วิธีโดนต์

วิธีโดนต์ (อังกฤษ: D'Hondt method) หรือ วิธีเจฟเฟอร์สัน (Jefferson method) เป็นวิธีคำนวณหาค่าเฉลี่ยสูงสุดซึ่งใช้ในการแบ่งที่นั่งในระบบการลงคะแนนและใช้ในระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อ ในสหรัฐเรียกวิธีนี้ตามทอมัส เจฟเฟอร์สัน ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มใช้วิธีแบ่งสรรปันส่วนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐใน ค.ศ. 1792 ส่วนในยุโรปนั้นเรียกตามฟิกตอร์ โดนต์ นักคณิตศาสตร์ชาวเบลเยียมผู้อธิบายหลักวิธีนี้ใน ค.ศ. 1878 ในระบบสัดส่วนนั้นตั้งใจให้มีการจัดแบ่งที่นั่งในสภาตามคะแนนเสียงที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ ตัวอย่างเช่น หากพรรคการเมืองชนะด้วยคะแนนเสียงหนึ่งในสามของคะแนนเสียงทั้งหมดดังนั้นพรรคการเมืองนั้นควรจะมีที่นั่งหนึ่งในสามของสภา โดยปกติแล้ว การจัดสัดส่วนให้พอดีนั้นเป็นไปได้ยากเนื่องจากการคำนวณออกมาจะที่นั่งที่เป็นเศษส่วน ดังนั้นจึงมีวิธีคิดหลายวิธี วิธีโดนต์ก็ถือเป็นหนึ่งในวิธีหลักที่ใช้ในการจัดสรรที่นั่งให้แต่ละพรรคการเมืองโดยทำให้กลายเป็นเลขจำนวนเต็ม และยังคงความเป็นสัดส่วนให้ได้มากที่สุด[1] หลักการของวิธีต่าง ๆ นั้นใช้การประมาณการให้เข้ากับความเป็นสัดส่วนให้ได้มากที่สุดโดยพยายามลดความไม่เป็นสัดส่วนออก ในวิธีโดนต์นั้นหลักการคือลดจำนวนคะแนนเสียงที่เหลือไว้เพื่อนำคะแนนเสียงส่วนที่เหลือนั้นจัดเป็นสัดส่วนได้ลงตัว ซึ่งมีเพียงแค่วิธีโดนต์ (และวิธีอื่น ๆ ที่เทียบเท่า) สามารถลดความไม่เป็นสัดส่วนลงได้[2] ในการวิจัยเชิงประจักษ์จากวิธีอื่น ๆ นั้นกล่าวว่าจากแนวคิดสมัยใหม่แสดงให้เห็นว่าวิธีโดนต์นั้นเป็นระบบที่เป็นสัดส่วนน้อยที่สุดในวิธีใกล้เคียงทั้งหมด เนื่องจากวิธีโดนต์นั้นทำให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ (หรือกลุ่มพรรคการเมืองใหญ่) ได้เปรียบเหนือพรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวนหลายพรรค[3][4][5][6] โดยเมื่อเปรียบเทียบกันกับวิธีเว็บสเตอร์/แซ็งต์-ลากูว์ หรือวิธีใช้ตัวหาร ลดความได้เปรียบของพรรคใหญ่ลง และช่วยพรรคขนาดกลางมากกว่าพรรคขนาดใหญ่กับพรรคขนาดเล็ก[7]คุณสมบัติของวิธีโดนต์จากการศึกษาแล้วพิสูจน์ได้ว่าวิธีโดนต์นั้นมีความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา เสถียร และเป็นวิธีที่สมดุลซึ่งกระตุ้นให้เกิดการรวมพรรคการเมือง[8][9] โดยวิธีใดจะถือว่าสม่ำเสมอหรือไม่อยู่ตรงที่ว่าจะจัดการกับพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียงเท่ากันอย่างไร ในเรื่องความคงเส้นคงวานั้นคือพรรคการเมืองจะไม่ได้ที่นั่งลดลงในกรณีที่ขนาดของสภาขยายใหญ่ขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องความเสถียรนั้นกล่าวคือเมื่อพรรคการเมืองสองพรรครวมกันเป็นพรรคเดียวแล้วจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงจำนวนที่นั่งจากเดิม ส่วนในเรื่องของการรวมพรรคการเมืองคือเมื่อใดที่มีการร่วมพันธมิตรกันจะไม่ทำให้เสียที่นั่งไปสภานิติบัญญัติที่ใช้วิธีโดนต์ในการคำนวณได้แก่ กรีนแลนด์ กัมพูชา กัวเตมาลา กาบูเวร์ดี โครเอเชีย โคลอมเบีย ชิลี ซานมารีโน เซอร์เบีย ญี่ปุ่น เดนมาร์ก ติมอร์-เลสเต ตุรกี นอร์ทมาซิโดเนีย นิการากัว เนเธอร์แลนด์ บราซิล บุรุนดี เบลเยียม โบลิเวีย ปารากวัย เปรู โปรตุเกส โปแลนด์ ฟินแลนด์ ฟีจี มอนเตเนโกร มอลโดวา โมซัมบิก โมนาโก โรมาเนีย ลักเซมเบิร์ก เวเนซุเอลา สเปน สโลวีเนีย สวิตเซอร์แลนด์ สาธารณรัฐโดมินิกัน ออสเตรีย อาร์เจนตินา อาร์มีเนีย อารูบา อิสราเอล อุรุกวัย เอกวาดอร์ เอลซัลวาดอร์ เอสโตเนีย แองโกลา แอลเบเนีย ไอซ์แลนด์ และฮังการีวิธีนี้ยังใช้ในการคำนวณหาที่นั่งเพิ่มเติม (top-up seats) ในรัฐสภาสกอตแลนด์ รัฐสภาเวลส์ และสภาลอนดอน ในบางประเทศใช้ในการเลือกตั้งสภายุโรป และในประเทศไทยใช้ในสมัยรัฐธรรมนูญ ค.ศ. 1997 เพื่อคำนวณจำนวนที่นั่งในระบบบัญชีรายชื่อ[10] นอกจากนี้ยังใช้วิธีโดนต์แบบปรับแต่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัตินครหลวงออสเตรเลีย แต่ต่อมาได้เปลี่ยนวิธีไปใช้ระบบการลงคะแนนแบบแฮร์-คลาร์กแทน

แหล่งที่มา

WikiPedia: วิธีโดนต์ http://pure.iiasa.ac.at/525/1/RR-76-020.pdf http://pure.iiasa.ac.at/597/1/PP-76-006.pdf http://www.math.uni-augsburg.de/stochastik/pukelsh... http://www.tcd.ie/Political_Science/staff/michael_... http://www.ccc.nps.navy.mil/si/2005/Jun/croissantJ... http://www.kenbenoit.net/pdfs/PA84-381-388.pdf //doi.org/10.1016%2F0261-3794(91)90004-C //doi.org/10.1016%2FS0261-3794(02)00027-6 //doi.org/10.1080%2F2474736X.2019.1625712 //doi.org/10.1080/2474736X.2019.1625712