รัชทายาทโดยสันนิษฐาน ของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่_2_แห่งเดนมาร์ก

เจ้าหญิงมาร์เกรเธอแห่งเดนมาร์ก (กลาง)ร่วมกับญะมาล อับดุนนาศิร ประธานาธิบดีแห่งอียิปต์(ขวา)และตาฮียะห์ นาศิร ภริยา(ซ้าย) ขณะเสด็จประพาสไคโร ประเทศอียิปต์ ในปีพ.ศ. 2505

เมื่อครั้งประสูติ พระราชวงศ์ฝ่ายชายสามารถสืบราชบัลลังก์เดนมาร์กได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องของพระราชบัญญัติการสืบราชสันตติวงศ์ที่มีการประกาศใช้ในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1850 เมื่อสายราชสกุลกลึคส์บูร์กได้รับเลือกให้สืบราชสันตติวงศ์ต่อจากราชวงศ์โอลเดนบวร์ก ในฐานะที่เจ้าหญิงมาร์เกรเธอไม่มีพระเชษฐาหรือพระอนุชา ได้มีการสันนิษฐานว่าพระปิตุลาของเจ้าหญิงคือ เจ้าชายคนุด รัชทายาทแห่งเดนมาร์ก จะได้สืบราชบัลลังก์เดนมาร์กในวันใดวันหนึ่ง

กระบวนการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญได้เริ่มต้นในปีพ.ศ. 2490 ไม่นานหลังจากพระราชบิดาทรงครองราชบัลลังก์และกลายเป็นที่เข้าใจว่าสมเด็จพระราชินีอิงกริดไม่มีพระประสูติกาลพระบุตรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ด้วยกระแสความนิยมในพระเจ้าเฟรเดอริคและพระราชธิดาทั้งสามพระองค์และบทบาทของสตรีในสังคมเดนมาร์กได้ปรากฏเด่นชัดมากยิ่งขึ้น ได้มีการเริ่มต้นกระบวนการที่ซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ข้อเสนอได้มีการผ่านเข้ารัฐสภาทั้งสองและจากนั้นด้วยการลงประชามติ ที่ซึ่งกำหนดขึ้นในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2496 พระราชบัญญัติว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์เดนมาร์กฉบับใหม่ได้อนุญาตให้สตรีสามารถสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก ตามที่สิทธิของบุตรหัวปี ซึ่งสตรีสามารถสืบราชบัลลงก์ได้ถ้าหากไม่มีพระเชษฐาหรือพระอนุชา เจ้าหญิงมาร์เกรเธอในขณะนั้นจึงทรงกลายเป็นทายาทโดยสันนิษฐาน

ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 18 พรรษาของเจ้าหญิง ในวันที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2501 เจ้าหญิงมาร์เกรเธอทรงได้รับตำแหน่งในสภาองคมนตรีเดนมาร์ก เจ้าหญิงทรงเป็นประธานในการประชุมสภาในช่วงที่พระมหากษัตริย์ทรงติดพระราชกิจ

ในช่วงกลางปีพ.ศ. 2503 เจ้าหญิงทรงร่วมกับเหล่าเจ้าหญิงแห่งสวีเดนและนอร์เวย์ เจ้าหญิงเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาที่ซึ่งรวมทั้งเสด็จเยือนลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย และเสด็จไปที่พาราเมาต์พิกเจอส์ ที่ซึ่งทุกพระองค์ทรงพบปะกับเหล่าคนดังจำนวนมากรวมทั้ง ดีน มาร์ติน, เจอร์รี ลิวอิส และเอลวิส เพรสลีย์

การศึกษา

เจ้าหญิงมาร์เกรเธอ ในปีพ.ศ. 2509

เจ้าหญิงมาร์เกรเธอทรงใช้เวลาหนึ่งปีในการเข้าศึกษาที่โรงเรียนนอร์ทฟอร์แลนด์ล็อดจ์ เป็นโรงเรียนประจำสำหรับเด็กผู้หญิงที่แฮมป์เชอร์, อังกฤษ[4] และจากนั้นทรงศึกษาในวิชาโบราณคดีสาขายุคก่อนประวัติศาสตร์ที่เกอร์ตันคอลลีจ, แคมบริดจ์ในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2503 ถึงพ.ศ. 2504 ทรงศึกษาด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยอาร์ฮุสในช่วงระหว่างปีพ.ศ. 2504 และพ.ศ. 2505 ทรงเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยปารีสในปีพ.ศ. 2506 และทรงเข้าศึกษาที่วิทยาลัยเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์แห่งลอนดอนในปีพ.ศ. 2508 เจ้าหญิงทรงเป็นผู้สนับสนุนและเข้าร่วมสมาคมโบราณวัตถุลอนดอน

เจ้าหญิงมาร์เกรเธอทรงมีความถนัดในภาษาเดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, สวีเดนและเยอรมัน[5]

อภิเษกสมรส

เจ้าชายเฮนริก(ซ้าย)และเจ้าหญิงมาร์เกรเธอ(ขวา)กับเจ้าชายเฟรเดอริก พระราชโอรสพระองค์โต

ในวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2510 เจ้าหญิงมาร์เกรเธอทรงอภิเษกสมรสกับนักการทูตชาวฝรั่งเศสคือ เคานท์อ็องรี เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซาโบสถ์โฮลเมนในโคเปนเฮเกน อ็องรี เดอ ลาบอร์ด เดอ มงเปอซาได้รับพระอิสริยยศว่า "ฮิสรอยัลไฮเนส เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก" (His Royal Highness Prince Henrik of Denmark) เนื่องจากฐานะใหม่ของพระองค์คือเป็นพระราชสวามีในเจ้าหญิงรัชทายาทโดยสันนิษฐานแห่งราชบัลลังก์เดนมาร์ก

เจ้าหญิงมาร์เกรเธอมีพระประสูติกาลพระราชโอรสพระองค์แรกในวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 ตามโบราณราชประเพณี พระมหากษัตริย์เดนมาร์กต้องทรงผลัดกันเลือกพระนามว่า เฟรเดอริก หรือ คริสเตียน เจ้าหญิงยังทรงคงฐานะนี้ไว้ โดยทรงสมมติว่าพระนามของพระนางคือ คริสเตียน และดังนั้นทรงตั้งพระนามของพระราชโอรสพระองค์โตว่า เจ้าชายเฟรเดอริก พระราชโอรสพระองค์ที่สอง ได้รับการตั้งพระนามว่า เจ้าชายโจอาคิม ซึ่งประสูติในวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2512

ใกล้เคียง

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก

แหล่งที่มา

WikiPedia: สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่_2_แห่งเดนมาร์ก http://www.parlament.gv.at/PAKT/VHG/XXIV/AB/AB_105... http://1.t.cdn.belga.be/picture:954544:preview:wat... http://radicalroyalist.blogspot.com.br http://radicalroyalist.blogspot.com.br/2012_01_01_... http://www.gettyimages.ca/detail/news-photo/50th-a... http://orderofsplendor.blogspot.com/2012/01/flashb... http://www.imdb.com/title/tt1499643/ http://www.noblesseetroyautes.com/nr01/2011/05/din... http://select.nytimes.com/gst/abstract.html?res=F1... http://img.photobucket.com/albums/v252/mandy64015/...