เมนูนำทาง
หมายเลขชายธง ระบบของราชนาวีราชนาวีหรือกองทัพเรือของสหราชอาณาจักรใช้ระบบธงยาวปลายเรียว (pennant) เพื่อจำแนกประเภทของเรือครั้งแรกในปี พ.ศ. 2204 โดยการประกาศว่าเรือทุกลำที่เป็นเรือหลวงของพระเจ้าแผ่นดินจะต้องประดับธงยูเนียนแจ็ก (union pennant) โดยมีความแตกต่างเด่นชัดมากขึ้นเมื่อมีการประกาศในปี พ.ศ. 2217 ไม่ให้เรือพาณิชย์ลำใด ๆ ชักธงยาวปลายเรียว (pennant) บนเรือของตน[1]
ระบบตัวเลขชายธงถูกนำมาใช้งานก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพื่อแยกความแตกต่างระหว่างเรือที่มีชื่อเดียวกันหรือรูปทรงคลายคลึงกัน เพื่อลดความผิดพลาดและความปลอดภัยในการสื่อสาร และใช้เพื่อแยกในการจดจำเมื่อเรือชั้นเดียวกันมาจอดอยู่ด้วยกัน ตามธรรมเนียมแล้ว จะมีการรายงานหมายเลขชายธงด้วยเครื่องหมายมหัพภาค (full stop) "." ระหว่างธงหลักหรือธงรองและหมายเลข แม้ว่าธรรมเนียมปฏิบัตินี้จะค่อย ๆ ถูกเลิกปฏิบัติไป จากภาพถ่ายในช่วงสงครามโลกประมาณปี พ.ศ. 2467 ที่ไม่มีการใช้สัญลักษณ์มหัพภาคบนตัวเรือแล้ว ระบบหมายเลขชายธงนี้ถูกใช้ตลอดช่วงเวลาในยุคของกองทัพเรือจักรวรรดิอังกฤษ เพื่อให้เรือแต่ละลำสามารถถ่ายโอนไปยังกองทัพเรืออื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหมายเลขชายธง
เดิมทีหมายเลขชายธงถูกจัดสรรโดยฐานทัพเรือแต่ละแห่ง และเมื่อเรือเปลี่ยนฐานทัพเรือที่สังกัด ก็จะมีการจัดสรรหมายเลขใหม่ให้ หลังจากนั้นกรมทหารเรือ (Admiralty) เข้ามาดูแลกองทัพเรือทั้งหมด และจัดทำ "บัญชีรายชื่อเรือ" ในปี พ.ศ. 2453 โดยจัดกลุ่มเรือตามประเภทของธงที่อยู่ในประเภทเดียวกัน นอกจากนั้น เรือในกองเรือที่ 2 และกองเรือที่ 3 (เช่น กองหนุน) จะมีอักษรธงหลักชุดรองเพื่อระบุว่าตนมาจากฐานทัพเรือใดที่ประจำการอยู่ เช่น "C" สำหรับ อู่ต่อเรือชาแธม, "D" สำหรับ ฐานทัพเรือเดวอนพอร์ท, "N" สำหรับ นอร์ และ "P" สำหรับ พอร์ตสมัท โดยในตอนแรก เรือพิฆาตถูกจัดอักษรธงหลักว่า "H" แต่เนื่องจากค่าอักษรดังกล่าวสามารถผสมกับชุดตัวเลขได้เพียงหนึ่งร้อยชุดเท่านั้น คือ H00 ถึง H99 จึงได้มีการจัดสรรตัวอักษร "G" และ "R" ด้วย ซึ่งเมื่อมีเรือจม หมายเลขห้อยกำกับ (pendant number) เดิมที่เสียไปจะถูกจัดสรรให้กับเรือลำใหม่หลังจากนั้น
อักษรธงหลักสำหรับชั้นเรือทั้งหมดมักจะถูกเปลี่ยนในขณะที่จำนวนทั้งหมดยังจำนวนเท่าเดิม ตัวอย่างเช่น ในปี พ.ศ. 2483 ราชนาวีเปลี่ยนตัวอักษร "I" และ "D" สลับกันไปมา (เช่น D18 เปลี่ยนเป็น I18 และ I18 เปลี่ยนเป็น D18) และในปี พ.ศ. 2491 อักษร "K", "L" และ "U" ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นอักษร "F" หากมีความขัดแย้งกันในชุดตัวเลข ให้เติมเลข 2 หน้าหมายเลขห้อยกำกับ
ในช่วงทศวรรษที่ 1970 กองเรือได้หยุดการออกหมายเลขชายธงให้กับเรือดำน้ำหลังจากเข้าสู่ยุคของเรือนิวเคลียร์ ด้วยเหตุผลว่า เรือเหล่านี้ใช้เวลาบนผิวน้ำน้อยเกินไป อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีการออกหมายเลขให้กับเรือดำน้ำต่อหลังจากนั้น
