วันสำคัญในสัปดาห์ ของ สัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์

วันอาทิตย์ใบลาน

"วันอาทิตย์ใบลาน" (โรมันคาทอลิก) "วันอาทิตย์ใบปาล์ม" หรือ "วันอาทิตย์ทางตาล" (โปรเตสแตนต์) เป็นวันฉลองถึงเหตุการณ์ที่พระเยซูเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเลมอย่างผู้พิชิต ซึ่งสื่อนัยะสำคัญ 2 ประการ คือ 1. พระเยซูเป็นพระเมสสิยาห์ 2. พระเยซูเป็นกษัตริย์แห่งสันติภาพ

ตามพระวรสารนักบุญมัทธิวและพระวรสารนักบุญลูการะบุว่าก่อนการตรึงพระเยซูที่กางเขน พระเยซูได้เสด็จออกจากเมืองเยรีโค เพื่อเดินทางเข้าสู่กรุงเยรูซาเลม ครั้งนั้นพระองค์ทรงลา ชาวเยรูซาเลมออกมาต้อนรับพระองค์จำนวนมากด้วยความยินดี บ้างก็นำเสื้อและกิ่งไม้มาปูลาดพื้น ขณะเสด็จเข้าเมืองคนที่เดินนำน่าก็ตะโกนถวายพระพรว่า "โฮซันนา แก่บุตรของดาวิด ขอให้ท่านผู้ที่เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ โฮซันนา ในที่สูงสุด"[2]

วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์

"วันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์" เป็นวันฉลองเหตุการณ์ที่พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับเหล่าอัครทูต ในคราวนั้นพระเยซูทรงริเริ่มพิธีกรรมสำคัญ 2 ประการที่คริสตจักรยังคงรักษาสืบมาจนปัจจุบัน คือ 1. การล้างเท้าอัครทูต 2. การสถาปนาพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์

พระวรสารนักบุญยอห์นกล่าวว่าก่อนถึงวันปัสคา ระหว่างรับประทานอาหารเย็น พระเยซูได้ทรงล้างเท้าให้อัครทูตทั้ง 12 คน และตรัสทำนายว่ายูดาส อิสคาริโอท จะทรยศพระองค์[3] ส่วนพระวรสารสหทรรศน์ระบุว่าในคราวนั้นได้ทรงตั้งพิธีมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ด้วย โดยบิขนมปังออก ตรัสว่า "จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา" แล้วแจกให้อัครทูตทุกคน จากนั้นทรงนำถ้วยเหล้าองุ่นมาให้ทุกคนแบ่งกันดื่ม ตรัสว่า "นี่เป็นโลหิตของเราอันเป็นโลหิตแห่งพันธสัญญาที่หลั่งออกเพื่อยกบาปโทษคนจำนวนมาก"[4] หลังจากเหตุการณืนี้พระเยซูทรงถูกจับกุมและนำตัวไปสอบสวนตลอดทั้งคืน

วันศุกร์ประเสริฐ

"วันศุกร์ประเสริฐ" หรือ "วันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์" เป็นวันระลึกถึงการตรึงพระเยซูที่กางเขน ซึ่งคริสต์ศาสนิกชนถือว่าพระเยซูได้เป็นพระผู้ไถ่บาปให้มวลมนุษย์ที่เชื่อและยอมรับว่าพระองค์คือพระคริสต์ พระบุตรพระเป็นเจ้า

หลังจากถูกไต่สวนและรับทรมาน พระเยซูถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการตรึงกางเขน พร้อมกับโจรอีก 2 คน เหนือกางเขนของพระองค์มีป้ายติดชื่อว่า "เยซู กษัตริย์ของพวกยิว" ราวบ่าย 3 โมงจึงสิ้นพระชนม์[5] พระวรสารนักบุญยอห์นระบุเพิ่มเติมว่าหลังสิ้นพระชนม์ ได้มีทหารได้นำทวนมาแทงสีข้างของพระองค์ ก็มีน้ำและพระโลหิตหลั่งออกมา[6]