ซึ่งแปลว่า “ถ้าสร้างวังได้ก็จะมีคนระลึกถึง” เหนือประตูเป็นตราของโบเย เครื่องตกแต่งก็มีโต๊ะแบบฝรั่งเศส สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 15 และ ตู้แบบอิตาลีที่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สิ่งที่น่าสนใจคือปากกาหมึกซึมงาช้างฝังมุกซึ่งเป็นของขวัญแต่งงานที่แมรีสจ๊วตมอบให้พระเจ้าฟร็องซัวที่ 2

บนผนังแขวนภาพดียาน เดอ ปัวตีเย ในภาพเทพีไดแอนนาแห่งการล่าสัตว์ โดยฟรันเชสโก ปรีมาติชโช จิตรกรตระกูลการเขียนแบบฟงแตนโบล พริมาทิชชิโอวาดภาพที่วังเชอนงโซเมื่อ ปี ค.ศ. 1556 บนกรอบเป็นตราของดียานดัชเชสแห่งเอทอมพส์

ทั้งสองด้านเป็นภาพเขียนโดย มิเรเวลท์ (Mirevelt) เรเวนสไตน์ (Ravenstein) และภาพเหมือนของแอนโทนี แวน ไดค์ ถัดไปเป็นภาพวาดใหญ่ของกาเบรียล แด็สเทรแต่งตัวเป็นไดแอนนาเทพีแห่งการล่าสัตว์โดยอ็องบรวซ ดูว์บัว (Ambroise Dubois) ที่หน้าต่างเป็นภาพอาร์คิมิดีส ฟรานซิสโก เซอบาราน และรูป “บาทหลวงสองคน” แบบเยอรมนีจากคริสต์ศตวรรษที่ 17 ด้านขวาของเตาผิงเป็นภาพ “The Three Graces” โดย ฌอง แบ็พทิสต์ แวน ลู (Jean-Baptiste van Loo) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสามสาวพี่น้องจากเนสเล มาดามแห่งชาโตรู มาดามแวนทิมีล และมาดามเมอีผู้เป็นคนโปรดของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15

ห้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 14

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1650 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14เสด็จมาเยี่ยมวังเชอนงโซ หลังจากนั้นทรงมอบภาพเหมือนโดยอิยาซินธ์ ริโกด์ (Hyacinthe Rigaud) ให้แก่ดยุกเซซาร์ เดอ แวงดมผู้เป็นลุงซึ่งมีกรอบที่ทำอย่างสวยงามทำด้วยไม้สี่ชิ้นโดยเลอโปทร์ (Lepautre) พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ที่บุด้วยพรมทอจากโอบูซองและตู้แบบบูล (Boulle) เพื่อเป็นที่ระลึกในการทรงมาเยี่ยม

เหนือเตาผิงเป็นตราซาลาแมนเดอร์และเออร์มิน ซึ่งคล้ายกับตราซาลาแมนเดอร์ของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 และพระราชินีโกลด เพดานเป็นแบบที่แสดงคาน บนบัวคอร์นิชมีอักษรย่อ “T.B.K.” ของครอบครัวโบเย เหนือตู้เป็นภาพ “พระบุตรและนักบุญจอห์นแบ็พทิสต์” โดยปีเตอร์ พอล รูเบนส์ซึ่งโจเซฟ โบนาปาร์ต น้องชายของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1ซื้อมาจากพระเจ้าแผ่นดินสเปนเมื่อ ปี ค.ศ. 1889

ภายในห้องนี้มีภาพเขียนแบบฝรั่งเศสของคริสต์ศตวรรษที่ 18:

  • ภาพเหมือนพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ฌอง แบ็พทิสต์ แวน ลู
  • “เจ้าหญิงแห่งโรฮัน” (Princess of Rohan) โดย นาติเย (Nattier)
  • “ภาพเหมือนของชามิลลาร์ด ราชมนตรีของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14” และ “ภาพเหมือนของผู้ชาย” โดย เนท์แชร์
  • “ภาพเหมือนพระเจ้าฟิลลิปที่ 5 แห่งสเปน” โดยรองซ์ (Ranc)
  • “ภาพเหมือนแซมมูเอล เบอร์นาร์ด” นายธนาคารของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14โดยมืยาร์ด .

บันได

บันไดสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 16 สลักเป็นใบไม้เป็นสัญลักษณ์ของกฎหมายเก่า (ภายใต้สตรีที่มีผ้าผูกตากับหนังสือและไม้เท้านักแสวงบุญ) และกฎหมายใหม่ (สตรีไม่มีผ้าผูกตาถือใบปาล์มและถ้วยศักดิ์สิทธิ์)

บันไดนี้น่าสนใจตรงที่เป็นบันไดแรกที่เป็นบันไดตรงแทนที่จะเวียนตามแบบจากอิตาลีเหนือบันไดเป็นเพดานโค้งสัน ส่วนตัดกันตัดฉากตกแต่งด้วยหินปุ่ม ในช่วงระหว่างสันตกแต่งด้วยคน, ผลไม้, และดอกไม้ แต่ถูกทำลายไปบ้างระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศส ราวบันไดสองข้างมาพบกันที่ลานบันไดที่เป็นซุ้มโค้ง บนผนังชั้นสองของบันไดตกแต่งรูปในกรอบกลมของสตรีปล่อยผมสลวย จากบันไดไปเป็นทิวทัศน์แม่น้ำแชร์

