พลังและความสามารถ ของ อนาคิน_สกายวอล์คเกอร์

พลังและความสามารถในพลัง

…แกกรีดร้องสู่พลัง และเงามืดที่ทำลายแก แต่แกด้อยกว่าสิ่งที่แกเคยเป็นมากนัก ร่างของแกกลายเป็นกลไกไปกว่าครึ่ง แกเหมือนศิลปินที่บัดนี้ดวงตามืดบอด เหมือนนักประพันธ์ที่บัดนี้ไม่อาจได้ยินสิ่งใด แกยังจำได้ว่าพลังอำนาจของแกอยู่ที่ไหน แต่เมื่อได้สัมผัสกลับเป็นเพียงแค่ความทรงจำ…และโลกของแกไม่เหลือแล้ว มีแต่ไฟ และสงคราม แกอยู่บนเตียงเหล็กที่มัดแกไว้ และสุดท้ายแกก็สำผัสเงามืดไม่ได้...สุดท้ายมันก็ไม่ใช่สิ่งที่แกต้องการจริงๆ และสุดท้ายแกไม่เหลืออะไรนอกจากเงามืด เพราะเงามืดเข้าใจแก และให้อภัยแก มันเปลี่ยนหัวใจแกให้เป็นเครื่องจักรหลังจากถูกเผา และนี่...คือความรู้สึก ที่ได้เป็น...อนาคิน สกายวอล์คเกอร์...— ความคิดของอนาคินหลังจากได้รับรู้ถึงการตายของแพดเม่

ไฟล์:Anakin JediTrial.jpgอนาคินมีความสามารถที่ทำให้เขากลายเป็นเจไดที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของกาแลคซี่

ความจริงที่ว่าอนาคินเกิดมาพร้อมกับจำนวนที่สูงสุดของมิดิคลอเรี่ยนในประวัติศาสตร์ของกาแลกติกและถูกกล่าวว่าเป็นผู้ที่ถูกเลือก นำมาซึ่งบทสรุปมากมายของพลังและความสามารถของเขา ในช่วงชีวิตของเขา เขาไม่ได้ประสบความสามารถสูงสุดของเขาอันเนื่องมาจากชะตากรรมของเขาที่เป็นวีรบุรุษในโศกนาฏกรรม แต่ก่อนที่เขาจะเข้าสู่ด้านมืด แม้ว่าจะเยาว์วัยมากและได้รับการฝึกที่น้อยก็ตาม (เนื่องมาจากอายุที่มากเกินไปของเขา) อนาคินก็ยังคงเป็นเจไดที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา หากเขาได้บรรลุถึงความสามารถสูงสุด เขาก็จะกลายเป็นทั้งเจไดและซิธที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาตาย เขากลายเป็นหนึ่งเดียวกับพลัง ซึ่งนั่นก็เป็นการบรรลุถึงความสามารถสูงสุดของเขา โอบีวัน เคโนบีกล่าวกับเวเดอร์ก่อนที่เขาจะตายว่า "หากเจ้าล้มข้าได้ ข้าก็จะทรงพลังกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้" หากนั่นเป็นจริง ข้อสรุปก็คือ เมื่อรวมเข้ากับพลังแล้ว เจไดจะบรรลุถึงพลังสูงสุดของเขาหรือเธอนั่นเอง

