ส่วนหนึ่งของ
ศาสนาพุทธ สถานีวิกิย่อยประวัติศาสนาพุทธพระโคตมพุทธเจ้า (
พระพุทธเจ้า)
พระพุทธ ·
พระธรรม ·
พระสงฆ์สีลัพพตปรามาส (
บาลี: สีลพฺพตปรามาส) เป็นศัพท์ใน
พระไตรปิฎกเถรวาท มาจากคำสมาสแบบสนธิว่า สีล (แปลว่า
ศีล หรือ วิรัติ อันเป็นข้องดเว้น) + วต (แปลว่า พรต หรือ วัตร อันเป็นข้อปฏิบัติ) + ปรามาส (อ่านว่า ปะ-รา-มาด, แปลว่า การจับต้อง, การลูบคลำ
[1])สีลัพพตปรามาส หมายความถึงความยึดมั่นถือมั่นอยู่ในสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศีลพรตภายนอกพระพุทธศาสนา หรือความยึดมั่นถือมั่นในการบำเพ็ญเพียงกายและวาจาตามหลักธรรมพระพุทธศาสนา (ศีล) ของตนว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐ ซึ่งเป็นเหตุให้ละเลยการปฏิบัติทางด้านจิตใจหรือการใช้ปัญญาเพื่อหลุดพ้น
[2]สีลัพพตปรามาสจัดเป็นความเห็นผิดหรือ
มิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่ง
[3] จัดเข้าในกลุ่ม
สังโยชน์ขั้นต้นที่
พระอริยบุคคลระดับ
โสดาบันจะละความยึดมั่นเช่นนี้ได้
[4]สีลัพพตปรามาสในพระไตรปิฎก ปรากฏทั้งในคัมภีร์
สุตตันตปิฎกและ
อภิธรรมปิฎก โดยความหมายหลักของคำว่าศีลและพรตในศัพท์นี้ หมายถึงการปฏิบัติตามความเชื่อนอกพระพุทธศาสนา เช่น ความเชื่อในอำนาจบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพระผู้เป็นเจ้า, ความเชื่อของ
ศาสนาพราหมณ์ที่เชื่อว่าการบำเพ็ญ
ทุกกรกิริยาจะสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญหลุดพ้นจากความทุกข์หรือหลุดพ้นจากอำนาจของ
กิเลสได้ หรือความเชื่อของ
ลัทธิตันตระที่เชื่อว่าการมั่วสุมอยู่ในกามารมณ์จะสามารถทำให้หลุดพ้นจากทุกข์ได้
[5] เป็นต้นนอกจากนี้ ความเชื่อในทางพระพุทธศาสนาก็อาจถือว่าเป็นศีลพรตในสีลัพพตปรามาสได้ กล่าวคือความยึดมั่นถือมั่นว่าการบำเพ็ญศีลในทางพระพุทธศาสนาอย่างสมบูรณ์ของตนว่าเป็นสิ่งประเสริฐจนละเลยการปฏิบัติทางด้านจิตใจ และความเชื่ออย่างยึดมั่นถือมั่นว่าการบำเพ็ญเพียงแต่ศีลในพระพุทธศาสนาตามที่ตนยึดถือเพียงอย่างเดียวจะช่วยให้เป็นผู้บริสุทธิ์ได้ เช่น ความเชื่อว่าการถือ
ศีลจะช่วยให้คนบริสุทธิ์ ซึ่งรวมไปถึงความเชื่อในการทาน
เจ หรือ
การปิดวาจา หรือความเชื่อในอำนาจอิทธิฤทธิ์บันดาลของ
พระพุทธรูปหรือ
พระสงฆ์เป็นต้นโดยสรุป สีลัพพตปรามาส คือความเชื่ออย่างเห็นผิดในอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายนอกตัว, ความยึดมั่นในความดีเพียงขั้นศีลของตน และความเชื่อว่าการบำเพ็ญทางกายวาจาเท่านั้นที่จะสามารถทำให้คนบริสุทธิ์จากกิเลสหรือหลุดพ้นได้ ความเห็นเหล่านี้ถูกจัดเป็นความเห็นที่ผิดพลาดในทางพระพุทธศาสนาเพราะเนื่องด้วยพระพุทธศาสนาเน้นเรื่องภายในจิตใจคือการหลุดพ้นด้วยปัญญาภายในเป็นสำคัญ
[6] นอกจากนี้พระพุทธเจ้าตรัสหลักสีลัพพตปรามาสไว้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ปฏิบัติหลงผิดจากแนวทางหลักในพระพุทธศาสนา กล่าวคือไม่ให้มัวแต่หลงยึดมั่นแค่เพียงความบริสุทธิ์ของศีลที่มีเฉพาะด้านกายและวาจา โดยละเลยความบริสุทธิ์ด้านจิตใจไป ซึ่งความยึดมั่นถือมั่นเช่นนี้จัดเป็น
อัสมิมานะซึ่งจัดเป็น
กิเลสชนิดหนึ่ง