เรือหลวงแลงคาสเตอร์ ได้รับการจัดหมายเลขชายธงเป็น F232 ในครั้งแรก จนกระทั่งราชนาวีทราบในภายหลังว่า หมายเลข 232 เป็นรูปแบบตัวเลขมาตรฐานสำหรับเรือที่เกยตื้น ด้วยเหตุผลด้านโชคลางซึ่งชาวเรือเชื่อถือเป็นอย่างมาก เรือจึงถูกเปลี่ยนหมายเลขชายธงเป็น F229
หมายเลขห้อยกำกับหมายเลข 13 ไม่มีการจัดสรรให้ใช้งาน
หมายเลขห้อยกำกับหมายเลข 13 ไม่มีการจัดสรรให้ใช้งานกับหมายเลขธงหลัก และตัวอักษร J กับ K ใช้กับตัวเลขสามชุดเนื่องจากจำนวนเรือในชุดอักษรมีมากเกินกว่าเลขสองชุด
อักษรธงรองถูกนำไปใช้งานกับเรือดำน้ำ ซึ่งเรือดำน้ำของราชนาวีที่ใช้อักษร "H" และ "L" และเรือของสหรัฐบางลำที่มีการถ่ายโอนมา มีเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น ในกรณีเหล่านี้ หมายเลขห้อยกำกับเป็นเพียงแค่หมายเลขตัวเรือที่ถูกกลับด้านเท่านั้น (เช่น L24 เมื่อนำมาใช้ห้อยกำกับจะเป็น "24L") ซึ่งภาพถ่ายก่อนสงครามแสดงให้เห็นหมายเลขห้อยกำกับอยู่กับหมายเลขธงรองอย่างถูกต้อง แต่ภาพถ่ายในช่วงสงครามแสดงให้เห็นว่าตัวเลขมักจะถูกวาดถอยหลัง และอักษรธงรองมักจะถูกวาดไว้ในตำแหน่งธงหลัก นอกจากนี้ มีการไม่ใช้อักษร "U" ในธงรองเนี่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้ดูสับสนว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือชนิดเดียวกันกับเรืออู (U-boat) ของเยอรมนี และด้วยเหตุผลเดียวกัน จึงไม่มีการใช้อักษร "V" ด้วย หมายเลขห้อยกำกับ 00–10, 13 รวมถึงหมายเลขที่ลงท้ายด้วย 0 จะไม่ได้รับการจัดสรรให้กับอักษรธงรอง
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2491 ราชนาวีได้นำหมายเลขชายธงมาปรับใช้ โดยอักษรธงหลักจะระบุประเภทพื้นฐานของเรือ ซึ่ง "F" และ "A" ใช้ตัวเลขสองหลักหรือสามหลัก และ "L" และ "P" ใช้ตัวเลขไม่เกินสี่หลัก และหลักการเดิมเกี่ยวกับเลข 13 ยังคงเดิมอยู่ คือไม่มีการนำมาใช้งาน (เช่น เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือหลวงโอเชียน (L12) ตามด้วย เรือหลวงอัลเบียน (L14))
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 ในเรือของผู้นำกองเรือ (Flotilla leaders) นั้นจะไม่มีการเขียนหมายเลขห้อยกำกับ แต่จะมีการทาแถบสีความกว้าง 4 ฟุต (1.2 เมตร) แทน บริเวณวงรอบด้านหน้า สำหรับผู้นำหมู่เรือ (Division) จะมีการเขียนเลขห้อยกำกับ และมีแถบสีทีแคบกว่าคือความยาว 2 ฟุต (0.61 เมตร) บริเวณช่องด้านหน้า พร้อมกับแถบสียาว 3 ฟุต (0.91 เมตร) บริเวณด้านบน ซึ่งในกองเรือเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Fleet) และกองเรือแอตแลนติก (Atlantic Fleet) จะใช้แถบผู้นำกองเรือสีดำ และท้ายสุดกองเรือบ้าน (Home Fleet) จะใช้แถบผู้นำกองเรือสีขาว โดยเรือภายในกองเรือต่าง ๆ จะใช้แถบสีต่าง ๆ ในการระบุสังกัดและตัวตนของตนเอง ซึ่งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 มีการใช้แถบสีดังต่อไปนี้
