วิว-มาสเตอร์ (
อังกฤษ: View-Master) เป็นชื่อการค้าผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่เกี่ยวกับ
ระบบภาพสามมิติ มีจุดกำเนิดจาก
กล้องดูภาพสามมิติ ซึ่งมีรูปลักษณ์เหมือน
กล้องส่องทางไกลแบบสองตา ต้องใส่แผ่นรีล (Reel) เพื่อส่องดูฟิล์มสไลด์ (slides) พร้อมกัน 2 ภาพแยกสำหรับตาซ้าย-ขวา แล้วสมองจะแปรผลรวมเป็นภาพเดียวที่มีมิติตื้นลึกสมจริง กดเปลี่ยนภาพต่อเนื่องได้ 7 ภาพแผ่นรีลของวิว-มาสเตอร์ มีลักษณะเป็นกระดาษแข็งตัดเป็นรูปวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 9 ซม. หรือ 3.5 นิ้ว ฉลุช่องสี่เหลี่ยม ผนึกประกบฟิล์มสไลด์ 14 สไลด์ หรือ 7 คู่ภาพ โดยใช้สไลด์ โกด้าโครม (
Kodachrome พ.ศ. 2478-2550 (1935-2007)) ของ
อีสต์แมนโกดัก (
Eastman Kodak พ.ศ. 2431-2555 (1888-2012))ผู้ประดิษฐ์วิว-มาสเตอร์คือ วิลเลี่ยม บี. กรูเบอร์ (William B. Gruber) หลังจากที่ได้พบปะพูดคุยกับ ฮาโรลด์ เจ. เกรฟ (Harold J. Graves) ในปี พ.ศ. 2481 (1938) จึงชักชวนให้มาทำงานร่วมกันใน ซอว์เยอร์ส (
Sawyer’s Inc.) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตโปสการ์ดที่ระลึก ตั้งอยู่ในพอร์ตแลนด์ โอเรกอน สหรัฐอเมริกา และแล้ว กล้องดูสไลด์สามมิติวิว-มาสเตอร์ก็ได้เปิดตัวครั้งแรกช่วงปลายปี พ.ศ. 2482 (1939) ในงานนิวยอร์กเวิร์ลสแฟร์ (
1939 New York World’s Fair)ยุคเริ่มต้น กล้องวิวมาสเตอร์ มีสีดำ หรือน้ำตาลเข้ม เน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายผู้ใหญ่ ใช้เพื่อการศึกษา และใช้ดูภาพสถานที่ท่องเที่ยว แต่ก็ปรับปรุงพัฒนาต่อมาอีกหลายสิบรุ่น ถูกเปลี่ยนมือเจ้าของกิจการหลายบริษัท ปัจจุบันเป็นของแมทเทล (
Mattel) และถูกวางตัวเป็นสินค้าเพื่อความบันเทิง ของเล่น-ของที่ระลึกสำหรับเด็กผลิตภัณฑ์ล่าสุดคือ View-Master Virtual Reality พ.ศ. 2558 (ค.ศ.2015) เป็นกล้องดูภาพสามมิติจากจอภาพ
สมาร์ตโฟน ร่วมกับ app เห็นภาพแบบเวอร์ชวล รีอาลลิตี้ (
Virtual Reality (VR),
สภาพสามมิติรอบตัวเสมือนจริง) และดูแอนิเมชัน 3 มิติ แบบ อ๊อกเมนเต็ด รีอาลลิตี้ (
Augmented Reality (AR)
แอนิเมชันผสานสภาพสามมิติรอบตัวเสมือนจริง) โดยการส่องกล้องไปที่ แผ่นพรีวิวรีล (Preview Reel) ซี่งทำรูปลักษณ์ให้คล้ายรีลแบบเดิม-แต่ไม่มีการใช้สไลด์อีกแล้ว (ตัวอย่าง อ๊อกเมนเต็ด รีอาลลิตี้ เช่น ภาพในเกม
