บทความนี้อ้างอิง
คริสต์ศักราช/คริสต์ทศวรรษ/คริสต์ศตวรรษ ซึ่งเป็นสาระสำคัญของเนื้อหา
สถาปัตยกรรมบาโรกอังกฤษ (
อังกฤษ: English Baroque) เป็นคำที่ใช้กันอย่างหลวมๆ ที่อาจจะหมายถึงวิวัฒนาการของ
สถาปัตยกรรมอังกฤษที่เกิดขึ้นพร้อมกับการวิวัฒนาการของ
สถาปัตยกรรมบาโรกบน
แผ่นดินใหญ่ยุโรประหว่าง
เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน ค.ศ. 1666 (1666) และ
สนธิสัญญาอูเทร็คท์ที่ลงนามกันในปี ค.ศ. 1713การวิวัฒนาการของ
สถาปัตยกรรมบาโรกอย่างแพร่หลายบน
แผ่นดินใหญ่ยุโรปในคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะใน
เยอรมนีและ
ฝรั่งเศส แทบจะไม่มีผลแต่อย่างใดต่ออังกฤษในสมัยการปกครองของ
รัฐผู้พิทักษ์ และ
สมัยฟื้นฟูราชวงศ์ครั้งแรก ในช่วงสิบปีตั้งแต่การเสียชีวิตของ
อินิโก โจนส์ในปี ค.ศ. 1652 และ การไปเยือนปารีสของ
คริสโตเฟอร์ เร็นในปี ค.ศ. 1665 อังกฤษก็แทบจะไม่มีสถาปนิกระดับดี ฉะนั้นก็จึงไม่เป็นที่น่าประหลาดใจถึงสาเหตุที่อิทธิพลของสถาปัตยกรรมของแผ่นดินใหญ่ยุโรปที่แทบจะไม่ปรากฏเท่าใดนักในอังกฤษลักษณะสถาปัตยกรรมบาโรกแบบอังกฤษเป็นลักษณะที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของคริสโตเฟอร์ เร็น ซึ่งเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจากที่ทำกันบนแผ่นดินใหญ่ยุโรป ตรงความแจ่มแจ้งของการออกแบบ และ แนวโน้มที่ออกไปทางสถาปัตยกรรมคลาสสิก หลังจากที่เกิด
เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในลอนดอน ในปี ค.ศ. 1666 คริสโตเฟอร์ เร็นก็ได้รับจ้างให้สร้างวัดใหม่ด้วยกันทั้งสิ้น 53 วัดที่ลักษณะบาโรกออกมาในรูปของโครงสร้างที่มีพลัง (dynamic structure ) และมุมมองที่สลับซับซ้อน งานชิ้นสำคัญที่สุดของคริสโตเฟอร์ เร็นคือการสร้าง
มหาวิหารเซนต์พอล (ค.ศ. 1675-ค.ศ. 1711) ที่มีโดมใหญ่คล้ายกับโดมของวัดขนาดใหญ่ในฝรั่งเศสและอิตาลี ลักษณะสถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่เป็นการผสานระหว่าง
สถาปัตยกรรมพาลเลเดียนของ
อินิโก โจนส์กับสถาปัตยกรรมร่วมสมัยของภาคพื้นยุโรปได้อย่างเหมาะเจาะแม้ว่าเร็นจะสร้างสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช้สถาปัตยกรรมทางศาสนา แต่
คฤหาสน์ชนบท แบบบาโรกที่แท้จริงหลังแรกออกแบบโดย
วิลเลียม ทัลแมนที่
คฤหาสน์แช็ทสเวิร์ธที่เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1687 ที่มาของลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบบาโรกดังว่ามาจาก
จอห์น แวนบรูห์ และ
นิโคลัส ฮอคสมอร์ ซึ่งทั้งสองคนต่างก็มีความสามารถในการสร้างทฤษฎีสถาปัตยกรรมของตนเอง แต่ก็ยังชอบที่จะทำงานไล่ตามหลังกันโดยเฉพาะในการสร้าง
คาสเซิลฮาวเวิร์ด (ค.ศ. 1699) และ
วังเบล็นไฮม์ (ค.ศ. 1705) แม้ว่าคฤหาสน์ทั้งสองจะมีลักษณะที่เทอะทะหรือออกไปในเชิงโอ่อ่าตามมุมมองของสถาปัตยกรรมอิตาลี แต่ลักษณะที่ดูหนาหนักและใหญ่โตจนเกินกว่าควรเป็นสิ่งที่ต้องตาสาธารณชนในอังกฤษ คาสเซิลฮาวเวิร์ดเป็นคฤหาสน์ที่สร้างอย่างวิจิตรโอ่อ่า (flamboyant) ที่ประกอบด้วยหอโดมที่ไม่ต่างไปจากสถาปัตยกรรมที่อาจจะพบใน
เดรสเดน หรือ
มิวนิก แต่
วังเบล็นไฮม์เป็นสิ่งก่อสร้างที่ดูหนักแน่นกว่าโดยการใช้หินขนาดใหญ่ ประตูโค้ง และ
ซุ้มทางเข้าที่ใหญ่ที่กลายเป็นสิ่งที่เด่น งานชิ้นสุดท้ายของเซอร์
จอห์น แวนบรูห์คือ
คฤหาสน์ซีตันเดอลาวาลฮอลล์ (ค.ศ. 1718) เป็นคฤหาสน์ที่มีขนาดย่อม แต่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และรูปทรงการออกแบบที่เด่น แต่จะอย่างไรก็ตามสถาปัตยกรรมบาโรกก็มิได้เป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นที่นิยมกันเท่าใดนักในอังกฤษ