บทบาททางการเมือง ของ สุเทพ_เทือกสุบรรณ

สุเทพ เข้าสู่วงการเมืองระดับประเทศ ได้เป็น ส.ส.จังหวัดสุราษฎร์ธานี สมัยแรกเมื่อปี พ.ศ. 2522 และหลังจากนั้นสามารถชนะเลือกตั้ง ได้เป็น ส.ส. อย่างต่อเนื่องถึง 10 สมัย[ต้องการอ้างอิง] และดำรงตำแหน่งสำคัญระดับรัฐมนตรี คือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 สมัย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

บทบาทหลังเลือกตั้ง 2548

หลังการเลือกตั้งเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2548 พรรคประชาธิปัตย์ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรคครั้งใหญ่ สุเทพได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรค และพอดีกับมีบทบาทอย่างมากในคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 โดยเป็นผู้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นฟ้องพรรคไทยรักไทย[ต้องการอ้างอิง] และต่อมาพรรคไทยรักไทยถูกวินิจฉัยให้ยุบพรรค

ในการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี พ.ศ. 2551 ซึ่งสุเทพเป็นผู้ที่มีบทบาทในการประสานงานจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนั้น จนได้รับการขนานนามว่า "ผู้จัดการรัฐบาล"[4] และได้รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ต่อมาในปี พ.ศ. 2552 สุเทพ ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หลังจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง วินิจฉัยการถือครองหุ้นของเขาผิดรัฐธรรมนูญ แต่ยังคงดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม[5]

ต่อมาในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2553 สุเทพ ได้ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี[6] เพื่อกลับไปลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกครั้งแทนตำแหน่งที่ว่างลง[ต้องการอ้างอิง] ซึ่งการเลือกตั้งดังกล่าวอยู่ในระหว่างการพิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ จึงเป็นที่มาของการถูกมองว่าสุเทพ ต้องการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเตรียมตัวเป็นนายกรัฐมนตรีสำรอง ในกรณีที่ถูกยุบพรรค[7] ภายหลังได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว จึงได้กลับเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง[8]

เลขาธิการ กปปส.

สุเทพ เทือกสุบรรณเดินทางไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

หลังรัฐประหาร สุเทพเปิดเผยว่า ตนพูดคุยกับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ถอนรากถอนโคนอิทธิพลของทักษิณ ชินวัตร และพันธมิตร นับแต่การชุมนุมทางการเมืองใน พ.ศ. 2553 เขากล่าวว่า ได้ติดต่อเป็นประจำผ่านแอพไลน์ ก่อนรัฐประหาร พลเอก ประยุทธ์ติดต่อเขาว่า "คุณสุเทพและมวลชนผู้สนับสนุน กปปส. ของท่านเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้เป็นหน้าที่ของกองทัพที่ต้องรับต่อ" สุเทพว่า กองทัพตระหนักดีถึงวัตถุประสงค์ของ กปปส. ระหว่างที่กลุ่มกดดันข้าราชการและทหารให้เข้าร่วมขบวนการ กองทัพได้รับข้อเสนอของ กปปส. หลายอย่าง เช่น มาตรการช่วยเหลือเกษตรกร[9]

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

หมายจับในข้อหากบฎ

ศาลอาญาอนุมัติหมายจับสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก ในข้อหาเป็นกบฏ และอนุมัติหมายจับแกนนำ คปท.กรณีบุกกระทรวงการต่างประเทศด้วย

หลังจากที่พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่ม กปปส. ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ มิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด่างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็นว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้า หรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ และเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแต่ไม่เลิก ซึ่งล่าสุดศาลได้อนุมัติหมายจับดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้ ศาลอาญายังได้อนุมัติหมายจับนายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี, นายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี และ นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ในข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายในเวลากลางคืน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป และทำให้เสียทรัพย์กรณีบุกรุกกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นเหตุให้ประตูเลื่อนไฟฟ้าเสียหาย 4 บาน ซึ่งศาลได้ไต่สวนพยานที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวม 7 ปาก ขณะที่นางสาวพวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความกลุ่ม คปท.ที่ยื่นคำร้องคัดค้านหมายจับ นำพยานเข้าเบิกความจำนวน 2 ปาก

