หนอนนก (
อังกฤษ: Mealworm) เป็น
ชื่อสามัญที่เรียกสำหรับ
หนอนของ
แมลงปีกแข็งชนิด Tenebrio molitor ปัจจุบันนิยมเพาะเลี้ยงเป็น
สัตว์เศรษฐกิจ โดยมีความสำคัญใช้เป็น
อาหารสำหรับ
สัตว์เลี้ยงชนิดต่าง ๆ โดยเฉพาะ สัตว์เลี้ยงสวยงาม เช่น
ปลาสวยงาม, นกสวยงาม,
สัตว์เลื้อยคลาน รวมถึง
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กบางชนิด เช่น
แฮมสเตอร์ หรือ
กระรอกรูปร่างของหนอนนก เป็น
หนอนที่มีเปลือก มีลำตัวยาวเรียว
ทรงกระบอกสีน้ำตาลอม
เขียว เมื่อโตเต็มที่มีความกว้างลำตัว 0.28-3.2
มิลลิเมตร ยาว 29-35 มิลลิเมตร
น้ำหนัก 0.2-0.24
กรัม มีอายุประมาณ 55-75 วัน ก่อนจะเข้าสู่ภาวะ
ดักแด้ ซึ่งจะมีอายุในวงจรนี้ราว 5-7 วัน จากนั้นจะลอกคราบเป็นตัวโตเต็มวัย ซึ่งจะเป็นแมลงปีกแข็งลำตัวสีน้ำตาลอม
ดำ ซึ่งจัดเป็นแมลง
ศัตรูพืช มีถิ่นกำเนิดใน
ทวีปยุโรปในที่ ๆ ที่มีอากาศค่อนข้างหนาวเย็น ซึ่งตัวเต็มวัยจะมีอายุเฉลี่ยประมาณ 3-6 เดือน ตัวเมีย 1 ตัว วางไข่ได้ 1-2 ฟอง/วัน หรือ 80-85 ฟอง/ตลอดวงจรชีวิตคุณค่าของหนอนนก คือ เป็นอาหารที่มีทั้ง
โปรตีนและ
ไขมันค่อนข้างสูง โดยเฉพาะไขมัน ในปลาสวยงามบางชนิด เช่น
ปลาอะโรวาน่า หากให้หนอนนกในปริมาณที่มาก ปลาจะติดใจในบางตัวอาจจะไม่ยอมกินอาหารชนิดอื่นเลยก็เป็นได้ และจะสะสมไขมันในตัวซึ่งจะนำมาซึ่งอาการตาตกนอกจากนี้แล้ว ในบางพื้นที่ ยังมีผู้
รับประทานหนอนนกเป็นอาหารอีกด้วย ด้วยการ
ทอดเช่นเดียวกับแมลงชนิดอื่น ๆ ที่รับประทานได้ปัจจุบัน ได้มีผู้เพาะเลี้ยงหนอนนกเป็นสัตว์เศรษฐกิจ โดยโรงเรือนที่เพาะต้องเป็นสถานที่ ๆ โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ที่สำคัญคือ ต้องไม่
ชื้น หากชื้นหนอนนกจะตายด้วย
เชื้อราและไม่มีศัตรูตามธรรมชาติมารบกวน เช่น
จิ้งจก,
ตุ๊กแก หรือ
มด ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ เมื่อซื้อหนอนนกไปแล้ว จะนิยมเก็บด้วยการเทใส่ถาดหรือถัง
พลาสติกที่มีความสูงพอสมควรที่หนอนนกไม่สามารถปีนออกมาได้ ปิดฝาด้วยภาชนะแบบตะแกรง อาหารที่ให้สามารถให้ได้หลากหลาย ทั้ง
ผักชนิดต่าง ๆ อาหารปลาเม็ด หรือ
รำข้าว และต้องมีตะแกรงรองพื้น เพื่อช่วยในการร่อน
มูลและเปลือกของหนอนนกที่ถ่ายออกมาด้วย นิยมขายปลีกกันที่
ขีดละ 40-80
บาท กิโลกรัมละ 300-500 บาท
[1][2]