การเพาะปลูก ของ หงอนไก่เทศ

หงอนไก่เทศมีความแข็งแรงและสามารถเพาะได้ง่ายจากเมล็ด เนื่องจากหงอนไก่เทศมีต้นกำเนิดอยู่ในเขตร้อน จึงเจริญได้ดีในพื้นที่ที่มีภูมิอากาศแบบร้อนชื้น อย่างไรก็ตาม ในบริเวณที่ภูมิอากาศมีอากาศหนาวเย็นกว่าก็สามารถเพาะปลูกได้ในช่วงฤดูร้อน หงอนไก่เทศเป็นพืชฤดูเดียว จึงเจริญเติบโตได้เพียงหนึ่งในสี่ของปี โดยอุณหภูมิดินที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตอยู่ที่ประมาณ 16 องศาเซลเซียส[9] พืชชนิดนี้ชอบดินที่มีความสมบูรณ์ อุดมไปด้วยอินทรียสาร และต้องการแดดจัดหรือมีร่มเงาบางส่วน เริ่มหว่านเมล็ดได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคมในบริเวณที่อบอุ่น และจะทำการย้ายปลูกครั้งเดียวหรือสองครั้งในระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน โดยมีระยะห่างจากต้นอื่น 30–35 ซม. ในทุกทิศทาง ในช่วงฤดูร้อนจำเป็นต้องรดน้ำให้กับหงอนไก่เทศในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โคนต้น และดอกจะบานจนกว่าจะเกิดน้ำค้างแข็งมาเกาะในฤดูหนาว

พืชชนิดนี้ง่ายต่อการเจริญเติบโตและดูแลรักษา มีแมลงไม่กี่ชนิดที่ทำลายต้นหงอนไก่เทศ อย่างไรก็ดี ตัวไรนั้นกินพืชนี้ หงอนไก่เทศยังมีความอ่อนไหวต่อการเกิดจุดบนใบ, รากเน่า และการไหลเวียนถูกหยุดเพราะรากถูกบีบรัดด้วย[10] อย่างไรก็ตาม สามารถป้องกันการเกิดลักษณะดังกล่าวได้ โดยการหลีกเลี่ยงไม่ให้ดินชื้นและกำจัดวัชพืชบ่อย ๆ และควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบและดอกเปียกน้ำ เนื่องจากอาจทำให้เกิดโรคเชื้อราได้

พันธุ์ปลูก ได้แก่ "Jewel box", "Century mix", "New Look" และ "Pink Castle" ด้วยความหลากหลายของรูปทรงและสีของดอกและใบ ทำให้พันธุ์ปลูก "silver firecracker" นั้นเป็นที่นิยมนำปลูกเป็นไม้ประดับไปทั่วโลก กระทั่งปี พ.ศ. 2539 พันธุ์ส่วนใหญ่ของ Celosia argentea var. Plumosa ถูกขายเป็นไม้ประดับในยุโรป ขณะที่หงอนไก่เทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Celosia argentea 'Caracas' ได้ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลัง[11][5]