ประวัติ ของ สดศรี_สัตยธรรม

จบนิติศาสตรบัณฑิต จาก คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนิติศาสตรมหาบัณฑิต จาก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิต จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เคยเป็นรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์ภาค 9 ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ผู้พิพากษาพิจารณาคดีชำนัญพิเศษแผนกคดีปกครองของศาลฎีกา เคยได้รับการแต่งตั้งจากประธานศาลฎีกา ให้เป็นผู้พิพากษาพิจารณาคดีตามข้อตกลงเกี่ยวกับการพิจารณาและวินิจฉัยสิทธิ สมัครรับเลือกตั้ง คุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. ในปี พ.ศ. 2547 และ พ.ศ. 2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550

ในวัยเด็ก นางสดศรีเคยฝันอยากจะเป็นแอร์โฮสเตส[1] ขณะเรียนอยู่คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับเลือกให้เป็นดาวคณะ และได้มีโอกาสรำไทยในงานกิจกรรมอยู่เป็นระยะ ๆ ก่อนจะมาทำงานด้านกฎหมาย เคยทำงานเป็นพนักงานรับฝาก-ถอน ที่เคาน์เตอร์ในธนาคารมาก่อนราว 2 เดือน ก่อนจะย้ายมาทำงานทางด้านกฎหมาย หลังจากสอบเข้าเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ เนื่องจากเจ้าตัวอ้างว่าไม่ถนัด

ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ นายอรุณ น้าประเสริฐ สามีซึ่งเป็นผู้พิพากษาเหมือนกัน ที่พบเจอกันที่จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างย้ายไปรับหน้าที่ที่นั่น เมื่ออายุ 29 ปี และมีบุตรทันที โดยขณะตั้งครรภ์มีอาการครรภ์เป็นพิษอย่างรุนแรง มีบุตรสาวเพียงคนเดียว คือ นางสาวกอนณา สัตยธรรม

ในต้นปี พ.ศ. 2551 นางสดศรีถูกเว็บไซต์ไฮ-ทักษิณ.เน็ท ซึ่งเป็นเว็บไซต์สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โจมตีกล่าวหาอย่างรุนแรง และกล่าวหาว่า น.ส.กอนณา ถูกขอตัวจาก พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน รองนายกรัฐมนตรีให้ไปช่วยงานราชการที่ทำเนียบรัฐบาล แต่นางสดศรีได้อออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง