เมนูนำทาง
วัดสุทธิวราราม ประวัติเมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกอบกู้เอกราชแล้ว ได้เสด็จไปปราบหัวเมืองที่ตั้งตนเป็นก๊กต่างๆ และในปี พ.ศ. 2312 ได้ยกทัพทางเรือไปปราบก๊กเจ้านครศรีธรรมราชที่เมืองนครศรีธรรมราช แล้วได้นำตัวพระยานครศรีธรรมราช (หนู) พร้อมภรรยาและธิดามายังกรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้พำนักอยู่ฝั่งธนบุรีประมาณ 2 ปี ต่อมาพระยานครนครศรีธรรมราช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ย้ายมามาตั้งบ้านพักอยู่ฝั่งพระนคร ตามแนวคลองกรวย ติดแม่น้ำเจ้าพระยา (ปรากฏชื่อว่า “ตรอกพระยานคร” ซอยเจริญกรุง 69 ในปัจจุบัน) ก็ได้รับพระราชทานที่ดินประมาณ 200 ไร่ โดยพระยานครศรีธรรมราช ขอพระราชทานสร้างวัดใกล้ๆ กับวัดคอกควายหรือที่เรียกว่า “วัดยานนาวา” ในปัจจุบัน โดยยกเนื้อที่พระราชทานถวายเป็นที่วัด 48 ไร่ เบื้องต้นไม่ปรากฏชื่อวัดไม่ปรากฏชัดเจน[2] ต่อมาในปี พ.ศ. 2319 สมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงแต่งตั้งให้พระยานครศรีธรรมราช (หนู) กลับไปครองเมืองนครศรีธรรมราชดังเดิม และพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระเจ้านครศรีธรรมราช ให้มีเกียรติเสมอเจ้าประเทศราช มีอำนาจแต่งตั้งขุนนางตามแบบจตุสดมภ์ได้เช่นเดียวกับราชธานี[3] วัดแห่งนี้ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าอยู่ในอุปภัมป์ของผู้ใดหลังจากนั้น ต่อมาภายหลังมีชาว "ลาวเวียง" ซึ่งถูกการกวาดต้อนมาจากกรุงเวียงจันทน์ตั้งแต่สงครามเจ้าอนุวงศ์ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้กับวัด จึงเป็นที่มาให้คนทั่วไปเรียกวัดแห่งนี้ว่า "วัดลาว"[4]
เมื่อวัดลาวตั้งมาได้เป็นระยะเวลาประมาณ 100 ปี ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดเพลิงไหม้วัดทั้งหมด จึงต้องย้ายวัดไปสร้างในที่ป่าช้าของวัด ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางทิศตะวันออก ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดสุทธิวรารามในปัจจุบัน[5] ที่ตั้งวัดเดิมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็รกร้างว่างเปล่า ต่อมาบริษัทวินเซอร์โรซ (Windsor, Rose&Co.,) ซึ่งเป็นบริษัทชาวเยอรมัน มาขอเช่าทำที่ดิน โดยทำสัญญาเช่าที่ดินจากกระทรวงธรรมการ ตั้งแต่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จรด ถนนเจริญกรุง เพื่อสร้างเป็นโกดังเก็บสินค้า เมื่อได้เช่าแล้วก็ได้สร้างรั้วรอบพื้นที่ สร้างท่าเทียบเรือตรงมาจากถนนซอยแสงจันทร์ลงไปแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเรียกชื่อว่า “ท่าเจ้าพระยา” แต่ในฐานะที่ผู้จัดการบริษัทวินเซอร์โรซสวมแว่นตา[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งคนไทยในสมัยนั้นยังไม่ค่อยรู้จักแว่นตามากนัก[ต้องการอ้างอิง] จึงเรียกท่าน้ำนี้ว่า “ท่าสี่ตา” จนถึงปัจจุบัน[6][7]
