สกุลศิลปะเค
สกุลศิลปะเค

สกุลศิลปะเค

ศิลปะเค (ญี่ปุ่น: Kei school โรมาจิ慶派) หรือ เคฮะ (Kei-ha) เป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะญี่ปุ่น (art school/style) ในการสร้างพระพุทธรูปหรือประติมากรรมในศาสนาพุทธ ที่เริ่มมีขึ้นในต้นยุคคามากูระ (c. 1200) และมีฐานอยู่ที่เมืองนาระ ศิลปะนี้ถือเป็นศิลปะที่มีอิทธิพลมากต่อศิลปะในพระพุทธศาสนาของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 14 และยังคงความมีอิทธิพลนี้จนถึงศตวรรษที่ 19 นักประวัติศาสตร์ศิลปะ โจน สตานเลย์ เบเกอร์ระบุว่างานยุคแรก ๆ ของศิลปะแบบเคนั้นเป็นจุดสูงสุดครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์ประติมากรรมญี่ปุ่น[1]ศิลปะไคนั้นพัฒนาขึ้นมาโดยนำโดย บึสชิ (busshi; ประติมากรรูปเคารพในศาสนาพุทธ) นามว่าโจโช (Jōchō), ผู้สืบทอดของโจโชนามว่า คาคูโจ (Kakujō) และบุตรชายของคาคูโจนามว่าไรโจ (Raijō) [2] อย่างไรก็ตาม ศิลปะแบบเคนั้นยังไม่ถือว่าเป็นศิลปะแบบเคจนกระทั่งหลังไรโจนั้นสืบทอดโดยโคเก (Kōkei) และ อูงเก (Unkei) ในราวปี 1200 ตามด้วยบุตรหกคนและผู้สืบทอดทั้งปวง[2]เมืองเช่นนาระ กับเคียวโตะนั้นถูกทำลายลงหลังสงครามเก็มเป (Genpei War) ระหว่างปี 1180-1185 ศิลปะแบบเคได้รับโอกาสในการซ่อมแซมและทำนุบำรุงวัดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนาระ วัดโทได และวัดโคฟุกุ พร้อมทั้งสร้างพระพุทธรูปองค์ใหม่ขึ้นทดแทนองค์เดิม ด้วยลักษณะที่มั่นคงและเป็นขนมของศิลปะตระกูลเคทำให้รูปแบบนี้ได้รับความนิยมจากรัฐบาลโชกุนคามากูระ นอกจากนี้ด้วยสกุลช่างเคนั้นไม่มีความสัมพันธ์กับราชสำนักดังเช่นที่ศิลปะอิง (In school) กับ ศิลปะเอ็ง (En school) มี จึงยิ่งช่วยเสริมให้รัฐโชกุนคามางูระอุปถัมภ์และสร้างให้ศิลปะแบบเคนี้มีอิทธิพลอย่างสูง[2]การบูรณะวัดโทไดนั้นใช้เวลายาวนานหลายชั่วอายุคน ประมาณปี 1180 จนถึง 1212[3] และได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบราชวงศ์ถังกับราชวงศ์ซ่งของจีนมาประกอบ ทำให้เกิดองค์ประกอบใหม่ขึ้นในรูปแบบในขณะที่ยังคงขนบไว้ ได้เกิดรูปแบบประติมาน (iconographic) มนุษย์แบบใหม่ขึ้นที่มีความเรียบง่ายมากขึ้นและสมจริงมากขึ้น รวมทั้งใช้สีที่จัดจ้านน้อยลง (more subdue)[1] เป็นครั้งแรกที่มีการนำคริสตัลที่มีศูนย์กลางสีเข้มมาประดับเป็นดวงตาของรูปปั้น ถึงแม้ว่าศิลปะแบบเคจะเป็นการฟื้นฟูองค์ประกอบจากประติมากรรมจากยุคนาระ แต่โจน สตานเลย์ เบเกอร์ (Joan Stanley Baker) อธิบายว่าศิลปะแบบเคนั้นมีความเหนือจริง (idealised) น้อยกว่า, มีความเป็นปุถุชน (generic) และไร้อารมณ์ (impersonal) กว่างานยุคนาระ ประติมากรสกุลเคนั้นมุ่งเน้นที่การสร้างอัตลักษณ์เฉพาะขององค์ประธานในประติมากรรมที่สร้างและลักษณะทางกายภาพ (physical details) มากกว่า[1]ประติมากรรม พระไวโรจนพุทธะ จากยุคปลายศตวรรษที่ 12 สร้างโดยอุงเค (Unkei) ได้ทำการประมูลขายที่คริสตีส์ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2008 ปิดราคาประมูลอยู่ที่ US$14.37 ล้าน สร้างสถิติใหม่ของราคางานศิลปะญี่ปุ่นที่สูงที่สุดในการประมูล รวมทั้งเป็นงานศิลปะที่ราคาประมูลสูงที่สุดเท่าที่เคยมีขายในนิวยอร์กซิตีด้วย[4][5]