เมื่อมีเรือพิฆาตแบบปล่องเดี่ยว (Single funnelled destroyer) เข้าประจำการกองเรือชั้นเจในปี พ.ศ. 2482 และด้วยจำนวนของกองเรือที่เพิ่มขึ้น ระบบก็ได้เปลี่ยนแปลงไปตามจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น โดยเรือแบบปล่องเดี่ยวจะใช้แถบความลึก 3 ฟุต (0.91 เมตร) สำหรับผู้นำกองเรือ และสำหรับผู้นำหมู่เรือจะใช้แถบแนวตั้งความกว้าง 2 ฟุต (0.61 เมตร) และแถบความยาว 6 ฟุต (1.8 เมตร) ด้านใต้แถบของผู้นำกองเรือ แถบผู้นำสีขาวจะใช้สำหรับกองเรือบ้าน (Home Fleet) สีแดงใช้สำหรับกองเรือเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Fleet) และระบบแถบสีของกองเรือเปลี่ยนเป็นดังต่อไปนี้
แถบกองเรือถูกนำมาใช้งานตลอดช่วงของสงครามแม้ว่าจะเกิดความสูญเสียระหว่างการปฏิบัติการก็ตาม ซึ่งจากทั้งข้อกำหนดในการปฏิบัติระหว่างปฏิบัติการ และการต่อเรือใหม่เพิ่มเติมเพื่อนำเข้าประจำการในกองเรือจะทำลายรูปแบบที่ถูกจำแนกไว้อยู่ก่อนแล้วของกองเรือพิฆาต เรือหลายลำถูกนำไปใช้งานในภารกิจต่าง ๆ ตามความจำเป็นหรือความพร้อมของเรือ และมักถูกจัดกลุ่มขึ้นใหม่กลายเป็นกลุ่มเรือคุ้มกัน ที่ประกอบไปด้วยเรือหลากหลายประเภท เช่น เรือสลุปศึก เรือคอร์เวต เรือฟริเกต และเรือบรรทุกเครื่องบินคุ้มกัน ซึ่งกลุ่มเรือคุ้มกันบางกลุ่มใช้ระบบแถบบนปล่องควันเรือ ส่วนอีกหลายกลุ่มใช้ระบบตัวอักษรบนปล่องควัน เช่น กลุ่มเรือคุ้มกัน B7
หลังจากสงคราม กองเรือไม่ได้ถูกแบ่งอัตลักษณ์ผ่านรูปแบบของแถบสีอีกต่อไป แต่ด้วยพื้นผิวโลหะจำนวนมากที่ถูกยึดติดกับปล่องควันของเรือ เรือผู้นำกองเรือหลายลำยังคงใช้สัญลักษณ์ขนาดใหญ่บนส่วนยอดของปล่องควันเรือ และเรือรองผู้นำกองเรือจะทาแถบสีดำที่หน้าน้อยกว่าผู้นำกองเรือรอบปล่องควันเรือ
เรือบรรทุกอากาศยาน และเรือที่มีอากาศยานปฏิบัติการ จะมีการติดรหัสบนดาดฟ้าบินเพื่อช่วยระบุตัวตนของเรือสำหรับเครื่องบินที่จะลงจอด โดยจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในระยะไกลบนเส้นทางที่จะนำเครื่องร่อนลงจอด ซึ่งกองทัพเรือสหราชอาณาจักรใช้อักษรตัวเดียว (ปกติจะใช้จากอักษรตัวแรกของชื่อเรือ) สำหรับเรือบรรทุกอากาศยานและเรือขนาดใหญ่ที่มีอากาศยานปฏิบัติการ และตัวอักษรคู่ (โดยปกติจะใช้จากตัวอักษรชื่อเรือ) สำหรับเรือขนาดเล็กลงมา สำหรับกองทัพเรือสหรัฐที่มีกองเรือขนาดใหญ่ จะใช้หมายเลขที่เป็นส่วนหนึ่งของหมายเลขการจัดประเภทตัวเรือ (มีระบบคล้ายคลึงกันกับระบบหมายเลขชายธง)
รหัสดาดฟ้าเรือที่ใช้งานโดยเรือหลักของกองทัพเรือสหราชอาณาจักรประกอบไปด้วย
เมนูนำทาง
หมายเลขชายธง ระบบของราชนาวีใกล้เคียง
หมายเลขโทรศัพท์ในประเทศไทย หมายเลขชายธง หมายเลขขบวนรถไฟ (การรถไฟแห่งประเทศไทย) หมายเลขตัวเรือ หมายเลขสารบัญแฟ้มดาวเทียม หมายเรียก หมายเหตุ หมายเลขแอร์ดิช หมายเลขประจำตัวรถ หมายเลขเบคอนแหล่งที่มา
WikiPedia: หมายเลขชายธง http://navybmr.com/study%20material/ACP113AI.pdf http://www.naval-history.net/xGM-Ops-Pennant%20Num... http://www.hazegray.org/faq/smn2.htm#B3 //www.worldcat.org/oclc/50418095 https://archive.org/details/britishflagsthei00perr... https://archive.org/details/britishflagsthei00perr... https://web.archive.org/web/20170828072453/http://... https://commons.wikimedia.org/wiki/Category:Ships_...