การถูกปรับเปลี่ยนหมุด ของ หมุดคณะราษฎร

หมุดคณะราษฎรถูกปรับเปลี่ยนและถอดใหม่อยู่หลายครั้ง เช่น มีการนำวัสดุสีดำมาราดทับ การนำของแข็งมาขีดจนเป็นรอยจำนวนมาก รวมทั้งการปฏิบัติการเชิงสัญลักษณ์ การประกอบพิธีสะกด โดยเมื่อต้นปี พ.ศ. 2558 สมบัติ บุญงามอนงค์ ได้ลงภาพชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังทำพิธีกับหมุดคณะราษฎร พร้อมกล่าวว่าเป็นการทำพิธีถอนหมุดออก แต่เป็นเพียงการทำพิธีตามความเชื่อเท่านั้น[2][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้]

หมุดคณะราษฎรเคยหายไปจากที่ตั้งในสมัยรัฐบาลจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งมีคำสั่งให้ย้ายหมุดดังกล่าวไป จนกลับมาในสมัยรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร[3] โดยหมุดดังกล่าว ประเสริฐ ปัทมสุคนธ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรสมัยนั้น เห็นความสำคัญจึงนำหมุดไปเก็บไว้ที่สภาผู้แทนราษฎร[4]

หมุดหน้าใส

หมุดอันใหม่ที่ถูกนำมาแทนที่หมุดคณะราษฎร ในปี พ.ศ. 2560

วันที่ 14 เมษายน 2560 มีข่าวว่าหมุดคณะราษฎรถูกเปลี่ยน โดยหมุดใหม่มีข้อความว่า "ความนับถือรักใคร่ในพระรัตนตรัยก็ดี ในรัฐของตนก็ดี ในวงศ์ตระกูลของตนก็ดี มีจิตซื่อตรงในพระราชาของตนก็ดี ย่อมเป็นเครื่องทำให้รัฐของตนเจริญยิ่ง ขอประเทศสยามจงเจริญยั่งยืนตลอดไป ประชาชนสุขสันต์ หน้าใส เพื่อเป็นพลังของแผ่นดิน"[5] ข้อความดังกล่าวตรงกับคาถาภาษิตในพระราชลัญจกรประจำเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ม.จ.ก.)[6] ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้เขียนหนังสือ 2475 และ 1 ปีหลังการปฏิวัติ วิเคราะห์คำบนหมุดใหม่นี้ว่า มีการใช้คำเก่าหลายคำ ได้แก่ "ประเทศสยาม" ซึ่งเป็นชื่อเก่าของประเทศไทย, "สุขสันต์" ซึ่งเป็นคำที่มีอายุมาค่อนศตวรรษแล้ว, "หน้าใส" ซึ่งพบในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมหาราช อาจตีความว่าหมายถึงมีความสุขสดชื่น แต่ขัดกับคำว่า "ประชาชน" ซึ่งเป็นคำใหม่หลังการปฏิวัติ 2475 (ก่อนหน้านี้จะใช้คำว่า "ราษฎร") โดยรวมแล้ว หมุดดังกล่าวพยายามสื่อว่า บ้านเมืองดูดี แต่ไม่เห็นอุดมการณ์มองไปข้างหน้า ซึ่งขัดกับข้อความในหมุดเดิมที่ว่า ก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญเพื่อความเจริญของชาติ อันเป็นวิสัยทัศน์[3] คาดกันว่าหมุดดังกล่าวถูกเปลี่ยนระหว่างวันที่ 3–7 เมษายน 2560 ช่วงดังกล่าวมีการปฏิสังขรณ์พระบรมรูปทรงม้า อีกทั้งยังได้มีการตั้งเต็นท์ขึงสแลนปิดรอบบริเวณหมุดคณะราษฎรดังกล่าว[6][7]

