หมู่เกาะมาเรียนา (
อังกฤษ: Mariana Islands) เป็นหมู่เกาะที่เรียงตัวเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ประกอบไปด้วยเกาะที่เกิดจากภูเขาไฟจำนวน 15 เกาะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเหนือเส้นศูนย์สูตรของ
มหาสมุทรแปซิฟิก ระหว่าง
เส้นพาราเซลเหนือที่ 12 และ
21 ในคาบ
เส้นเมริเดียนที่ 145 องศาตะวันออกหมู่เกาะแห่งนี้ถูกตั้งชื่อตามพระนามของ
พระนางมาเรียนาโดยชาวสเปน ซึ่งเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้มาถึงยังหมู่เกาะนี้ในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 และเข้ายึดครองหมู่เกาะแห่งนี้เป็นอาณานิคมจากชนพื้นเมืองที่เรียกตัวเองว่า
ชาวจามอร์โร จากการค้นคว้าของนักโบราณคดีพบว่า ชนพื้นเมืองบนหมู่เกาะนี้ได้มาตั้งรกรากตั้งแต่
ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่านับพันปี โดยสันนิฐานว่าเกาะแรกที่พวกเขาเข้ามาตั้งรกรากคือเกาะติเนียน หนึ่งในสามเกาะหลักของ
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนา ซึ่งจะถือว่าเป็นการตั้งรกรากครั้งแรกของมนุษย์ในภูมิภาค
โอเชียเนีย[1]เดิมหมู่เกาะนี้เป็นอาณานิคมของสเปน ภายใต้กำกับของรัฐบาลข้าหลวงใหญ่สเปนประจำฟิลิปปินส์ จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1898 สเปนก็สูญเสียเกาะกวมแก่สหรัฐอเมริกาจากผลของ
สงครามสเปน–อเมริกาหมู่เกาะนี้เป็นดินแดนภายใต้การปกครองของ
สหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้าปกครองหมู่เกาะนี้มาตั้งแต่สิ้นสุด
สงครามโลกครั้งที่สอง และจากการพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนั้นทำให้ราชสำนักสเปนอ่อนแอลง และไม่มีกำลังทรัพย์มากพอจะดูแลเกาะน้อยใหญ่ใต้การปกครองกว่า 6,000 เกาะทั่วโลกได้อีก เช่นนั้นแล้วราชสำนักสเปนจึงได้เจรจากับ
จักรวรรดิเยอรมันในปี 1899 โดยทำสัญญาขาย
หมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาตลอดจนเกาะอื่นๆของสเปนในมหาสมุทรแปซิฟิกแก่เยอรมนีในราคา 837,500 มาร์กทองเยอรมัน (หรือราว 4,100,000 ดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น) เมื่อการส่งมอบสมบูรณ์เยอรมนีก็จัดตั้ง
เยอรมันนิวกินีขึ้นมาในฐานะ
ดินแดนในอารักขา และมีประชากรในหมู่เกาะในขณะนั้น 2,646 คนภายหลังเยอรมนีและ
ฝ่ายมหาอำนาจกลางพ่ายแพ้ใน
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมาชิก
ไตรภาคีก็เข้ายึดครองหมู่เกาะแห่งนี้ต่อจากเยอรมนี ต่อมาในสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นก็เข้าโจมตีฐานทัพสหรัฐบนเกาะกวมในวันเดียวกับ
การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ต่อมาสหรัฐก็เข้ายึดครองหมู่เกาะนี้คืนได้ในปี 1944 และใช้เป็นฐานทัพอากาศในการทิ้งระเบิดทางอากาศต่อญี่ปุ่น ภายหลังสงครามสิ้นสุดลงก็อยู่ใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกาเรื่อยมา