จากจารึกในแผ่นศิลาที่ติดไว้หน้าโบสถ์หลังเก่า ระบุว่า วัดนี้เดิมเป็นวัดร้าง เมื่อปี ร.ศ. 100 ปีมะเส็ง จุลศักราช 1243 ตรงกับพุทธศักราช 2424 ท่านผู้หญิงสุทธิ์ ภริยาเจ้าพระยาสงขลา (เม่น ณ สงขลา) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ลำดับที่ 6 ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสร้างขึ้นใหม่ และเมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดนี้ว่า “วัดสุทธิวราราม” ตามนามของท่านผู้หญิงสุทธิ์
ต่อมาวัดนี้ทรุดโทรมลง ท่านปั้น หรือ นางอุปการโกษากร (ปั้น ณ สงขลา วัชราภัย) ภรรยาหลวงอุปการโกษากร (เวท วัชราภัย) ซึ่งเป็นบุตรีเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา) และท่านผู้หญิงสุทธิ์ มีกตัญญูระลึกถึงคุณบิดา มารดา และเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ปฏิสังขรณ์ก่อสร้างขึ้นบริบูรณ์ ในปี ร.ศ. 118 จุลศักราช 1262 ตรงกับพุทธศักราช 2442[6] และได้รับแต่งตั้งให้เป็นมรรคทายิกาวัดสุทธิวราราม ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2445 โดยให้ความอุปถัมภ์ตลอดมา
และเมื่อท่านปั้น อุปการโกษากร ถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2451 ด้วยโรคฝีที่ข้อศอกข้างซ้าย[8] พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาฯ โปรดเกล้าให้ บุตรชายของท่านปั้น พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์ (สุหร่าย วัชราภัย) ดำรงตำแหน่งมรรคนายกวัดสุทธิวรารามต่อจากมารดา เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2451[9] บุตรธิดาของท่านปั้น ได้แก่
มีประสงค์จะสร้างอนุสรณ์สถานเพื่ออุทิศเป็นทักษิณานุปทานแด่มารดา โดยมีพระศิริศาสตร์ประสิทธิ์เป็นหัวหน้า จึงได้รวบรวมทุนทรัพย์จัดสร้างโรงเรียนขึ้นในบริเวณที่ธรณีสงฆ์ซึ่งบริษัทวินเซอร์โรซเช่าอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นสถานที่อบรมและให้การศึกษาแก่เยาวชนของชาติ ใช้ชื่อว่า “โรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม”พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาทรงกระทำพิธีเปิด[ต้องการอ้างอิง] เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2454 เป็นโรงเรียนแรกที่สร้างขึ้นในรัชกาลของพระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชดำรสชมเชย ให้การสร้างโรงเรียนมัธยมพิเศษสุทธิวราราม เป็นแบบอย่างของการบำเพ็ญกุศลที่ต้องด้วยพระราชนิยมเป็นอย่างยิ่ง[10][11]
ในปี พ.ศ. 2460 ทางบริษัทวินเซอร์โรซ (ห้างสี่ตา) ได้หมดสัญญาเช่าที่ดิน(ด้านหน้า) ท่านขุนสุทธิดรุณเวทย์ (ชื่น วิเศษสมิต) อาจารย์ผู้ปกครองได้ขอสถานที่จากทางวัดสุทธิราราม เพื่อสร้างเป็นโรงเรียนชั้นประถม เมื่อท่านเจ้าอาวาสวัดสุทธิรารามได้กรุณาให้เป็นไปตามความประสงค์ จึงได้รื้อโรงเรียนประถมวัดยานนาวา มาปลูกสร้างต่อจากโรงเรียนเดิมไปทางทิศตะวันตก เมื่อสร้างเสร็จแล้ว กระทรวงธรรมการ เห็นสมควรจะเปิดเป็นโรงเรียนสตรีอีกแผนกหนึ่ง
พ.ศ. 2461 เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ทรงประกาศสงครามกับประเทศเยอรมัน จึงส่งทหารเข้ายึดโกดังของบริษัทวินเซอร์โรซ ในฐานะเชลยสงคราม เมื่อยึดโกดังทรัพย์สินไปแล้ว ที่ดินวัดซึ่งเป็นที่ธรณีสงฆ์ก็พลอยติดไปด้วย ที่ดินนี้จึงเป็นที่ราชพัสดุ แล้วกลายเป็นที่ตั้งองค์การสะพานปลาในปัจจุบัน โดยมีเนื้อที่ทั้งหมด 18 ไร่
