ประวัติ ของ ศิริมงคล_สิงห์มนัสศักดิ์

ประวัติเบื้องต้น

ศิริมงคล มีชื่อจริงว่า ศิริมงคล เอี่ยมท้วม มีชื่อเล่นว่า "โอ๋" เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2520 ที่ตำบลบึงยี่โถ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เป็นลูกคนชายคนกลางในจำนวนลูก ๆ ทั้งหมด 3 คน ของนายมานพ เอี่ยมท้วม เจ้าของค่ายมวยสิงห์มนัสศักดิ์ และนางบัวเรียม เอี่ยมท้วม ผู้เป็นแม่ เมื่อยังเด็ก ศิริมงคลชอบร้องรำลิเกมาก เพราะติดตามแม่ซึ่งชอบดูลิเก ศิริมงคลเดิมทีเป็นคนไม่ชอบมวยเลย ทางพ่อ นายมานพจับให้ศิริมงคลชกมวย โดยเริ่มจากมวยไทยก่อน ด้วยการหลอกล่อให้ชกในงานวัดแถวบ้าน ได้ค่าตัวครั้งแรก 100 บาท ซึ่งทางครอบครัวเองก็มีลูกชายคนโต คือ มานพชัย สิงห์มนัสศักดิ์ เป็นอดีตแชมป์มวยไทยเวทีมวยช่อง 7 สี

สำหรับมวยสากลสมัครเล่น ศิริมงคลเองก็เคยชกมาก่อน ในนามของโรงเรียนสมัยศึกษาอยู่ระดับมัธยมศึกษา ได้แชมป์ในระดับนักเรียนมาจำนวนหนึ่ง[1]

แชมป์โลก WBU และ WBC

ศิริมงคลขึ้นชกมวยสากลครั้งแรกเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2537 ชนะคะแนน ฤทธิชัย เกียรติประภัสร์ จากนั้นชกชนะรวด จนได้ครองแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวท และแบนตั้มเวท ของสหภาพมวยโลก (WBU) ในปี พ.ศ. 2538 ก่อนที่จะสละตำแหน่งไปเพื่อครองแชมป์โลกในสถาบันที่ใหญ่กว่า คือ สภามวยโลก (WBC) ซึ่งในเดือนพฤษภาคม ปี พ.ศ. 2539 ศิริมงคลเอาชนะน็อกยก 3 เขาใหญ่ มหาสารคาม หรือชื่อเดิมว่า ถนอมศักดิ์ ศิษย์โบ๊เบ๊ นักมวยรุ่นพี่ซึ่งเคยมีโอกาสขึ้นแชมป์โลกถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จเลยสักครั้งและเป็นรองแชมป์โลกอันดับ 1 รุ่นแบนตั้มเวท WBC ในขณะนั้น ไปได้อย่างสวยงาม ซึ่งในการชกครั้งนี้ถือเป็นการชกมวยครั้งสุดท้ายของถนอมศักดิ์

ต่อมาในเดือนสิงหาคม ปีเดียวกัน ที่จังหวัดพิษณุโลก ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ก็เอาชนะทีเคโอ​ โฆเซ ลุยส์ บูเอโน นักมวยชาวเม็กซิกัน ซึ่งเคยเป็นแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์ฟลายเวทในสถาบันเดียวกันนี้ ในยกที่ 5 ไปได้อย่างงดงาม คว้าแชมป์เฉพาะกาลไปได้ ด้วยวัยเพียง 19 ปี และต่อมาในปี พ.ศ. 2540 สภามวยโลกก็ประกาศให้ศิริมงคลเป็นแชมป์โลกตัวจริง ศิริมงคล สามารถป้องกันตำแหน่งเอาไว้ได้ถึง 3 ครั้งด้วยกัน ในปลายปี ศิริมงคลได้เดินทางไปชกป้องกันตำแหน่งที่ประเทศญี่ปุ่น กับ โจอิจิโร ทัตสึโยชิ อดีตแชมป์โลกในรุ่นนี้ชาวญี่ปุ่น ศิริมงคลต้องลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก ถึงวันชกร่างกายซูบซีด แก้มตอบ ตาลึกโบ๋ แต่ก็ยังอดทนกัดฟันสู้กับทัตสึโยชิได้จนถึงยก 7 ก่อนที่กรรมการจะยุติการชกแพ้ทีเคโอไปอย่างบอบช้ำ

ไฟล์:Tatuyosisirimonnkonn.jpgแพ้น็อก โจอิจิโร ทัตสึโยชิ เสียแชมป์โลกครั้งแรก

เลื่อนรุ่น

จากนั้นจึงเลื่อนรุ่นขึ้นไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า และอุ่นเครื่องอีกหลายครั้ง ก่อนจะขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวทสถาบันเดิมที่ว่าง เอาชนะ เค็งโงะ นางาชิมะ นักมวยชาวญี่ปุ่น ไปได้เมื่อปี พ.ศ. 2545 และป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้หนึ่งครั้ง ที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะแพ้คะแนน เฆซุส ชาเบซ นักมวยชาวเม็กซิกัน ในการชกไฟท์บังคับ ในปี พ.ศ. 2546 ที่สหรัฐอเมริกา