บรรลือ สุกใส ผู้อำนวยการเขตดุสิต ทราบว่ามีการเปลี่ยนหมุด แต่เขตไม่ใช่ผู้เปลี่ยน[8][9] ฝ่ายพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการเปลี่ยนหมุด และไม่ได้ออกมาตรการเพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ[10] พลตำรวจเอก ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงผู้ที่มาแจ้งความโดยว่าหมุดนั้นไร้ซึ่งเจ้าของ[11] การตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณดังกล่าวไม่สามารถทำได้ โดยยุทธพันธ์ มีชัย เลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า กรุงเทพมหานครได้ถอดกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวจำนวน 11 ตัวไปซ่อมบำรุงตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม[12] วันที่ 18 เมษายน มีการวางกำลังตำรวจเฝ้าและรั้วเหล็กล้อมหมุดดังกล่าว พร้อมสั่งห้ามถ่ายรูปกับหมุดใหม่ด้วย โดยอ้างว่าเพื่อมารักษาความปลอดภัยจากมิจฉาชีพบริเวณดังกล่าว[13] โดยมีพลตำรวจโท ศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยืนตรวจตรา[14] คณะรักษาความสงบแห่งชาติขอให้ยุติการเคลื่อนไหวทวงถามเรื่องหมุดคณะราษฎรเพื่อความสงบของบ้านเมือง[15]

ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อวัฒนา เมืองสุข เนื่องจากลงข้อความว่า หมุดคณะราษฎรเป็นโบราณวัตถุ ซึ่งเป็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และอาจเข้าข่ายปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง[16] ทางหน้าเฟซบุ๊กของกลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ กรมศิลปากร ระบุว่า หมุดคณะราษฎร (สะกดผิดเป็น "หมุดคณะราษฎร์") ดังกล่าวมิใช่โบราณวัตถุ เป็นเพียงเครื่องหมายระบุตำแหน่ง[17]

วันที่ 17 เมษายน 2560 ที่ลานปรีดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นักศึกษา 3 คนจากกลุ่ม PPDD ธรรมศาสตร์ร่วมกับกลุ่มเสรีเกษตรศาสตร์จัดกิจกรรม "ประชาชนหน้าไม่ใสก็ได้ป่ะ??" เรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขโมยหมุดคณะราษฎรมาคืน มีการลงชื่อเรียกร้องทวงคืนหมุดคณะราษฎรบนเว็บไซต์ Change.org หัวข้อ "เอาผิดผู้ทำลาย และต้องคืนหมุดคณะราษฎร" เพื่อให้มีความคืบหน้าในการสืบสวนกรณีดังกล่าว[18] วันที่ 18 เมษายน ปีเดียวกัน ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ติดตามหาหมุดคณะราษฎร แต่ถูกตำรวจและทหารควบคุมตัวจากศูนย์บริการประชาชนไปยังกองบัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์[19]

วันที่ 19 เมษายน 2560 กลุ่มประชาธิปไตยใหม่เข้าแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีในความผิดฐานลักทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งรวมหมุดคณะราษฎรด้วยเนื่องจากเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (10)[20] วันเดียวกัน ทหารยังเชิญตัวบุญสิน หยกทิพย์ ฝ่ายประสานงานชมรมธรรมาธิปไตยแห่งชาติ และเพื่อน ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์เรื่องหมุดคณะราษฎรไปปรับทัศนคติทีมณฑลทหารบกที่ 11[21]

วันที่ 25 เมษายน 2560 ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักเลขาธิการสำนักนายกรัฐมนตรี นายวิชาญ ภูวิหาร รองประธานสภาประชาชนปฏิวัติสันติแห่งชาติ อ้างว่าเป็นผู้ถอนหมุดคณะราษฎรดังกล่าว และอ่านแถลงการณ์รับผิดชอบจำนวน 27 หน้า นายวิชาญอ้างว่า เมื่อถอนหมุดแล้วก็วางไว้ที่บริเวณเดิมไม่ได้เอาไปไหน และไม่ทราบว่าอยู่ที่ใด [22]

หลังจากนั้นในวันที่ 24 มิถุนายน 2560 ซึ่งตรงกับวันเปลี่ยนแปลงการปกครอง นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมและอดีตนักโทษการเมือง นำหมุดคณะราษฎรจำลองที่เตรียมมาไปติดตั้งกลับคืนที่จุดที่อยู่เดิมของหมุดคณะราษฎร ถูกตำรวจจับกุมจากบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าไปที่ มทบ.11 ก่อนที่จะถูกส่งตัวกลับบ้านในเวลา 19.45[23]