ต่อมาวัดนี้ทรุดโทรมลงอีก ในปี พ.ศ. 2473 เชื้อ ณ สงขลา ภรรยาพระอนันตสมบัติ (เอม ณ สงขลา) บุตรี ท่านปั้นฯ และหลวงอุปการโกษากร (เวท วัชรภัย) ได้จัดการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ โดยได้รื้อเพิงทั้งด้านและด้านหลังของอุโบสถ เปลี่ยนมุขซ้อนลงมาและได้ปฏิสงขรณ์อุโบสถทั้งหลัง รวมทั้งได้ย้ายแท่นระประธานซึ่งเดิมตั้งอยู่ด้านตะวันตก เปลี่ยนมาเป็นทิศตะวันออกและสร้างพระประธานขึ้นใหม่หันพระพักตร์ไปทางถนนเจริญกรุงวัดนี้ได้อยู่ในความอุปถัมภ์ของท่านผู้สร้างในครั้งแรก และครั้งต่อ ๆ มา ดังได้ออกนามมาแล้ว ตลอดจนถึงผู้ที่สืบตระกูลของท่านเหล่านั้น เป็นต้นว่า เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) และพระยามานวราชเสวี (ปลอด วิเชียร ณ สงขลา) ผู้เป็นองคมนตรี โดยเป็นผู้ช่วยเหลือ อุปถัมภ์สืบต่อจาก เชื้อ ณ สงขลา ผู้เป็นมารดา
ที่สำคัญยิ่งเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2511 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดสุทธิวราราม ซึ่งเป็นการทอดผ้าพระกฐินหลวงครั้งแรก ณ วัดที่ไม่ใช่พระอารามหลวง[12] หลังจากถวายผ้าพระกฐินเสร็จแล้ว ได้ตรัสกับเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) ประธานองคมนตรี ผู้รับเสด็จใกล้ชิดว่า
|
หลังจากนั้น วัดสุทธิวราราม ก็ได้มีการพัฒนาเพื่อเป็นสถานที่พักอาศัยและศึกษาเล่าเรียนของพระภิกษุ สามเณร รวมทั้งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชนและเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียนของกุลบุตร กุลธิดา สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันวัดสุทธิวราราม มีรองศาสตราจารย์ ดร. พระสุธีรัตนบัณธิต (สุทิตย์ อาภากโร) ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยและรองคณบดีคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย[13] เป็นเจ้าอาวาส
เมนูนำทาง
วัดสุทธิวราราม ประวัติใกล้เคียง
วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดสุวรรณารามราชวรวิหาร วัดสุทธิวราราม วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร วัดสุทธิวาตวราราม วัดสุนทรธรรมทาน วัดสุทธจินดาวรวิหาร วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดสุทธาวาส (เขตธนบุรี) วัดสุทธาราม (กรุงเทพมหานคร)แหล่งที่มา
WikiPedia: วัดสุทธิวราราม http://maps.google.com/maps?ll=13.712506,100.51288... http://www.multimap.com/map/browse.cgi?lat=13.7125... http://nasongkhla.com/index.php?option=com_content... http://www.terraserver.com/imagery/image_gx.asp?cp... http://www.watsuthi.com http://www.globalguide.org?lat=13.712506&long=100.... http://www.wikimapia.org/maps?ll=13.712506,100.512... //tools.wmflabs.org/geohack/geohack.php?pagename=%... http://www.mcu.ac.th/site/director1.php http://www.ohm.go.th/th/pdfbook/150463?channel=2&p...