โปเกมอน โก ตอนที่ ม็อนสเตอร์โผล่มาให้จับบนสถานที่จริง)วิวมาสเตอร์ เริ่มแพร่หลายในประเทศไทย ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนมี
ทีวีช่อง 3, (สถานีโทรทัศน์ แห่งที่ 4) และทีวียังเป็นภาพขาว-ดำ,
หนังโรงเป็นเรื่องไกลตัว
หนังกลางแปลงและงานวัดเป็นสถานบันเทิงที่ชุมนุมของคนทั่วไป ภาพจากภาพยนตร์ สถานที่ท่องเที่ยวสีสันสวยงาม หรือการ์ตูน ยังหาดูได้ยาก ในขณะที่ วิวมาสเตอร์ สามารถนำเสนอภาพสวยงามเหล่านั้นแถมยังเห็นมิติตื้นลึกได้ เป็นของเล่นที่พอจะมีเด็กๆ พกมาโรงเรียน แต่ก็ไม่มาก นอกจากนี้มีพ่อค้าทำแผงเร่-รถเร่ จัดเอา กล้องวิวมาสเตอร์ หลายๆ ตัว ยึดติดเรียงแถวกับแผง (มีหลอดไฟเปิดให้ความสว่างด้านหลัง) พร้อมเอาหน้าซองแผ่นรีลซึ่งพิมพ์ภาพสีสวยงาม ติดแขวนโชว์เป็นชั้นๆ ด้านบน อย่างกับรถเข็นขายปลาหมึกปิ้ง
[1] แล้วรถเร่ก็จะตระเวณไปตามโรงเรียน, งานวัด สถานชุมชน ฯลฯ เด็กๆ จำนวนมาก รวมถึงผู้ใหญ่ จะมาเช่าดูในราคาถูก ไม่กี่บาท (ดูภาพจำลองอดีตจากภาพยนตร์ "
ตุ๊กแกรักแป้งมาก") ทำให้กล้องวิวมาสเตอร์และรถเร่เป็นสิ่งติดตาฝังใจของเด็ก-ผู้ใหญ่ มาถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะ กล้องวิว-มาสเตอร์ โมเดล แอล (L) สีแดง ปุ่มกลมก้านอลูฯ สีสดสะดุดตาเด็กๆ มาก, โมเดล จี (G) ทูโทนแดง-ขาว
[2] และสีเบจ, ส่วนโมเดลอื่น เช่น โมเดล ซี (C) สีดำ, โมเดล อี (E) สีน้ำตาลเข้ม แม้จะเป็นรุ่นที่ผลิตแรกๆ เก่ามาก สีเข้มทึบไม่สะดุดตา แต่ก็ด้วยความทนทาน(วัสดุเป็น
แบ๊กกะไลต์) จึงถูกนำมาใช้งานอย่างยาวนานมาก ผ่านตาเด็กๆ หลายยุคหลายสมัย กล้องวิวมาสเตอร์ ถูกเรียกด้วยหลากหลายชื่อ เช่น หนังวง, หนังแผ่น, ภาพลอย, ถ้ำมอง, ตู้มอง ฯลฯ
[3]จากนั้นก็เริ่มมีกล้องแนว พ็อคเก็ต ฟลิกซ์ (มูฟวี่-วิวเวอร์, movie viewer) แบบพกพา ซึ่งสามารถดูฟิล์มภาพยนตร์หรือการ์ตูนเห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวแต่ไม่มีเสียง และไม่สามมิติ เข้ามาร่วมแผงเร่ ฮิตด้วยกันอยู่สักพัก ก็ค่อยๆ หมดความนิยม ทั้งนี้ ทีวีสีมีบทบาทมากขึ้น หนังสือ-สื่อต่างๆ มีให้เลือกเยอะขึ้น, รถเร่-แผงเร่วิวมาสเตอร์จึงเลือนหายไป, กล้องวิว-มาสเตอร์เคยหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้า ก็ค่อยๆ ลดจำนวนจนเลิกขายไปในที่สุด ฟิล์มสไลด์ของโกดักที่เคยใช้ทำรีลก็เลิกผลิตแล้ว, สื่อบันทึกภาพทยอยเปลี่ยนไปเป็นระบบดิจิตอล, การส่องดูภาพนิ่งสามมิติไม่ดึงดูดใจอย่างแต่ก่อน เทคโนโลยีสามมิติพัฒนาไปมาก สามารถเปิดดูได้ง่ายๆ จาก
ทีวี และ
สมาร์ตโฟน