อันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ของ สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก

  • Anura หรือ อันดับกบ

เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งรวมถึง คางคก, อึ่ง และเขียดหรือปาดด้วย มีรูปร่างโดยรวมคือ มีสี่ขา ขาหลังขาวใหญ่และมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงใช้กระโดดได้ระยะไกล โดยมุมที่กระโดดได้มีความสูงที่สุด คือ 90 องศา กับพื้นราบ ส่วนการกระโดดที่ไกลที่สุดคือ เมื่อทำมุม 45 องศา กับพื้นราบ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับอัตราการเร่งและหดตัวของกล้ามเนื้อ[5] ระหว่างนิ้วมีพังผืดเชื่อมติดกันเพื่อช่วยในการว่ายน้ำ ตาโต ปากกว้าง เป็นสัตว์ที่ดูเหมือนว่าไม่มีคอ ในตัวผู้มีต่อมที่ลำคอทั้งสองข้างใช้ในการส่งเสียงร้องได้ เพื่อเรียกความสนใจของตัวเมียเพื่อการผสมพันธุ์และวางไข่ วางไข่ในน้ำ ไข่ติดกันเป็นพวงเหมือนเม็ดแมงลัก วัยอ่อนมีหางเหมือนปลาและมีพู่เหงือกใช้ในการหายใจเห็นชัดเจน มี 2 ชุด เรียกว่า "ลูกอ๊อด" บางจำพวก เช่น ปาดอาจวางไข่เพียงครั้งละฟองบนน้ำค้างบนใบไม้ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วจะไม่มีหาง

กบในประเทศไทยใช้เนื้อในการรับประทานของมนุษย์เป็นอาหาร มีหลายชนิด ที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อาทิ กบภูเขา (Limnonectes blythii) ซึ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกชนิดที่ใหญ่ที่สุดที่พบได้ในประเทศไทยด้วย, อึ่งปากขวด (Glyphoglossus molossus), กบนา (Hoplobatrachus rugulosus) ซึ่งนิยมเพาะเลี้ยงกันเป็นสัตว์เศรษฐกิจ

ปัจจุบันมีการค้นพบและอนุกรมวิธานแล้วกว่าเกือบ 4,800 ชนิด นับว่ามีความหลากหลายที่สุดของสัตว์ในชั้นนี้[6]

  • Caudata หรือ อันดับซาลาแมนเดอร์และนิวต์

เป็นอันดับของสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกอีกอันดับหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมคล้ายกับจิ้งจกที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน จึงได้มีอีกชื่อเรียกหนึ่งในภาษาไทยว่า "จิ้งจกน้ำ" หรือ "จั๊กกิ้มน้ำ" กล่าวคือ เมื่อเป็นตัวเต็มวัยแล้วก็ยังมีหาง ในขณะที่ยังเป็นวัยอ่อนก็มีรูปร่างไม่ได้ต่างอะไรกับตัวเต็มวัย แต่สภาพของพู่เหงือกจะมีความแตกต่างกันออกไปตามสภาพถิ่นที่อยู่ โดยพวกที่วางไข่ในแหล่งน้ำนิ่งหรือบกบก เหงือกได้ลดรูปและช่องเหงือกปิดก่อนหน้าจะเป็นตัวฟักออกจากไข่ สำหรับพวกที่อาศัยในแหล่งน้ำไหลมีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำสูง จะมีได้ทั้งเหงือกขนาดเล็กและขนาดใหญ่มีทั้งแบบเป็นพู่คล้ายขนนก แต่ในจำพวกที่ต้องอาศัยอยู่ในน้ำตลอดเวลา จะไม่เปลี่ยนรูปร่างของเหงือกไปตามวัย แม้จะมีปอดขึ้นมาแล้วก็ตาม [7]

ซึ่งสัตว์ในอันดับนี้ในประเทศไทยมีพบเพียงชนิดเดียวเท่านั้น คือ กะท่าง หรือ จิ้งจกน้ำดอยอินทนนท์ (Tylototriton verrucosus) ซึ่งจะพบได้เฉพาะลำธารในเขตภูเขาสูงของภาคเหนือของประเทศเท่านั้น และต่อมาได้มีการค้นพบเพิ่มอีกที่แอ่งน้ำในจังหวัดขอนแก่น ซึ่งตัวผู้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงฤดูผสมพันธุ์จะมีสีสันที่สดใสสวยงามมาก นอกจากนี้แล้ว สัตว์ในอันดับนี้ถือได้ว่าเป็นสัตว์สะเทินน้ำทะเทินบกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย คือ ซาลาแมนเดอร์ยักษ์จีน (Andrias davidianus) ที่อยู่ในวงศ์ซาลาแมนเดอร์ยักษ์ (Cryptobranchidae) เมื่อโตเต็มที่อาจมีความยาวได้ถึงเกือบ 2 เมตร อาศัยอยู่เฉพาะในลำธารน้ำที่ใสสะอาดแถบภาคกลางและภาคใต้ของป่าดิบชื้นในจีนเท่านั้น

อนึ่ง คำว่า "ซาลาแมนเดอร์" นั้น มีที่มาจากเทพปกรณัมกรีกคือ ตัวซาลาแมนเดอร์ ที่เป็นสัตว์ในตำนานที่เมื่ออยู่ในไฟก็ไม่ตาย ส่วนคำว่า "นิวต์" นั้นจะใช้เรียกซาลาแมนเดอร์ที่มีขนาดเล็ก เช่น กะท่าง เป็นต้น[8] ปัจจุบันมีการจำแนกและอนุกรมวิธานแล้วกว่า 580 ชนิด [9]

  • Gymnophiona หรือ อันดับเขียดงู

เป็นอันดับที่มีรูปร่างคล้ายเหมือนปลาไหลหรืองูที่เป็นสัตว์เลื้อยคลาน เพราะมีลำตัวเรียวยาวไม่มีขาหรือเกล็ด ตามีขนาดเล็ก ทำให้ส่วนใหญ่เมื่อมีผู้พบเห็นเข้าใจผิดอยู่เสมอว่าเป็นงูหรือสัตว์เลื้อยคลาน พบได้ในทั่วโลก มีลำตัวเป็นปล้อง โดยปล้องโดยทั่วไปมีขนาดจำนวนเท่ากับปล้องของกระดูกสันหลัง แต่บางชนิดอาจมีปล้องจำนวน 2 หรือ 3 ปล้องต่อกระดูกสันหลังปล้องเดียวก็ได้ ในบางชนิดที่มีเกล็ด จะเป็นเกล็ดที่ประกอบด้วยคอลลาเจนหลายชั้นฝังและเรียงตัวซ้อนกันในร่องส่วนลึกสุดของปล้องลำตัวปฐมภูมิ โดยเรียงลำดับต่อเนื่องกันในแนวเฉียง

อาศัยทั้งบนบก โพรงดิน ใต้กองใบไม้ หรือในน้ำ ปัจจุบันมีการอนุกรมวิธานได้ 33 สกุล 174 ชนิด ใน 6 วงศ์ จำแนกโดยการใช้รูปร่างโครโมโซม และลักษณะทางโมเลกุล ในประเทศไทยพบได้ 4 ชนิด อยู่ในวงศ์และสกุลเดียวกันทั้งหมด ชนิดที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ เขียดงูเกาะเต่า (Ichthyophis kohtaoensis) [10]

ใกล้เคียง

สัตว์ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีแกนสันหลัง สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ (ภาพยนตร์) สัตว์ขาปล้อง สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก สัตว์หาง สัตว์เทพทั้งสี่