สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เป็น
สงครามทั่วโลกที่เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 เมื่อ
จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีประกาศสงครามต่อ
ราชอาณาจักรเซอร์เบีย และสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 เมื่อมีการลงนาม
สงบศึกระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตรกับ
จักรวรรดิเยอรมัน การระบุสาเหตุที่แท้จริงของสงครามยังคงเป็นที่ถกเถียง นักวิชาการพยายามค้นหาว่าเหตุใดมหาอำนาจสองฝ่าย (จักรวรรดิเยอรมันและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กับฝ่าย
รัสเซีย ฝรั่งเศส และ
สหราชอาณาจักร) จึงสู้รบกันในปี ค.ศ. 1914 และวิเคราะห์ว่าสามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งนี้ได้หรือไม่ปัจจัยทั่วไปที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้แก่ ระบบเครือข่ายพันธมิตรอันซับซ้อน
[1] การแข่งขันทางการเมืองและเศรษฐกิจ คติ
แสนยนิยมและ
จักรวรรดินิยม การเจริญของแนวคิด
ชาตินิยม และสุญญากาศทางอำนาจของ
จักรวรรดิออตโตมันที่กำลังเสื่อมถอย
[2] ปัจจัยอื่น ๆ ที่สำคัญรวมถึง
กรณีพิพาทเรื่องอาณาเขตที่ไม่ได้รับการแก้ไข ความเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจของยุโรปที่รับรู้ได้
[3] วิธีการปกครองที่สับสนกระจัดกระจาย
การแข่งขันในทางอาวุธช่วงทศวรรษก่อนหน้า และการวางแผนปฏิบัติการทางทหาร
[4]นักวิชาการมุ่งความสนใจไปที่ฤดูร้อน ค.ศ. 1914 หลัง
การลอบปลงพระชนม์อาร์ชดยุกฟรันซ์ แฟร์ดีนันท์แห่งออสเตรีย โดย
กัฟรีโล ปรินซีป ชายชาวเซิร์บ-บอสเนีย
[5] เกิด
วิกฤตการณ์เดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาตึงเครียดทางการทูตและการทหารในยุโรป วิกฤตการณ์ถูกยกระดับกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างออสเตรีย-ฮังการีกับเซอร์เบียที่มีพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วม สิ่งหนึ่งที่ยกระดับวิกฤตการณ์นี้คือ การประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด (เช่น เยอรมนีที่เชื่อว่าสหราชอาณาจักรจะเป็นกลาง
[6] หรือเชื่อว่าสงครามจะไม่ยืดเยื้อ สิ้นสุดก่อนคริสต์มาส ค.ศ. 1914
[7]) ความเชื่อที่ว่าสงครามเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไปจนถึงการแผ่ขยายของวิกฤตการณ์อันเป็นผลมาจากความล่าช้าและความเข้าใจผิดทางการทูต ซึ่งก่อนหน้าวิกฤตการณ์เดือนกรกฎาคม มหาอำนาจต่างขัดแย้งกันด้วยปัญหาในยุโรปและอาณานิคมมานานหลายทศวรรษ ซึ่งความขัดแย้งนี้สามารถสืบย้อนไปได้ถึง ค.ศ. 1867
[8]นักวิชาการยังคงมีความเห็นไม่ลงรอยในเรื่องสาเหตุที่แท้จริงของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เนื่องจากมีมุมมองต่อปัจจัยหลักและความสำคัญของแต่ละปัจจัยต่างกันไป นอกจากนี้การศึกษาสาเหตุยังเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาจากหลักฐานที่พบและอุดมการณ์ของตัวนักประวัติศาสตร์ ทัศนะหลักที่แบ่งนักประวัติศาสตร์ออกเป็นสองฝ่ายคือ ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าเยอรมนีกับออสเตรีย-ฮังการีเป็นผู้ขับเคลื่อนให้เกิดเหตุการณ์
[9] ขณะที่อีกฝ่ายมองว่าเป็นผลพวงจากปัจจัยต่าง ๆ จำนวนมาก สองทัศนะนี้ยังสามารถแยกย่อยได้เป็นความเห็นว่าเยอรมนีจงใจก่อสงคราม
[10] ความเชื่อว่าสงครามไม่ได้ถูกวางแผนไว้ แต่ต้นเหตุหลักมาจากเยอรมนี
[11] และความเห็นว่ามหาอำนาจอื่นมีส่วนในการก่อสงครามเช่นกัน
[12]