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าผู้ร้องมีหลักฐานพอสมควรว่า ผู้ถูกร้องทั้ง 4 คน กระทำความผิดอาญาและมีโทษจำคุก 3 ปีขึ้นไป จึงมีคำสั่งอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน

ขณะเดียวกันวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 15.00 นาฬิกา ศาลได้มีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับ นายสุเทพ ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดการวุ่นวายในบ้านเมือง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 215 และความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ และมาตรา 216 ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365 กรณีนำมวลชนเข้าปิดล้อม ขับไล่ข้าราชการ บุกยึดสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง เป็นที่ชุมนุม ด้วย

เนื่องจากศาลเห็นว่า นายสุเทพ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันกบฏ ซึ่งมีอัตราโทษที่สูงกว่า และมีอายุความถึง 20 ปี จึงให้บังคับใช้หมายจับฉบับนี้แทนฉบับเดิม[10]

อุปสมบท

วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ทวีตภาพและข้อความผ่านทวิตเตอร์ เปิดเผยว่า สุเทพได้ตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบแล้ว ที่วัดท่าไทร และไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ (สวนโมกขพลาราม) จ.สุราษฎร์ธานี โดยข้อความที่นายเทพไทได้ทวีตข้อความมีใจความว่า "ลุงกำนันตัดสินใจบวชแบบสายฟ้าแลบ ที่วัดท่าไทร และจะไปจำวัดที่วัดสวนโมกข์ ขออนุโมทนาบุญกับหลวงลุงด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ"

โดยเมื่อคืนวันที่ 14 กรกฎาคม สุเทพพร้อมญาติ 1 คน เดินทางมาพบพระเทพพิพัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดท่าไทร และเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี แจ้งความประสงค์จะขอบวชโดยบอกว่าไม่มีภาระอะไรแล้ว จะขอบวชเงียบๆ ไม่ให้ใครรู้และไม่บอกใคร

ทั้งนี้ พระเทพพิพัฒนาภรณ์ ได้โกนผมให้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางคืนและนอนพักที่กุฏิเจ้าอาวาสกับญาติผู้น้อง กระทั่งได้ฤกษ์อุปสมบทเมื่อเวลา 09.09 น. วันที่ 15 กรกฎาคม มีผู้อยู่ในโบสถ์ประกอบพิธีกัน 3 คน พระเทพพิพัฒนาภรณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ และให้ฉายาว่า "ประภากะโร" แปลว่าผู้กระทำซึ่งแสงสว่าง เมื่อบวชแล้วเสร็จห่มผ้าเหลืองเดินออกประตูโบสถ์มา มีพระลูกวัดมาพบเข้าพอดีได้ขอถ่ายรูปจนมีการส่งต่อๆ กัน[11]

วันที่ 28 กรกฎาคม 2558 สุเทพลาสิกขา และวันเดียวกัน ได้ยื่นหนังสือคัดค้านการย้ายสำนักงาน บช.ภ.8 จากอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานีไปจังหวัดภูเก็ต ชี้ตำรวจชั้นผู้น้อยเดือดร้อน[12]

แหล่งที่มา

WikiPedia: สุเทพ_เทือกสุบรรณ http://www.cbc.ca/news/world/thailand-s-ex-deputy-... http://www.ctvnews.ca/politics/mastermind-of-thai-... http://asianpacificnews.com/news4/?p=18664 http://www.bangkokpost.com/news/local/376876/abhis... http://www.bangkokpost.com/news/politics/416810/su... http://www.bbc.com/thai/thailand-40519185 http://www.france24.com/en/20131202-thailand-prote... http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B... http://www.krobkruakao.com/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B... http://news.mthai.com/politics-news/291915.html