การประกอบธุรกิจ ของ สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย

ธุรกิจสิ่งพิมพ์

  • หนังสือการ์ตูน - บริษัทฯ เป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในประเทศไทย สำหรับการจัดพิมพ์จำหน่ายการ์ตูนของสำนักพิมพ์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่น นอกจากนั้นเป็นของสหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน (ฮ่องกง) และสาธารณรัฐเกาหลีเป็นต้น รวมถึงผลงานของนักเขียนชาวไทยอีกส่วนหนึ่ง ภายใต้สำนักพิมพ์สยามอินเตอร์คอมิกส์ โดยแบ่งการนำเสนอเป็นสองรูปแบบหลักคือ ตีพิมพ์เป็นตอนๆ มีหลายเรื่องในเล่มเดียวกัน ผ่านทางนิตยสารการ์ตูนรายสัปดาห์ ซึ่งใช้ชื่อว่า ซีคิดส์ และตีพิมพ์หลายตอนเรียงกัน เพียงเรื่องเดียวในหนึ่งเล่ม โดยใช้ชื่อการ์ตูนเรื่องนั้นๆ ระบุไว้บนหน้าปก[6]
  • หนังสือพกพา - บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหนังสือพกพา ซึ่งมีทั้งที่เป็นงานเขียนของชาวไทย และเรื่องแปลจากประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ประเทศญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน (ฮ่องกง) เป็นต้น และรวมถึงเป็นผู้ถือครองลิขสิทธิ์ในประเทศไทย สำหรับการจัดพิมพ์จำหน่าย ผลงานของนักเขียนนวนิยายจีนกำลังภายใน ซึ่งมีชื่อเสียงหลายคน โดยมีผู้แปลคนสำคัญคือ น.นพรัตน์ ซึ่งทำหน้าที่อยู่กับบริษัทฯ มาหลายปี โดยจำแนกงานออกเป็น 3 สำนักพิมพ์คือ สยามอินเตอร์บุ๊กส์, สยามบันทึก และ แฮปปีบุ๊กส์ [6]
  • นิตยสาร - บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายนิตยสารหลายประเภท เช่นนิตยสารสุขภาพ สลิมมิง (Slimming) ซึ่งได้รับลิขสิทธิ์จากประเทศอังกฤษ, นิตยสารวัยรุ่น สวีตตี (Sweety) นอกจากนี้ ยังมีนิตยสารบันเทิงและโหราศาสตร์อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับบริหารการตลาดด้วย[6]
  • ร้านหนังสือ - บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจสาขานี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เพื่อใช้เป็นช่องทางในการจัดจำหน่าย หนังสือประเภทต่างๆ ของทางบริษัทเอง เมื่อแรกมีชื่อว่า บ้านการ์ตูน [5] ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 เปลี่ยนมาใช้ชื่อปัจจุบันคือ เอสเอ็มเอ็ม บุ๊กเฟรนด์ และมีคำขวัญว่า พบหนังสือ พบความสุข [7] เปิดบริการเป็นจำนวน 32 สาขาทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล[3] นอกจากนั้น ยังเปิดการจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ของร้านเองโดยเฉพาะ ด้วยวิธีจัดส่งผ่านระบบไปรษณีย์[6] สำหรับร้านค้าส่งใช้ชื่อว่า ก.สัมพันธ์ (ย่อมาจาก กิเลนสัมพันธ์ ปัจจุบันชื่อ สยามอินเตอร์ฯ [1] และแยกกิจการจัดจำหน่ายหนังสือในเครือสยามสปอร์ต ออกไปเป็นบริษัท สยามสปอร์ต บุ๊กส์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2549[8])
  • รับจ้างผลิตสิ่งพิมพ์ - บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจสาขานี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 โดยได้รับงานประเภทนิตยสาร สื่อประชาสัมพันธ์ หรือบุ๊กเล็ตเป็นต้น[6]

ธุรกิจสื่อประสม

  • สถานีวิทยุกระจายเสียง - บริษัทฯ เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกในการผลิตรายการวิทยุประเภทกีฬาตลอด 24 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยได้รับสัมปทานคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 99.0 เมกะเฮิรตซ์ จากสถานีวิทยุกระจายเสียง อ.ส.ม.ท. โดยใช้ชื่อว่า สปอร์ตเรดิโอ และให้บริษัท สยามเทเลซีน จำกัด เช่าช่วงเป็นผู้ผลิตรายการ จากนั้นในปี พ.ศ. 2545 ก็รับโอนกลับมาดำเนินงานเอง ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2548 บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มีนโยบายในการผลิตรายการวิทยุด้วยตนเอง จึงไม่มีการต่อสัญญาสัมปทานแก่บริษัทฯ โดยระยะแรกต้องดำเนินการออกอากาศผ่านอินเทอร์เน็ตไปพลางก่อน ซึ่งในปีถัดมา (พ.ศ. 2549) บริษัทฯ ลงนามในสัญญาสัมปทานร่วมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก กองบัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ เพื่อถ่ายทอดเสียงสปอร์ตเรดิโอ ทางคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 90.0 เมกะเฮิรตซ์ เป็นเวลา 3 ปี (ถึง พ.ศ. 2551)[5] ปัจจุบันส่งกระจายเสียงผ่านทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เอฟเอ็ม 96.0 เมกะเฮิรตซ์ (ตั้งแต่ พ.ศ. 2552[5]), สถานีวิทยุชุมชน เอฟเอ็ม 106.75 เมกะเฮิรตซ์, ทรูวิชั่นส์ ช่องอาร์ 28 และเว็บไซต์ของสถานีฯ ซึ่งมุ่งเน้นการรายงานผลการแข่งขันกีฬาทุกประเภท อย่างถูกต้องและรวดเร็ว สดตรงจากขอบสนาม ร่วมกับการนำเสนอข่าวสารความเคลื่อนไหว ของวงการกีฬาทั้งในและต่างประเทศมาโดยตลอด ภายใต้คณะผู้ปฏิบัติงานกว่า 50 คน[6]
  • สถานีโทรทัศน์ - บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจสาขานี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยใช้ชื่อว่า เอสเอ็มเอ็มทีวี : สปอรตส์ แอนด์ วาไรตี ผ่านระบบดาวเทียม ตลอด 24 ชั่วโมง ปัจจุบันออกอากาศผ่านดาวเทียมในระบบซี-แบนด์, ผู้ให้บริการเคยู-แบนด์บางบริษัท, เครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลทั่วประเทศ และเว็บไซต์ของสถานีฯ โดยให้ความสำคัญกับรายการประเภทกีฬา ร่วมกับเนื้อหาสาระบันเทิงที่น่าสนใจทุกแง่มุม และที่ใกล้ตัวผู้ชมมากที่สุด[6]
  • สื่อใหม่ - บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจสาขานี้ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 แบ่งเป็นพื้นที่นำเสนอบนเว็บไซต์ เผยแพร่เนื้อหากีฬาและฟุตบอลไทย, แอปพลิเคชันบนคอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน, ระบบบริการข้อความสั้น, บริการข้อมูลเสียงผ่านระบบออดิโอเท็กซ์ นำเสนอข่าวสารกีฬาและเรื่องราวโหราศาสตร์, หนังสือพิมพ์กีฬาออนไลน์ เอสเอ็มเอ็ม สปอร์ตกูรู, หนังสือและนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์[6]