ทีมชาติอังกฤษ ของ สตีเวน_เจอร์ราร์ด

2000–2004: ช่วงแรก

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2000 เจอร์ราร์ดถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก และมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดยูโร 2000 แต่เขาก็ได้แต่นั่งดูเกมในม้านั่งสำรองเท่านั้น

ต่อมาในฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ด ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมใน ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก โดยเจอร์ราร์ดได้ทำไป 1 ประตู ในนัดที่เจอกับ เยอรมัน โดยอังกฤษชนะไป 5-1 เป็นประตูแรกของเจอร์ราร์ดในนามทีมชาติ และพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม 9 อังกฤษชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 และพาทีมเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ และในฟุตบอลโลก 2002 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ด ถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ประเทศเกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น แต่เขาเกิดมีอาการบาดเจ็บทำให้ไม่สามารถเดินทางร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดได้ทำไป 1 ประตู ในนัดที่เจอกับ มาซิโดเนีย และพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม 7 อังกฤษชนะ 6 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร ทำให้เจอร์ราร์ดพาทีมเข้าไปเล่นฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ และในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 ที่โปรตุเกส โดยเจอร์ราร์ดยิงได้ 1 ประตู ในนัดที่เจอกับ สวิตเซอร์แลนด์ และพาทีมได้อันดับ 2 ของกลุ่ม B อังกฤษชนะ 2 แพ้ 1 (แพ้ ฝรั่งเศส 1-2, ชนะ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 และ ชนะ โครเอเชีย 4-2) โดยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ โปรตุเกสเจ้าภาพ แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ

2004–2008: ฟุตบอลโลกครั้งที่สอง

ในฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่เจอกับ ออสเตรีย และ อาเซอร์ไบจาน โดยเจอร์ราร์ดพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม 6 โดยอังกฤษชนะ 8 เสมอ 1 แพ้ 1 และพาทีมเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ และในฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ครั้งแรกที่ ประเทศเยอรมัน หลังจากเมื่อปี 2002 เขาไม่สามารถเดินทางร่วมทีมไปแข่งขันฟุตบอลโลกได้ โดยเจอร์ราร์ดยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่เจอกับ ตรินิแดดและโตเบโก และ สวีเดน ในฟุตบอลโลกครั้งนี้และพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม B โดยอังกฤษชนะ 2 เสมอ 1 (ชนะ ปารากวัย 1-0, ชนะ ตรินิแดดและโตเบโก 2-0 และ เสมอ สวีเดน 2-2) และพาทีมเอาชนะ เอกวาดอร์ 1-0 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยพาทีมชาติอังกฤษเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ โปรตุเกส แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ หลังเสมอ 0-0 ใน 90 นาที ทำให้อังกฤษต้องตกรอบรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในฟุตบอลโลกหลังจากเมื่อปี 2002 พ่ายให้กับทีมชาติบราซิล ในรอบเดียวกัน

ต่อมาในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดได้รับตำแหน่งได้เป็น รองกัปตันทีม ฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ โดยได้รับตำแหน่งจาก สตีฟ แม็คคลีน โค้ชชาวอังกฤษ และ จอห์น เทร์รี ได้รับตำแหน่งเป็นกัปตันทีมอีกครั้ง โดยในรอบคัดเลือกในปี ค.ศ. 2006 อังกฤษได้อยู่สายเดียวกับ โครเอเชีย และ รัสเซีย กับ อิสราเอล และอีก 3 ทีมอื่น ๆ แต่แล้วพอเสร็จสิ้นการแข่งขัน อังกฤษก็ไม่ได้เข้ารอบอย่างน่าเสียดาย โดย โครเอเชีย และ รัสเซีย เป็นทื่ 1 และ 2 ตามลำดับ และอังกฤษเป็นทื่ 3 โดยเจอร์ราร์ดได้ทำไป 3 ประตู ในนัดที่เจอกับ อันดอร์รา ทั้ง 2 นัด โดยอังกฤษชนะไป 5-0 และ 3-0

2008–2012: การกลับมาอีกครั้งในฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป

ในฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดยิงได้ 3 ประตู ในนัดที่เจอกับ เบลารุส และ โครเอเชีย อีก 2 ประตู โดยเจอร์ราร์ดพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม 6 อังกฤษชนะ 9 แพ้ 1 และพาทีมเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ ต่อมาในฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ แอฟริกาใต้ โดยครั้งนี้เจอร์ราร์ดได้เป็นกัปตันทีมแทน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ได้รับบาดเจ็บและถอนตัว และเจอร์ราร์ดเป็นคนที่ทำประตูแรกให้กับอังกฤษในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ในนัดที่ทีมชาติอังกฤษ เสมอกับ สหรัฐอเมริกา 1-1 ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ทีมชาติอังกฤษชนะในการแข่งขันแค่นัดเดียวโดยชนะ สโลวีเนีย 1-0 เสมออีก 2 นัด โดยทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเจอกับ ทีมชาติเยอรมัน และอังกฤษต้องพ่ายแพ้ให้กับทีมชาติเยอรมัน 1-4 ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้เพียงเท่านี้ และเป็นการเล่นในฟุตบอลโลกที่ย่ำแย่ที่สุดของทีมชาติอังกฤษ และทีมชาติอังกฤษยิงประตูรวมทั้งหมดได้แค่ 3 ประตู และเสียไป 5 ประตู

เจอร์ราร์ด ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ฟร็องก์ รีเบรี กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ในศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดไม่ได้ลงเล่นบ่อยมากนัก เนื่องจาก เจอร์ราร์ด มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดเวลา แต่ก็พาทีมชาติอังกฤษได้อันดับ 1 ของกลุ่ม G โดยอังกฤษชนะ 5 เสมอ 3 ไม่แพ้ใคร และเจอร์ราร์ดพาทีมเข้าไปเล่น ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ

เจอร์ราร์ด ลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ เจอกับ ดานีเอเล เด รอสซี กองกลางทีมชาติอิตาลี ในศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012

ในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 ที่ โปแลนด์ และ ยูเครน โดยครั้งนี้เจอร์ราร์ดได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติอีกด้วย และพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม D อังกฤษชนะ 2 เสมอ 1 (เสมอ ฝรั่งเศส 1-1, ชนะ สวีเดน 3-2 และ ชนะ ยูเครน 1-0) โดยพาทีมเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับ อิตาลี แต่พ่ายในการดวลจุดโทษ 2-4 หลังเสมอ 0-0 ใน 90 นาที ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องตกรอบรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในฟุตบอลยูโร

2012–2014: ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้าย และสิ่งสืบเนื่อง

ในฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก เจอร์ราร์ดยิงได้ 2 ประตู ในนัดที่เจอกับ มอลโดวา และ โปแลนด์ โดยเจอร์ราร์ดพาทีมได้อันดับ 1 ของกลุ่ม H อังกฤษชนะ 6 เสมอ 4 ไม่แพ้ใคร และพาทีมเข้าไปเล่น ฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย ได้สำเร็จ

เจอร์ราร์ด (ซ้าย) กัปตันทีมชาติอังกฤษ เดินจับมือกับ ลุยส์ ซัวเรซ อดีตเพื่อนร่วมทีมสโมสรลิเวอร์พูล กองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ในศึก ฟุตบอลโลก 2014

ในฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้าย เจอร์ราร์ดถูกเรียกติดทีมชาติอังกฤษชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2014 ที่ บราซิล โดยครั้งนี้เจอร์ราร์ดได้รับแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมชาติ อังกฤษ ได้อยู่กลุ่ม D ร่วมกับ อุรุกวัย, คอสตาริกา และอิตาลี แต่สุดท้าย อังกฤษ ก็ต้องตกรอบแรก ได้อันดับสุดท้ายของกลุ่ม D เสมอ 1 แพ้ 2 (แพ้ อิตาลี 1-2, แพ้ อุรุกวัย 1-2 และ เสมอ คอสตาริกา 0-0) ทำให้ทีมชาติอังกฤษต้องจบเส้นทางฟุตบอลโลกที่บราซิลเพียงรอบแรกเท่านั้น และเป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีด้วย ที่อังกฤษตกรอบแรกฟุตบอลโลกในวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 2014 หลังจากจบฟุตบอลโลก เจอร์ราร์ดก็ตัดสินใจอำลาทีมชาติเรียบร้อยแล้วหลังอยู่รับใช้มายาวนาน 14 ปี[66] [67]

เจอร์ราร์ดประเดิมสนามนัดแรกให้กับทีมชาติในปี 2000 โดยเป็นเกมที่เอาชนะยูเครน 2-0 ณ สนามเวมบลีย์และเขาก็ผ่านการรับใช้ชาติมา 114 นัดยิงได้ 21 ประตูรวมถึงพาทีมไปลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ มาแล้วถึง 6 ครั้ง ทัวร์นาเมนต์ของเจอร์ราร์ดหนแรกมาในช่วงยุคที่ เควิน คีแกน ยังคุมอยู่โดยเขาเป็นส่วนนึงของอังกฤษชุดลุยยูโร 2000 ถือเป็นยูโรหนแรกของเขาก่อนจะตามมาด้วยยูโรปี 2004 ที่โปรตุเกสและในปี 2012 ที่ยูเครนกับโปแลนด์