ตกอับและปัจจุบัน

เมื่อเสียแชมป์โลกสมัยที่ 2 แล้ว การชกมวยของศิริมงคลเป็นไปอย่างลุ่ม ๆ ดอน ๆ เนื่องจากเป็นมวยรุ่นใหญ่ หาผู้สนับสนุนยาก ศิริมงคลเป็นข่าวโด่งดังอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2548 เมื่อปรากฏเป็นข่าวว่าตำรวจได้ทลายจับแหล่งค้าสื่อลามกแหล่งใหญ่ย่านตลาดนัดสวนจตุจักร พบอัลบั้มนู้ดของอดีตแชมป์โลก ศิริมงคล อยู่ด้วย ซึ่งเจ้าตัวได้สารภาพว่า ถ่ายไปเพราะค่าตัวดี ประกอบกับขณะนั้นคิดจะแขวนนวม เนื่องจากขณะนั้น ศิริมงคลได้เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการถ่ายแฟชั่นและแสดงละครโทรทัศน์เป็นตัวประกอบทางช่อง 7 เช่น เรื่อง เปรตวัดสุทัศน์ และได้แสดงมิวสิกวีดีโอของวงโมทีฟ โดยแสดงคู่กับ ดอม เหตระกูล หลังจากนั้นศิริมงคลก็ได้ออกหนังสือมาเล่มหนึ่งบอกเล่าเรื่องราวการตัดสินใจถ่ายรูปนู้ดครั้งนี้

ศิริมงคล กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อต้นปี พ.ศ. 2550 เมื่อจะเบนเข็มไปชกมวยเค-วัน ที่ประเทศเกาหลีใต้ เนื่องจากค่าตัวดี และสามารถชกได้ดี และในปีเดียวกันนี้ ศิริมงคลได้ครองแชมป์ WBC เอเชียรุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท ชนะคะแนน ทอง ป.โชคชัย และใน พ.ศ. 2551 ได้ครองแชมป์ PABA รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท แต่ต่อมาก็สละตำแหน่งไปทั้งหมด

ต่อมา ศิริมงคลกลับมาชกมวยสากลอีกครั้งที่สหรัฐอเมริกา ในรุ่นเวลเตอร์เวท โดยเปลี่ยนผู้จัดการมาเป็น นริส สิงหวังชา ที่ชื่นชมในตัวของศิริมงคลมาตั้งแต่ต้น แต่ต่อมาก็ตกเป็นข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อถูกจับในข้อหาค้ายาไอซ์เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ที่พัทยา โดยศิริมงคลไม่ได้มีเจตนา แต่ว่าติดอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่มีพฤติกรรมค้ายา จึงทำให้ตกกระไดพลอยโจนไปด้วย ทำให้มีแนวโน้มว่าต้องเลิกชกมวยไปโดยปริยาย ในช่วงนี้ทางครอบครัวของศิริมงคลทุกคนมีแต่ความโศกเศร้ารันทด เพราะศิริมงคลถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักของครอบครัว[1] แต่ศิริมงคลก็ยังได้รับการปล่อยตัวให้ออกมาชกมวยเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งได้แชมป์ WBC เอเชียคอนติเนนตัล ในรุ่นเวลเตอร์เวท[2]

ไฟล์:Siri-top.jpgหน้าปกหนังสือ เงิน หรือ โง่ โอ๋ ศิริมงคล เปลือย เปิด เป้า! หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวการตัดสินใจถ่ายนู้ดของศิริมงคล โดยสำนักพิมพ์กู๊ด มอร์นิ่ง (พ.ศ. 2549)ไฟล์:38214840 singmanassuk300.jpgชนะน็อกยก 2 เค็งโงะ นางาชิมะ

ขณะที่ต้องโทษอยู่ในเรือนจำ ศิริมงคลถือเป็นนักโทษที่มีความประพฤติดี และเป็นครูสอนมวยให้แก่นักโทษคนอื่นในเรือนจำด้วย จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณลดหย่อนโทษ และได้รับการปล่อยตัวในวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556[1] และยังคงชกมวยต่อมา จนได้ครองแชมป์ WBO เอเชียรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท อีกทั้งยังเป็นเทรนเนอร์ให้กับ ก้องพลากุลวงศ์ ก่อเกียรติยิม แชมป์ซูเปอร์แบนตั้มเวท WBC เอเชีย ซึ่งเป็นนักมวยรุ่นน้องอีกด้วย

ในปี พ.ศ. 2558 ศิริมงคลมีกำหนดได้ขึ้นชิงแชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท องค์กรมวยโลก (WBO) กับ แอนเดรียส อันดราเด แชมป์โลกชาวอเมริกัน ที่สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน แต่ก่อนที่จะมีกำหนดชกไม่นาน ปรากฏว่าทาง WBO ได้ปลดอันดราเดออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้ชกป้องกันตำแหน่งมานานกว่า 13 เดือน จึงทำให้การชกครั้งนี้ต้องยุติไป[3] จากนั้น ศิริมงคลยังคงชกมวยต่อเนื่องมาจนทำสถิติชกมวยสากลอาชีพครบ 100 ครั้ง ใน พ.ศ. 2561 ก่อนจะแขวนนวมไป

ฉายา

ศิริมงคล ถือได้ว่าเป็นนักมวยหน้าตาดี มีหมัดแย็บที่แม่นยำ แฟนมวยชาวไทยจึงตั้งฉายาให้ด้วยการโหวตผ่านนิตยสารมวยโลกว่า เทพบุตรหน้าหยก โดยที่ศิริมงคลเป็นผู้เลือกฉายานี้ด้วยตนเอง

ใกล้เคียง

ศิริมงคล สิงห์มนัสศักดิ์ ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์ ศิริมาศ ชื่นวิทยา ศิริมาบังอร เหรียญสุวรรณ ศิริมงคล รัตนภูมิ ศิริมงคล จิตบรรจง ศิริมา อำเคน ศิริลักษณ์ คอง ศิริพร อยู่ยอด ศิรินทรา นิยากร