เบื้องหลัง ของ วิกฤตการณ์การเมืองไทย_พ.ศ._2548–2553

ทักษิณ ชินวัตร

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นเอกชน

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในรัฐบาลทักษิณนั้น ถูกกล่าวหาว่ากระทำไปเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมืองและพวกพ้อง ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด คือ การแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และความพยายามแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย

การแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเกิดขึ้นในปี เดือน เมษายน [7] พ.ศ. 2544 การแปรรูปครั้งนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นการเปิดทางให้มีการคอรัปชั่น เป็นเครื่องมือสร้างความร่ำรวยให้กับนักการเมืองและพวกพ้อง โดยการแปรรูปในครั้งนี้มีข้อครหาในหลายเรื่อง เช่น คณะกรรมการที่ถูกแต่งตั้งในรัฐบาลทักษิณได้ประเมินมูลค่าหุ้นของปตท.ในราคาหุ้นละ 35 บาท ซึ่งอาจเป็นราคาที่ถูกกว่าความจริง[8] นอกจากนี้ในการจองซื้อหุ้นนั้นหุ้นได้ถูกขายหมดในเวลา 1 นาที 17 วินาที โดยที่ประชาชนที่เข้าคิวรอซื้อกลับไม่ได้[9] โดยหุ้นเหล่านั้นถูกจองซื้อโดยกลุ่มบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่ามีความใกล้ชิดกับนักการเมืองและผู้มีอำนาจหลายคนด้วย[10]

ในส่วนของความพยายามในการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 โดยทักษิณ ชินวัตรในขณะนั้นได้ให้สัมภาษณ์อย่างเกรี้ยวกราดว่า "ตายเป็นตาย รัฐบาลจะไม่ยอมถอยเด็ดขาด" และได้ให้เหตุผลว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันกับเอกชน สามารถตรวจสอบได้ และเกิดการระดมทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ต่อไป[11] แต่มีผู้คัดค้าน เนื่องจากเกรงว่าผลประโยชน์อาจตกอยู่กับคนรอบข้างนายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลดังเช่นการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย[12]

ภายหลังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้องทักษิณ ชินวัตรกับพวกต่อศาลปกครอง และศาลปกครองได้มีคำสั่งให้รัฐบาลแพ้คดีนี้โดยให้ระงับการกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยการยกเลิกพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ คือพระราชกฤษฎีกากำหนดอำนาจ สิทธิและประโยชน์ของบริษัท กฟผฯ และพระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมายว่าด้วยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เพราะพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย[13] เนื่องจากมีคณะกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัทบางคนมีส่วนได้ส่วนเสียกับกิจการ กฟผ.ซึ่งเป็นคุณสมบัติต้องห้าม ทำให้ศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมา[14]

การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองของทักษิณ ชินวัตร

ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ถูกนักวิชาการบางกลุ่มออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าอยู่ภายใต้ "ระบอบทักษิณ" คือ ไม่ใส่ใจต่อเจตนารมณ์ประชาธิปไตย ข้องเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการฉ้อราษฎร์บังหลวง[15] นอกจากนี้ยังไม่สามารถควบคุมความรุนแรงที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,000 คน[16] ทั้งนี้ ประชาชนบางกลุ่มได้ใช้คำว่า "ระบอบทักษิณ" สร้างความชอบธรรมในการขับไล่ พ.ต.ท. ทักษิณ ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ความขัดแย้งสนธิ-ทักษิณ และกรณีเมืองไทยรายสัปดาห์

สนธิ ลิ้มทองกุล(คนขวา) ขณะดำเนินรายการเมืองไทยรายสัปดาห์

สนธิ ลิ้มทองกุลเคยสนับสนุนทักษิณในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยแรก[17] ก่อนที่สนธิเปลี่ยนมาเป็นโจมตีทักษิณ หลังจากที่ตนเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจ[18] ความขัดแย้งดังกล่าวได้ขยายตัวขึ้นเมื่อช่องโทรทัศน์ 11/1 ของสนธิถูกสั่งยุติการออกอากาศชั่วคราว จากการพิพาทในหนังสือสัญญากับผู้วางระเบียบของรัฐบาล[19][20]

กลางเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ และคณะกรรมการ อสมท มีมติให้ระงับการออกอากาศรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวีอย่างไม่มีกำหนด[21][22] เนื่องจากสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ ได้อ่านบทความเรื่อง "ลูกแกะหลงทาง" ซึ่งมีเนื้อหาโดยอ้อมกล่าวหารัฐบาลทักษิณและเชื่อมโยงไปถึงสถาบันเบื้องสูง สนธิจึงเปลี่ยนเป็นการจัดรายการนอกสถานที่แทน[23]

กรณี "การละเมิดพระราชอำนาจ" และการทำบุญที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

การทำบุญที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2548

ในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2548 หนังสือพิมพ์ ผู้จัดการรายวัน ได้ตีพิมพ์การเทศนาของหลวงตามหาบัว มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์ พ.ต.ท. ทักษิณ อย่างหนัก เนื้อหาส่วนหนึ่งพาดพิง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่ามีการใช้อำนาจ "...มุ่งหน้าต่อประธานาธิบดีชัดเจนแล้วเดี๋ยวนี้ พระมหากษัตริย์เหยียบลง ศาสนาเหยียบลง ชาติเหยียบลง..."[24] ทำให้เกิดหัวข้อโต้เถียงกันเป็นวงกว้าง และนับตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการได้เขียนบทความกล่าวหาว่านายกรัฐมนตรีละเมิดอำนาจของพระมหากษัตริย์จากการเป็นประธานในพิธีทำบุญที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 10 เมษายน (ซึ่งโดยปกติสงวนไว้เป็นพระที่นั่งของพระมหากษัตริย์)

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ศาตราจารย์ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ออกมาชี้แจงว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานในพิธีแล้ว[25] เช่นเดียวกับนายแพทย์ จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในขณะนั้น ได้สนับสนุนและอ้างว่าสำนักพระราชวังออกแบบพิธีทั้งหมด รวมทั้งการจัดตำแหน่งเก้าอี้ด้วย[26] อย่างไรก็ตาม ASTV ผู้จัดการออนไลน์ ได้ระบุว่า ในวันดังกล่าวไม่มีพระบรมราชานุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นประธานในพิธี[27] ต่อมา ในวันที่ 17 พฤศจิกายน ศาลแพ่งมีคำสั่งให้สนธิหยุดการกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณ เพิ่ม[28]

กรณีการขายหุ้นกลุ่มบริษัทชินคอร์ป

ในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ขายหุ้นที่ครอบครองอยู่ทั้งหมดในกลุ่มบริษัทชินคอร์ป ให้แก่บริษัทเทมาเส็ก รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 74,000 ล้านบาท[29] หรือกว่า 49.61% ของหุ้นทั้งหมด[30] ทำให้ถูกโจมตีในประเด็นด้านการได้รับการยกเว้นภาษี การปล่อยให้ต่างชาติเข้าบริหารกิจการด้านความมั่นคง รวมทั้งผลประโยชน์ทับซ้อนและการหลีกเลี่ยงภาษีกำไรส่วนทุน[31]

คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้ดำเนินการตรวจสอบการซื้อขายดังกล่าว โดยได้ผลสรุปเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และบุตรี พินทองทา ชินวัตร ปราศจากความผิด อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการได้พบว่าบุตรของ พ.ต.ท.ทักษิณ พานทองแท้ ชินวัตร ละเมิดกฎว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลและข้อเสนอการประมูลสาธารณะในการซื้อขายระหว่างปี พ.ศ. 2543-2545 นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบการโอนภายในโดยผู้ถือหุ้นของบริษัทชินคอร์ป แต่ก็ไม่พบการกระทำที่ผิดกฎ

ใกล้เคียง

วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 วิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2549 วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2548–2553 วิกฤตรัฐธรรมนูญออสเตรเลีย ค.ศ. 1975 วิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา วิกฤตการเงิน ค.ศ. 1907 วิกฤติหนี้สาธารณะยุโรป

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิกฤตการณ์การเมืองไทย_พ.ศ._2548–2553 http://www.theage.com.au/articles/2009/04/14/12394... http://www.theage.com.au/news/business/thai-pm-rin... http://www.abc.net.au/news/stories/2010/05/17/2900... http://english.peopledaily.com.cn/200609/21/eng200... http://www.2bangkok.com/highfeb112006news.shtml http://www.bangkokbiznews.com/2006/special/whiteco... http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics... http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/495111 http://bangkokpost.com/breakingnews/170009/stringe... http://bangkokpost.com/breakingnews/170025/udd-den...