อัศวินเจได

เจไดที่ทรงพลัง เขาเป็น— โยดา

นักบินที่เชี่ยวชาญ: อนาคิน สกายวอล์คเกอร์เป็นชายที่มากความสามารถ เขาเป็นที่รู้จักในทักษะการบินของเขา ทักษะที่ได้รับชื่อเสียงจากการเป็นเจไดเอซ ด้วยกิติศัพท์ที่โด่งดังจึงมีคนกล่าวกันว่าเขาเป็นนักบินที่เก่งที่สุดในกาแลคซี่ ในช่วงที่เขาเป็นทาส เขาได้สร้างชื่อเสียงแก่ตนเองด้วยการเป็นนักแข่งพ็อดเรซเซอร์ เขาเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่น้อยนักที่จะสามารถขับพ็อดเรซเซอร์ได้ ต้องขอบคุณในพลังของเขา อนาคินยังชนะการแข่งขันบูนทาอีฟคลาสสิกเมื่อายุได้ 9 ปี ซึ่งทำให้เขาได้รับอิสรภาพ อนาคินน้อยดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมายของสาธารณรัฐ ขณะในยุทธการนาบู เขาได้ขับยานนาบูสตาร์ไฟเตอร์และทำลายยานควบคุมดรอยด์ได้ ความสามารถของเขาสามารถชนะสงครามได้เพียงคนเดียวอย่างไม่ต้องสงสัย แต่นั่นเป็นลางบอกถึงการมาของทักษะของเขา ในช่วงสงครามโคลน อนาคินเป็นหนึ่งในนักบินที่เก่งและมีชื่อเสียงมากที่สุดของสาธารณรัฐ เขามีความสมบูรณ์แบบในการเลือกการวางแผน ที่เป็นที่รู้จักที่สุดก็คือทักษะของเขาในการเปิดฉากยิงก่อนที่จะเข้าปะทะแนวของศัตรู ทำให้มีเวลาเล็กน้อยพอให้หลบหลีก เขายังได้แสดงทักษะในการไล่ตามศัตรูได้ดีพอๆ กับการหลบหนีศัตรู ความสามารถต่อมาก็เห็นได้กับลูกชายของเขา ลุค สกายวอล์คเกอร์ ความสามารถของเขาดึงดูดความสนใจของสมุหนายกพัลพาทีนและคนในสภา ในยุทธการคอรัสซังท์ อนาคินสามารถนำยานอินวิซิเบิลแฮนด์ลงจอดได้อย่างปลอดภัย แม้ว่าเขาจะขับมันแค่เพียงครึ่งลำก็ตาม และมันถูกสร้างมาให้ไม่สามารถลงจอดได้

สกายวอล์คเกอร์เป็นเจไดที่ทรงพลังที่ยังมีชีวิต และเขาก็ยังแข็งแกร่งมากขึ้น— เมซ วินดู

ช่างที่มีฝีมือ: อนาคินเป็นช่างยนต์ที่มีความสามารถ เขาสามารถซ่อมได้ทุกอย่างตั้งแต่ดรอยด์จนไปถึงเครื่องขับดัน สกายวอล์คเกอร์น้อยเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่ามันทำงานอย่างไร และความรู้ในเครื่องยนต์ของเขาประกอบกับความสามารถในพลังทำให้เขาขับพาหนะและยานรบส่วนใหญ่ได้ เขาใช้ดรอยด์ของเขาเพื่อประกอบโอโทก้า 222 ของเขาขึ้นมาใหม่และแว่นตาที่ช่วยให้เขาทำงานด้านนี้ได้งานขึ้น เมื่อเขาอายุได้ 9 ปี เขาได้สร้างดรอยด์ชื่อซีทรีพีโอได้แม้ว่าจะมีชิ้นส่วนที่จำกัดเพื่อช่วยเหลือแม่ของเขา สำหรับการแข่งขันบูนทาอีฟคลาสสิก เขาได้ขับยานที่เขาสร้างขึ้นเองจากชิ้นส่วนที่เขาพบในร้านของวัตโต้ เมื่อเขาได้พบกับอดีตเจ้าของทาส อนาคินได้ใช้ทักษะในการซ่อมแซมเพื่อพิสูจน์ตัวของเขา ในสงครามโคลน อนาคินได้ดัดแปลงยานเดลต้า-7 อีเตอร์สปิริท สตาร์ไฟท์เตอร์และมีชื่อว่านางฟ้าสีคราม อนาคินยังชอบแก้ไขแขนกลของเขาอยู่บ่อยๆ ยานไทร์ แอดวานซ์ เอ็กซ์1 สตาร์ไฟท์เตอร์ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเวเดอร์โดยเฉพาะ มีมุมปีกที่กว้าง มีเครื่องยต์ท้ายที่ยาวยานไทร์แบบทั่วไป นอกจากนี้ อนาคินยังสามารถเข้าใจในภาษาอิเลคทรอนิคได้อีกด้วย ทำให้เขาพูดคุยกับดรอยด์ได้

ข้าซ่อมอะไรก็ได้— อนาคิน สกายวอล์คเกอร์

ความหยั่งรู้พลังในตัว: จำนวนมิดิคลอเรี่ยนที่นับไม่ได้ในตัวของเขานั้นทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในเจไดที่ทรงพลังที่สุดในนิกายเจได และทำให้เขามองเห็นอนาคตของผู้อื่นได้ผ่านความฝัน อย่าไรก็ตาม มันยังสร้างความกลัวเขา เมื่อเขามาถึงวิหารเจไดในวัยเก้าปี เขาเริ่มพัฒนาได้อย่างรวดเร็วมากกว่าเพื่อนพาดาวันคนอื่นๆ เขายังมีความสามารถที่จะใช้พลังที่ทำให้คนสลบได้

เขาทรงพลัง เป็นไปได้ที่จะทรงพลังมากกว่าเราสองคน— ดาร์ธ ซีเดียสพูดกับโยดา

ผู้ใช้กระบี่แสงที่เก่งกาจ: อนาคินยังเป็นอีกหนึ่งคนที่เก่งในเรื่องกระบี่แสงที่สุดในนิกายเจได ในฐานะพาดาวัน อนาคินได้ฝึกรูปแบบที่ 5 ชิเอ็นและอาตารูเล็กน้อยซึ่งรวดเร็วกว่า เขาเริ่มเรียนรู้รูปแบบที่ 5 มากขึ้น หลังจากที่เขาพ่ายแพ้เคาท์ดูกูบนจีโอโนซิส มันพิสูจน์ถึงการได้ผลอย่างแท้จริง ด้วยความเก่งในแบบดีเจ็ม โซของเขาและความที่ไม่ยอมใช้ท่าต่อสู้ที่เปิดของชิเอ็น เขาก็สามารถเอาชนะเคาท์ดูกูได้ในการดวลกันครั้งที่สองบนอินวิซิเบิลแฮนด์ อนาคินยังใช้ดีเจ็ม โซในตอนที่เขาสู้กับอดีตเพื่อนและอาจารย์ของเขา โอบีวัน เคนโนบีบนมุสตาฟาร์ แม้ว่าทักษะและเทคนิคของเขาในดีเจ็ม โซจะด้อยกว่าโซรีซูของเคโนบี เคโนบีก็พ่ายแพ้ในตอนต่อสู้กับซิธลอร์ดในครั้งต่อมา แม้ว่าสกายวอล์คเกอร์จะแข็งแกร่งกว่าเคโนบีด้านกายภาพ เคโนบีก็มีทักษะในการวางแผนมากกว่าสกายวอล์คเกอร์มีในการดวล ตลอดการดวล เคโนบีใช้พลังงานที่น้อยในการป้องกันตัวเองมากกว่าจะใช้มันไปกับการโจมตี และชนะการดวลด้วยการอยู่บนที่สูงกว่า ความอดทนของโอบีวันและประสบการณ์ที่มากในโซรีซู นั่นก็เพียงพอต่อความมั่นใจที่มากของซิธลอร์ดหนุ่ม หลังจากที่ถูกลวงโดยเคโนบี ความโกรธของเขาก็นำมาซึ่งความพ่ายแพ้ เมื่อเขากระโดดเข้าหาโอบีวันที่อยู่บนที่สูงกว่า

ซิธลอร์ด

เจ้าหยุดข้าไม่ได้หรอก…ดาร์ธ เวเดอร์จะทรงพลังกว่าเราทั้งสองเสียอีก"— ดาร์ธ ซีเดียสพูดกับโยดา

เวเดอร์เป็นนักวางแผนที่ฉลาดและก็ยังคงเป็นอยู่ แม้ว่าพลังที่อ่อนแอลงของเขา หนึ่งในนักบินที่เก่งที่สุดของกาแลคซี่ เกราะของเขาไม่อำนวยต่อความสามารถที่เขาได้มาตั้งแต่วัยเด็กและเขาสามารถทำนายการเคลื่อนไหวของเป้าหมายของเขาในการต่อสู้ที่สับสนด้วยการหาเป้าที่แม่นยำ เขายังคงมีทักษะทางด้านวิศวกรรมที่น่าทึ่งเหมือนเดิม เขาได้ดูแลการออกแบบยานไทร์แอดวานซ์เอ็กซ์1ของเขาเองและการก่อสร้างดาวมรณะดวงที่สอง ทักษะของเขาในกระบี่แสงได้พัฒนาขึ้นในหลายศึกและการต่อสู้ในสงครามโคลนและการกวาดล้างเจไดครั้งใหญ่ เป็นตำนานและแม้แต่ได้ลับคมตลอดในช่วงเวลาที่เขาได้ดวลกับเจไดหลายคนในช่วงการกวาดล้าง ความสามารถทั้งหมดนี้ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นรองในเรื่องความเชี่ยวชาญในพลังของเขา

เนื่องจากแขนที่ขาดของเขาและร่างที่ไหม้อย่างสาหัสบนมุสตาฟาร์ เขาสูญเสียความสามารถในพลังไปมาก เมื่อเป็นดาร์ธ เวเดอร์ อนาคินเชื่อว่ามีความแข็งแกร่ง 80% ของจักรพรรดิ แต่ถึงกระนั้น เวเดอร์มีพลังและทักษะที่เหนือกว่า หากเขาไม่ได้รับบาดเจ็บบนมุสตาฟาร์ เขาก็อาจทรงพลังกว่าจักรพรรดิถึงสองเท่า

พลังของซิธไม่ได้อยู่ที่เลือดเนื้อ แต่อยู่ที่จิตใจ— จักรพรรดิพัลพาทีน

จักรพรรดิ ได้มองอีกมุมมองหนึ่งในตอนที่เขาทำให้เวเดอร์ยังมีชีวิตอยู่ แม้ว่ามันเป็นจริงที่เขาไม่ได้ศิษย์ของเขาที่เป็น"ครึ่งคนครึ่งหุ่น"มาในราคาที่ถูก พัลพาทีนมีความคิดที่ว่าข้อจำกัดของเวเดอร์ในเรื่องความสามารถไม่ได้อยู่ที่กายภาพและเป็นที่จิตของเขา เขาเชื่อว่า หากเวเดอร์เผชิญกับทางเลือกของตนและความผิดหวังเพื่อดึงเขาออกมาจากความสิ้นศรัทธา มันอาจปลุกพลังในตัวของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ถึงกระนั้น ขณะที่เวเดอร์ก้าวต่อไปในมุมมองนี้ เขาก็ไม่สามารถยอมรับว่าเขากลายเป็นใครและอะไร

การหักเหกระสุนบลาสเตอร์: หนึ่งในพรสวรรด์ของเวเดอร์ก็คือการเขาสามารถบล็อกกระสุนบลาสเตอร์ด้วยมือได้ นั่นก็เพราะถุงมือของเขาทำมาจากเหล็กไมโครไนซ์ซึ่งสามารถหักเหอะไรก็ได้ยกเว้นกระบี่แสง

พลังบีบคอ: ดาร์ธ เวเดอร์ดูเหมือนจะชอบใช้พลังบีบคอมาก เขาสาธิตมันมากครั้งในช่วงชีวิตของเขา เขาใช้มันจัดการกับนายทหารแห่งจักรวรรดิทุกนายภายใต้บังคับบัญชาที่ทำงานไม่ได้เรื่องหรือผิดพลาด และหากใครทำให้เวเดอร์โกรธด้วย รวมทั้งใช้จัดการกับกลุ่มกบฏ

เวเดอร์ยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแรงทางกายภาพของเขา เขาสามารถที่จะยกคนให้ลอยจากพื้นได้ด้วยมือเพียงข้างเดียว และยกตัวจักรพรรดิขึ้นและทุ่มเขาสู่ความตาย ไม่มีใครรู้ว่าความสามารถนี้จะมาจากการใช้พลังของเขาหรือแขนกล อย่างไรก็ตาม มันดูเหมือนว่าจะมาจากการดัดแปลงทางกายภาพมากกว่า อย่างตอนที่เขาบีบคอโอบีวันบนมุสตาฟาร์

