ฤดูกาล 2014–15 เป็นฤดูกาลที่ 123 ของ
ลิเวอร์พูล และเป็นฤดูกาลที่ 52 ติดต่อกันของสโมสรได้เล่นในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ นอกจากนี้ยังเป็นฤดูกาลที่ 23 ที่อยู่บนเวที
พรีเมียร์ลีก เช่นเดียวกับพรีเมียร์ลีก, สโมสรจะได้แข่งขันใน
เอฟเอคัพ,
ลีกคัพ และ
ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ซึ่งถือว่าเป็นการได้กลับมาอีกครั้งในรอบ 4 ปีที่หายไปจากการแข่งขันรายการฟุตบอลสโมสรยุโรปสำหรับพรีเมียร์ลีกแล้ว ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลถือว่าประสบความล้มเหลวเมื่อเทียบกับ
ฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งสโมสรได้ที่ 2 แต่ฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูลได้เพียงอันดับ 6 ซ้ำในนัดปิดท้ายฤดูกาล ยังเป็นฝ่ายแพ้ต่อ
สโตกซิตี ไปถึง 6-1 ประตู ที่สนาม
บริแทนเนียสเตเดียม นับเป็นสถิติที่พ่ายแพ้มากที่สุดในรอบ 52 ปี ของสโมสร และถือเป็นการแพ้ที่มากที่สุดของสโมสรตั้งแต่มีการก่อตั้งพรีเมียร์ลีกขึ้นมาอีกด้วย
[1] [2]อีกทั้ง
สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมและกองกลางคนสำคัญได้เล่นให้กับลิเวอร์พูลเป็นฤดูกาลสุดท้าย หลังจากอยู่กับสโมสรมาอย่างยาวนานถึง 17 ปี ก่อนที่จะย้ายไปยังเมเจอร์ลีกอเมริกา เจอร์ราร์ดได้ตั้งความหวังไว้ว่าจะพาสโมสรคว้าแชมป์
เอฟเอคัพ เนื่องจากในนัด
ชิงชนะเลิศเอฟเอคัพของฤดูกาลนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม ค.ศ. 2015 ซึ่งจะตรงกับวันครบรอบวันเกิด 35 ปี ของเจ้าตัว ก็ไม่สมหวัง เมื่อเป็นฝ่ายตกรอบรองชนะเลิศไปเสียก่อน เนื่องจากเป็นฝ่ายแพ้ต่อ
แอสตันวิลลา ไป 2-1 ประตู ไปอย่างพลิกความคาดหมาย ถึงแม้ว่าในนัดสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก เจอร์ราร์ดจะสามารถยิงประตูปิดท้ายให้กับการเล่นให้กับสโมสรได้ก็ตาม แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้ไปอย่างขาดลอย 6-1 ประตู
[1] [3]ใน
ศึกแดงเดือด ที่พบกับ
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด คู่ปรับตลอดกาลนั้น ก็ยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ทั้ง 2 นัด ทั้งเหย้าและเยือน
[4]