สู่ป่าแห่งแสงหิ่งห้อย (
ญี่ปุ่น: 蛍火の杜へ) เป็น
โชโจะมังงะ (shōjo manga) ที่
ยูกิ มิโดริกาวะ (Yuki Midorikawa) เขียนขึ้น ตีพิมพ์ในญี่ปุ่นครั้งแรกลงวารสาร
ลาลาดีเอกซ์ (LaLa DX) ฉบับเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2002 ต่อมา พิมพ์ซ้ำในหนังสือประชุมเรื่องสั้นแบบ
ทังโกบง (tankōbon) เมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2003 ซึ่งรวมผลงาน 4 เรื่องของยูกิ มิโดริกาวะ เอาไว้มังงะนี้ว่าด้วยเด็กผู้หญิงนาม โฮตารุ (Hotaru) และความสัมพันธ์ของเธอกับชายสวมหน้ากาก ผู้มีนามว่า กิง (Gin) ที่เธอพบเจอในป่าขณะเธออายุได้ 6 ปี โฮตารุทราบว่า ชายหนุ่มผู้นี้เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ ถ้ามนุษย์ไปแตะต้องตัวเข้า ก็จะสลายหายไปตลอดกาล โฮตารุกลับมาหากิงทุก ๆ ฤดูร้อน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พัฒนาขึ้นตามลำดับแม้มีข้อจำกัดหลายประการก็ตาม เนื้อเรื่องดังกล่าว ยูกิ มิโดริกาวะ เกิดแรงบันดาลใจขึ้นอย่างฉับพลันและลงมือเขียนขึ้นในทันใด กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปอย่างราบรื่นแม้เริ่มแรกจะมีองค์ประกอบบางประการที่ขัดแย้งกันอยู่ ถือกันว่า มังงะนี้เป็นจุดเริ่มต้นของผลงานอันเลื่องชื่ออีกเรื่องหนึ่งของเธอ คือ
นัตซึเมะกับบันทึกพิศวง (Natsume's Book of Friends)ใน ค.ศ. 2011 สตูดิโอ
เบรนส์เบส (Brain's Base) นำมังงะนี้ไปผลิตเป็นภาพยนตร์
อนิเมะ (anime) ยาว 44 นาที ผู้กำกับ คือ
ทากาฮิโระ โอโมริ (Takahiro Omori) ผู้พากษ์เสียงหลัก คือ
อายาเนะ ซากูระ (Ayane Sakura) และ
โคกิ อูจิยามะ (Kōki Uchiyama) ส่วนเพลงประกอบนั้นมีผลงานของ
มาโกโตะ โยชิโมริ (Makoto Yoshimori) รวมอยู่ด้วย ภาพยนตร์เปิดตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2011 และมีผู้ติดตามอย่างเหนียวแน่นและต่อเนื่องหลายเดือน ครั้นวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2011 ภาพยนตร์เปิดตัวในยุโรป ณ เทศกาล
สกอตแลนด์เลิฟส์แอนิเมชัน (Scotland Loves Animation) ที่ซึ่งภาพยนตร์ได้รับรางวัลจูรี (Jury Prize) ภาพยนตร์นี้ยังได้ฉายในเทศกาลใหญ่อีกหลายงาน เช่น
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติลีดส์ (Leeds International Film Festival), นิทรรศการเนื้อหาอนิเมะ (Anime Contents Expo), และงานประชุม
อนิเมะเอกซ์โป (Anime Expo) อนึ่ง ภาพยนตร์ยังได้รับรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชัน (Animation Film Award) ในงานประกาศ
รางวัลภาพยนตร์ไมนิจิ (Mainichi Film Award) ครั้งที่ 66 ด้วยภาพยนตร์อนิเมะเผยแพร่เป็น
บลูเรย์และ
ดีวีดีในญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2012 แต่ 12 วันก่อนหน้านี้ มีการพิมพ์เผยแพร่เนื้อเรื่องเพิ่มเติมลงในมังงะฉบับสะสม (keepsake edition) ใช้ชื่อว่า โฮตารูบิโนะโมริเอะโทกูเบ็ตสึเฮ็ง (蛍火の杜へ 特別編 Hotarubi no Mori e Tokubetsuhen) ทั้งมังงะฉบับสะสม และบลูเรย์ฉบับจำกัด (limited edition) ขายดีเป็นอันดับที่ 13 ตามผังของ
ออริคอน (Oricon)โดยทั่วไปแล้ว นักวิจารณ์ชื่นชมภาพยนตร์อนิเมะเพราะมีความสวยงาม เรียบง่าย และละมุนละไม คล้ายคลึงกับผลงานของ
ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) แห่ง
สตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) และผลงานของ
มาโคโตะ ชิงไก (Makoto Shinkai) มีเสียงวิพากษ์เล็กน้อย ส่วนใหญ่เห็นว่า เนื้อเรื่องสั้นไป