นอกจากเครื่องช่วยชีวิตของเขาที่ทำให้เขารอดชีวิต เกราะของเวเดอร์ยังให้การป้องกันจากคมดาบของกระบี่แสงได้อีกด้วย ในการดวลระหว่างเขาและลูกชายของเขาที่นครลอยฟ้า การฟาดฟันจากกระบี่แสงของลุคนั้นทำได้แค่ตื้นๆ เท่านั้น แม้ว่ามันจะมากพอที่จะสร้างความประหลาดใจแก่ลอร์ดมืดไม่น้อย

ไฟล์:Jace Dallin choke.JPGเวเดอร์ใช้พลังจับยึดใส่เจซ ดัลลิน

ในการต่อสู้ ดาร์ธ เวเดอร์สูญเสียการเคลื่อนไหวฟวึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยมี แต่ด้วยชุดจักรกลของเขาทำให้เขามีพละกำลังมากขึ้น พลังในการฟาดฟันของเขามีมากถึงแม้ใช้แค่มือเดียว เขาสงบนิ่งเวลาที่ต่อสู้ มากกว่าที่จะใช้ท่าทาง เมื่อใช้ทั้งสองมือโจมตี เขาจะรุกใส่ศัตรูได้อย่างหนักหน่วง การต่อสู้แบบนี้ต่างจากการต้อสู้แบบเดิมที่เขาเคยมี ซึ่งจะใช้ความเร็วและลีลาที่มากกว่า

พลังจิต: เนื่องมาจากความคล่องตัวที่ลดลง เขาจึงเสียเปรียบเมื่อต้องต่อสู้กับผู้ที่ใช้รูปแบบรวดเร็วกว่าอย่างอาตารู เพื่อโต้ตอบกับฝ่ายตรงข้ามที่มีความรวดเร็วสูง เขาจะใช้พลังเพื่อดึงเอาทุกอย่างรอบตัวเขาซึ่งไม่ได้ยึดติดกับพื้นดินและโยนเข้าใส่ศัตรูของเขา ปราศจากการใช้กล้ามเนื้อ ทุกอย่างที่อยู่ในที่เกิดเหตุสามารถใช้เป็นอาวุธเพื่อบดขยี้ศัตรูของเวเดอร์ได้จากทุกทิศทาง ดาร์ธ เวเดอร์ใช้ยุทธวิธีนี้เป็นครั้งแรกเมื่อดวลบนมุสตาฟาร์ เขาตัดชิ้นส่วนเหล็กจากผนังและโยนมันใส่โอบีวัน เคโนบี ดาร์ธ เวเดอร์ยังใช้มันอีกครั้งเมื่อเขาพยายามเอาชนะอัศวินเจไดโรอัน ชรีน และการดวลกับลุค สกายวอล์คเกอร์ครั้งแรกที่เบสพิน

แม้ว่าดาร์ธ เวเดอร์จะเป็นซิธลอร์ดที่ทรงพลัง เขาก็ไม่สามารถสร้างหรือหักเหพลังสายฟ้าได้ มันเนื่องมาจากชิ้นส่วนกลไกของเขา และหากเขาพยายามใช้พลังสายฟ้า มันก็จะเกิดการขัดข้อง หยุดการทำงานของเครื่องช่วยชีวิตของเขา และอาจฆ่าเขา นี้เป็นเหตุผลว่าเขาตายอย่างไร หลังจากที่เขาสำนึกผิดและช่วยลูกชายของเขาเอาไว้ ทำให้เขาถูกสายฟ้าของจักรพรรดิกระหน่ำใส่ เนื่องมาจากพลังที่มีจำกัดของเขาเพราะแขนกลดาร์ธ ซีเดียสพบว่าเขาไม่ได้มีพลังเทียบเท่ากับที่คำนวณของซิธกล่าวเอาไว้ถึงแม้ว่าซีเดียสใช้เวลามากกว่าทศวรรษเพื่อให้ได้สกายวอล์คเกอร์มาเป็นศิษย์ก็ตาม เมื่อเขาพบลุค สกายวอล์คเกอร์พัลพาทีนก็มุ่งเป้าหมายไปที่เขาเพื่อทำให้เขาเข้าสู่ด้านมืดของพลัง

