สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านซะอีด บิน เตมัวร์ (
อังกฤษ: Said bin Taimur;
อาหรับ: سعيد بن تيمور) ทรงเป็นสุลต่านแห่ง
มัสกัตและโอมาน (
ประเทศโอมานในปัจจุบัน) ครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1932–1970สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านซะอีด บิน เตมัวร์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 1910 ทรงเป็นพระราชโอรสของ
สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านเตมัวร์ บิน เฟซาล (Taimur bin Feisal) กับพระนางซัยยิดา ฟะติมะ บินต์ อาลี อัล-ซะอีด (Sayyida Fatima bint 'Ali Al-Sa'id) ทรงขึ้นครองราชย์ต่อจากพระราชบิดาเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1932 พระองค์พัฒนาประเทศให้ทันสมัยขึ้นด้วยใช้เงินจากการค้าขาย
ปิโตรเลียม ต่อมาพระองค์ทรงขัดแย้งกับ
อิหม่ามกาลิบ บิน อาลี (Ghalib bin Ali) ผู้นำทางศาสนาของโอมานซึ่งตั้งตนเองเป็นสุลต่านเช่นกัน กาลิบ บิน อาลีก่อกบฏในปี ค.ศ. 1955 แต่ถูกปราบโดยกองทัพโอมานและ
สหราชอาณาจักร อย่างไรก็ตาม สุลต่านซะอิดถูก
ซาอุดีอาระเบียและ
อียิปต์กดดันเนื่องจากสองประเทศนี้สนับสนุนอิหม่ามกาลิบและมองว่าการแทรงแซงของสหราชอาณาจักรนั้นเป็นสิ่งที่ขัดกับแนวคิด
ชาตินิยมอาหรับ ดังนั้นในปี ค.ศ. 1957 ซาอุดีอาระเบียและอียิปต์จึงสนับสนุนให้อิหม่านกาลิบก่อกบฏอีกครั้ง แต่ก็ถูกปราบลงในอีกสองปีต่อมา
[1] อิหม่ามกาลิบตัดสินใจลี้ภัยในประเทศซาอุดีอาระเบียจนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1958 สุลต่านซะอีดทรงขายเมือง
กวาดาร์ (Gwadar) ให้แก่
ประเทศปากีสถาน ด้วยมูลค่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
[2] ต่อมาระหว่างปี ค.ศ. 1962–1976 เกิดเหตุการณ์
กบฏในจังหวัดโดฟาร์ (Dhofar Rebellion)
[3] และมีความพยายามในการลอบปลงพระชนม์สุลต่านซะอีด ซึ่งส่งผลให้ในช่วงปลายรัชกาล สุลต่านซะอีดทรงมีพระสติฟั่นเฟือน ในวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1970
กอบูส บิน ซะอีด พระราชโอรสได้ปลดพระองค์ออกจากตำแหน่งประมุขและเนรเทศพระองค์ไปประทับที่
กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร
[4] สุลต่านซะอีดเสด็จสวรรคตในปี ค.ศ. 1972 พระบรมศพถูกฝังที่
สุสานบรูควูด (Brookwood Cemetery) ในมณฑล
เซอร์รีย์ ต่อมาพระบรมศพถูกเคลื่อนย้ายกลับมายังประเทศโอมานและถูกฝังที่สุสานหลวงในกรุง
มัสกัต[5]