โถงกาเตอรีน บรีซอเน

ชั้นล่างปูด้วยดินเผาประทับตราเฟลอร์เดอลี (fleur de lis) ไขว้กริช เพดานแบบเปิดคาน

เหนีอประตูเป็นภาพเขียนในกรอบกลมซึ่งนำมาจากอิตาลีโดยพระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิเป็นรูปจักรพรรดิโรมัน: กาลบา, คลอเดียส, เจอร์มันนิคัส, วิเทลเลียส, และ เนโร นอกจากนั้นก็ยังมีพรมทอแบบแขวนผนังเป็นรูปการล่าสัตว์ทอจากรูปที่ร่างโดยแวน เดอร์ มูเล็ง (Antony Francis van der Meulen)

ห้องนอนห้าราชินี

ห้องนอนห้าราชินีห้องนอนแคทเธอริน เด เมดิชิ

ห้องนี้ตั้งชื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระธิดาสององค์และพระธิดาสะไภ้สามองค์ของพระราชินีแคทเธอริน เด เมดิชิ:

  • พระราชินีมาร์โกท์ (Marguerite de Valois) พระชายาของพระเจ้าอ็องรีที่ 4
  • พระราชินีเอลิซาเบธแห่งวาลัวร์ (Elisabeth of Valois) พระชายาของพระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งสเปน
  • พระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ พระชายาของพระเจ้าฟร็องซัวที่ 2
  • พระราชินีเอลิซาเบธแห่งออสเตรีย (Elisabeth of Valois) พระชายาของพระเจ้าชาร์ลที่ 9
  • พระราชินีลุยส เดอ ลอเรน-โวเดมง พระชายาของพระเจ้าอ็องรีที่ 3

บนเพดานคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นตราประจำพระองค์ของพระราชินีทั้งห้า เตาผิงสร้างสมัยเรอเนซองซ์ บนผนังแขวนพรมทอเป็นฉากการยึดเมืองทรอยและการลักตัวเฮเล็นแห่งทรอย, การแสดงการต่อสู้ที่โคลีเซียม, การสวมมงกุฏของพระเจ้าเดวิด และฉากจากชีวิตของแซมซัน เฟอร์นิเจอร์เป็นเตียงสี่เสา โต๊ะแบบกอธิคสองตัวบนโต๊ะมีรูปปั้นหัวผู้หญิงสองหัว และหีบฝังสิ่งตกแต่ง

ภาพเขียน

  • “Worshipping the Wise Men” โดย ปีเตอร์ พอล รูเบนส์ เป็นภาพร่างของภาพใหญ่ที่พิพิธภัณฑ์ปราโด
  • “ภาพเหมือนดัชเชสแห่งโอลอน” (Portrait of the Duchess of Olonne) โดยมีญาร์ (Mignard)
  • อพอลโลที่บ้านของแอดมีทแห่งอาร์โกโน” (Apollo at the home of Admete the Argonaut) แบบอิตาลี คริสต์ศตวรรษที่ 17

ห้องนอนแคทเธอริน เด เมดิชิ

ห้องนอนนี้ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แกะสลักจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 และพรมทอเฟล็มมิชจากคริสต์ศตวรรษเดียวกันเป็นรูปชีวิตของแซมซัน นอกจากนั้นก็ตกแต่งสัตว์จากตำนานและสุภาษิตเช่นจากเรื่อง “ความชำนาญดีกว่าความฉลาดแกมโกง” เตาผิงและพื้นสร้างสมัยเรอเนซองซ์ ทางขวาของเตียงมีภาพ “สอนเรี่องรัก” (The teaching of Love) โดยอันโทนิโอ ดา คอร์เรจจิโอ วาดบนไม้ซึ่งภาพเดียวกันที่วาดบนผ้าใบอยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกรุงลอนดอน

ห้องนอนเซซาร์แห่งวองโดม

ห้องนอนนี้ทำให้ระลึกถึงเซซาร์ เดอ วองโดม (Cesar Vendôme) พระโอรสของพระเจ้าอ็องรีที่ 4 กับกาเบรียล แด็สเทรผู้กลายมาเป็นเจ้าของวังเชอนงโซเมื่อปี ค.ศ. 1624 สิ่งที่น่าสนใจในห้องนี้ก็มี

  • เพดานแบบเปิดคานตกแต่งด้วยบัวคอร์นิชเป็นปืนใหญ่
  • เตาผิงสมัยเรอเนซองซ์ทางตะวันตกจากทาสีเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีตราประจำตัวของทอมัส โบเย แบกด้วยรูปผู้หญิงเทินเสา (caryatids) แกะจากไม้
  • หน้าต่างทางตะวันตกมีกรอบเป็นผู้หญิงเทินเสาแกะจากไม้จากคริสต์ศตวรรษที่ 17
  • บนผนังมีพรมทอบรัสเซลล์จากคริสต์ศตวรรษที่ 17 สามผืนเป็นตำนานของเทพีดีมีเทอร์ (Demeter) และเทพีเพอร์เซ็พโฟนี (Persephone)
  • การเดินทางของดีมีเทอร์ และ เพอร์เซ็พโฟนีไปนรก ให้ผลไม้แก่มวลมนุษย์ และเพอร์เซ็พโฟนีกลับมาใช้ชีวิตบนโลกหกเดือนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนฤดูกาล
  • ขอบพรมทำอย่างงดงามตามแบบพรมบรัสเซลล์ตกแต่งด้วยช่อผลไม้ ดอกไม้ออกมาจาก "กรวยแห่งความอุดมสมบูรณ์" (cornucopia)
  • เตียงสี่เสาและเฟอร์นิเจอร์ในห้องนี้ทำในคริสต์ศตวรรษที่ 16
  • ทางด้านซ้ายของหน้าต่างเป็นภาพเขียน “ภาพเหมือนนักบุญโจเซฟ” โดย บาร์โตโลเม เอสเตบัน มูรีโย

ห้องนอนกาเบรียล แด็สเทร

ห้องนอนลุยส เดอ ลอเรน-โวเดมงผนังห้องนอนลุยส เดอ ลอเรน-โวเดมง

ห้องนี้เป็นห้องของกาเบรียล แด็สเทรพระสนมคนโปรดในพระเจ้าอ็องรีที่ 4 ผู้เป็นพระมารดาของเซซาร์แห่งวองโดมพระโอรสนอกสมรสของพระเจ้าอ็องรี เป็นเพดานแบบเปิดคาน พื้น เตาผิงและเฟอร์นิเจอร์เป็นสมัยเรอเนซองซ์ ใกล้เตียงสี่เสาแขวนพรมทอเฟลมมิชจากคริสต์ศตวรรษที่ 16 ผนังอีกสามด้านมีพรมแขวนเช่นกัน ร่างโดยลูคาส แวน เลย์เด็น (Lucas van Leyden) เป็นพรมชุดที่หายากเรียกันว่าชุด “The Lucas months” ซึ่งประกอบด้วย

เหนือตู้เป็นภาพเขียนแบบฟลอเรนซ์จากคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นรูปนักบุญซิซิเลียซึ่งเป็นนักบุญผู้พิทักษ์นักดนตรี เหนือประตูเป็นภาพเขียน “Child to the Lamb” โดยฟรานซิสโก ริบาลตา

โถงชั้นสอง

ห้องนี้มิได้ถูกซ่อมแซมโดยสถาปนิกโรเก(Roguet) ผู้เป็นลูกศิษย์ของเออแฌน วียอเล-เลอ-ดุ๊ก (Eugène Viollet-le-Duc) ในห้องนี้มีพรมทอเนอยี (Neuilly) จากคริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำแชร์ซึ่งมีเรือกอนโดลาลอยอยู่ เรือนึ้นำมาจากเวนิสพร้อมกับผู้พายเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยมาดามเพลูซ (Madame Pelouze) เจ้าของวังในขณะนั้น โต๊ะและพื้นหินเป็นแบบสมัยเรอเนซองซ์

ห้องนอนของหลุยส์แห่งลอแรน-โวเดมง

หลังจากที่ได้รับข่าวการปลงพระชนม์ของพระเจ้าอ็องรีที่ 3 พระสวามีโดยพระเคลมองท์ (Jacques Clément) เมี่อวันที่ 1 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1589 พระราชินีหลุยส์แห่งลอแรน-โวเดมงก็ทรงย้ายมาดำรงชีวิตอยู่ที่เชอนงโซเพื่อสวดมนต์และวิปัสนา ทรงล้อมรอบด้วยชีจนวังเป็นเหมือนสำนักชี และมักทรงเสื้อขาวซึ่งเป็นสีไว้ทุกข์หลวง จึงเป็นที่รู้จักกันว่า “พระราชินีขาว” ห้องนอนสร้างใหม่แต่เพดานเป็นของเดิม ตกแต่งด้วยสิ่งที่เป็นสัญลักษณ์ของการไว้ทุกข์เช่น น้ำตาเงิน, widows' cordons, มงกุฏหนาม, และอักษรกรีก “l” - “lambda” สำหรับ “Louise” ซึ่งเป็นอักษรย่อของพระองค์เองไขว้กับ “H” สำหรับ “Henri III”

ภายในห้องมีภาพเขียนพระเยซูสวมมงกุฏหนามภาพเขียนบนไม้จากคริสต์ศตวรรษที่ 16 อยู่บนเตาผิง เฟอร์นิเจอร์จากคริสต์ศตวรรษเดียวกัน

แหล่งที่มา

WikiPedia: วังเชอนงโซ http://www.newadvent.org/cathen/11321a.htm http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Angers_Apo... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Argenstein... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Canopy2_(P... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Catherine_... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Cesar-de-v... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Chateau-Ch... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Chenonceau... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Double_car... http://commons.wikimedia.org/wiki/image:Fleur-de-l...