อาคารเสนาสนะ ของ วัดบุปผารามวรวิหาร

หน้าบัน พระวิหาร

พระอุโบสถมีผู้ออกแบบคือ หลวงวิศาลศิลปกรรม (เชื้อ ปัทมจินดา) มีขนาดยาว 27 เมตร กว้าง 14 เมตร ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบัน ตรงกลางเป็นรูปตรามหาสุริยมณฑลแบบไทย คือตราราชสีห์เทียมรถ ซึ่งเป็นตราประจำตัวของ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาสุริยวงศ์ ถัดมาเป็นรูปพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พื้นประดับกระจกสี ซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มทรงมหาพิชัยมงกุฎ เป็นสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ 4 บานประตู้หน้าต่างไม้สัก ด้านนอกติดแผ่นทองแดงลายแกะสลักดุนปิดทองพื้นลายดอกพุดตาน ช่วงบนเป็นลายตราพระมหาพิชัยมงกุฎ ช่วงกลางเป็นลายตราบัวแก้ว ช่วงล่างเป็นลายเครื่องอิสริยยศของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาสุริยวงศ์และเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ หลังอุโบสถติดแผ่นทองแดงสลักดุตเรื่องมหาเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ลงรักปิดทอง ที่ฐานชั้นล่างมีรูปพระอัครสาวก (พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ) เป็นพระหล่อ ลงรักปิดทอง นั่งพับเพียบประนมมือบนแท่งต่ำอยู่ข้างซ้ายข้างขวาของพระประธาน

ศาลาการเปรียญ สร้างใหม่พร้อมอุโบสถ มีชื่อศาลาว่า ศาลาสมเด็จ มีลักษณะสถาปัตยกรรมทรงไทย มีประดับ ช่อฟ้า ใบระกาหางหงส์ หน้าบัน เป็นรูปตรามหาสุริยมณฑลแบบฝรั่ง คือรูปอาทิตย์มีรูปหน้าคนอยู่ตรงกลาง ทาสีทอง พื้นสีขาว ภายในศาลาประดิษฐานพระประธาน ปางมารวิชัยแบบพระพุทธชินราช

พระวิหารเป็นถาวรวัตถุแห่งเดียวในวัดที่ยังคงหลงเหลือ มีลักษณะสถาปัตยกรรมประยุกต์ผสมไทยจีน อันเป็นพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 มีตรามหาสุริยมณฑลแบบไทย (ราชสีห์เทียมรถ) อยู่ตรงกลางซุ้มประตูหน้าต่างเป็นลายปูนป้นปิดทอง ประดับกระจกสีรูปดอกพุดตาน มีตรามหาสุริยมณฑลแบบไทยเทิดมหาพิชยัมงกุฎอยู่ตรงกลาง ภายในวิหารเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระพุทธประวัติ พระประธานเป็นพระปางมารวิชัย แบบพระพุทธชินราช มีพาไลและระเบียงล้อมมรอบพระวิหาร พาไลเขียนสีลายรดน้า ปิดทอง ระเบียงปูหินอ่อน[3]

ใกล้เคียง