ถึงแม้พลาดฟุตบอลโลก 2002 ไปเพราะบาดเจ็บแต่ก็ผ่านฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 สมัยเริ่มต้นที่เยอรมนีในปี 2006 ตามด้วยแอฟริกาใต้เมื่อปี 2010 และที่บราซิลในปีนี้ สรุปแล้วเขาได้ลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายไป 12 นัดยิงได้ 3 ประตู เจอร์ราร์ดผ่านการเป็นกัปตันทีมของอังกฤษมาทั้งหมด 38 นัดและเป็นนักเตะที่ติดทีมชาติมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ต่อจาก ปีเตอร์ ชิลตัน (125 นัด) และเดวิด เบคแคม (115 นัด) เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ได้เล่นทีมชาติทะลุ 100 นัดเช่นเดียวกับ บ็อบบี้ มัวร์ (108 นัด), แอชลีย์ โคล (107 นัด), บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (106 นัด), แฟรงก์ แลมพาร์ด (106 นัด) และบิลลี ไรต์ (105 นัด)

ประตูในนามทีมชาติ

#วันที่สนามนัดที่คู่แข่งขันประตูผลการแข่งขัน
11 กันยายน 2001โอลิมเปียชตาดิโยน, เยอรมนี6 เยอรมนี2–15–1ฟุตบอลโลก 2002 รอบคัดเลือก[68]
216 ตุลาคม 2002เซนต์แมรีส์สเตเดียม, อังกฤษ13 นอร์ทมาซิโดเนีย2–22–2ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004 รอบคัดเลือก[69]
33 มิถุนายน 2003คิงพาวเวอร์สเตเดียม, อังกฤษ17 เซอร์เบียและมอนเตเนโกร1–02–1เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร[70]
417 มิถุนายน 2004เอสตาดีอูคีเดดเดโคอิมบรา, โปรตุเกส26 สวิตเซอร์แลนด์3–03–0ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2004[71]
54 กันยายน 2004เอรินทส์-ฮาปเปล-ซตาดิโยน, ออสเตรีย30 ออสเตรีย2–02–2ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก[72]
630 มีนาคม 2005เซนต์เจมส์พาร์ก, อังกฤษ34 อาเซอร์ไบจาน1–02–0ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก[73]
730 พฤษภาคม 2006โอลด์แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ41 ฮังการี1–03–1เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร[74]
815 มิถุนายน 2006กรึนดิกซตาดิโยน, เยอรมนี44 ตรินิแดดและโตเบโก2–02–0ฟุตบอลโลก 2006[75]
920 มิถุนายน 2006RheinEnergie Stadion, เยอรมนี45 สวีเดน2–12–2ฟุตบอลโลก 2006[76]
102 กันยายน 2006โอลด์แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ49 อันดอร์รา2–05–0ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก[77]
1128 มีนาคม 2007Olympic Stadium, สเปน55 อันดอร์รา1–03–0ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 รอบคัดเลือก[78]
122–0
1328 พฤษภาคม 2008สนามกีฬาเวมบลีย์, อังกฤษ66 สหรัฐ2–02–0เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร[79]
1415 ตุลาคม 2008Dinamo Stadium, เบลารุส70 เบลารุส1–03–1ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก[80]
159 กันยายน 2009สนามกีฬาเวมบลีย์, อังกฤษ76 โครเอเชีย2–05–1ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก
164–0
1712 มิถุนายน 2010Royal Bafokeng Stadium, แอฟริกาใต้81 สหรัฐ1–01–1ฟุตบอลโลก 2010
1811 สิงหาคม 2010สนามกีฬาเวมบลีย์, อังกฤษ85 ฮังการี1–12–1เกมอุ่นเครื่องกระชับมิตร[81]
192–1
206 กันยายน 2013สนามกีฬาเวมบลีย์, อังกฤษ104 มอลโดวา1–04–0ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก
2115 ตุลาคม 2013สนามกีฬาเวมบลีย์, อังกฤษ107 โปแลนด์2–02–0ฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก

แหล่งที่มา

WikiPedia: สตีเวน_เจอร์ราร์ด http://www.fifa.com/tournaments/archive/clubworldc... http://www.fifa.com/worldfootball/statisticsandrec... http://soccernet.espn.go.com/players/profile?id=79... http://www.iht.com/articles/2008/05/29/sports/socf... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/4... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/5... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/a... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/c... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/c... http://thailand.liverpoolfc.com/news/latest-news/d...