การฝึกใช้กระบี่แสง

"หากเจ้าใช้เวลาในการฝึกเพลงดาบของเจ้า เจ้าจะกลายเป็นคนที่คู่ควรกับอาจารย์โยดาในเพลงดาบ"
"ข้านึกว่าข้าเป็นแล้วเสียอีก"
"เป็นเพียงในความคิดเจ้า พาดาวันหนุ่มของข้า"— โอบีวัน เคโนบีและอนาคิน สกายวอล์คเกอร์

ไฟล์:Vader statue at Bast castle.jpgรูปปั้นของเวเดอร์ที่ปราสาทบาสท์หลังจากที่มันถูกทำลาย

อนาคิน สกายวอล์คเกอร์ได้รับการฝึกฝนโดยอัศวินที่หวังมากที่สุดของนิกาย โอบีวัน เคโนบี อนาคินได้รับประเพณีของกระบี่แสงมาจากเขา รูปแบบของอนาคินประกอบขึ้นจากอาจารย์หลายคน มันทำให้เขาเป็นผู้ที่มีความสามารถที่โดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อย

อนาคิน สกายวอล์คเกอร์สามารถใช้รูปแบบการต่อสู้ด้วยกระบี่แสงได้อย่างดีโดยเฉพาะชิเอ็น ชิเอ็นเป็นรูปแบบที่ก้าวร้าวซึ่งเน้นไปที่พละกำลังและการโจมตีแบบกวาด เป็นการนำเอาโซรีซูที่โอบีวันใช้มาดัดแปลงให้กลายเป็นแบบโจมตี ด้วยการที่อนาคินมีจำนวนมิดิคลอเรียนสูงมากเขาจึงเรียนรู้และใช้ชิเอ็นได้รวดเร็วกว่าพาดาวันคนอื่นๆ ในนิกาย เมื่อถึงยุทธการจีโอโนซิสอนาคินก็เริ่มเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดของนิกาย

ในที่สุดอนาคินได้รับบทเรียนจากการต่อกรกับเคาท์ดูกูในยุทธการจีโอโนซิส ด้วยความที่มั่นใจมากเกินไปทำเขาไม่ใช้ชิเอ็นและเปลี่ยนมาใช้อาตารูแทนหลังจากที่ได้รับกระบี่แสงเพิ่มจากโอบีวัน ถึงกระนั่นมันก็ยังไม่ใช่รูปแบบที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างไรก็ตามทักษะของดูกูได้สกัดดาบเล่มที่สองของอนาคินออก บังคับให้เขาต้องกลับไปใช้ชิเอ็น แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญในรูปแบบดังกล่าว ผู้ถูกเลือกก็พิสูจน์ว่าไม่ได้เก่งไปกว่ามาคาชิของดูกูเลย อนาคินต้องเสียแขนขวาไปและได้รับการช่วยเหลือเอาไว้โดยอาจารย์โยดาที่มาทันเวลาพอดี

อนาคินรู้ซึ้งจากบทเรียนครั้งนั้น เขาใช้เวลาอีกสามปีในสงครามโคลนเพื่อพัฒนาทักษะของเขาในรูปแบบที่ 5 นอกจากชิเอ็นแล้วสกายวอล์คเกอร์ก็ยังเก่งในรูปแบบที่รองที่เรียกว่าดีเจ็มโซ ในช่วงสงครามโคลนนั้นดีเจ็มโซเหนือกว่าชิเอ็น เมื่อดูกูต่อสู้กับอนาคินบนอินวิซิเบิลแฮนด์ เขาพบว่าทักษะในดีเจ็มโซของอนาคินนั้นเหนือกว่าใครๆ ที่เขาเคยเห็นมาก่อนในชีวิต

อย่างไรก็ตามการใช้รูปแบบที่ 5 ของอนาคินนั้นไม่เหมาะสมกับการทำให้ศัตรูนั้นตกมาเป็นตำแหน่งรอง มันทำให้การตัดสินมืดมัว ผลักดันเข้าให้เข้าสู่ด้านมืดของพลังในบางครั้ง สิ่งนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในการรบที่ดุเดือดของอนาคินในช่วงสงครามโคลน

เมื่อพบดูกูอีกครั้งในยุทธการคอรัสซัง เมื่อความเชี่ยวชาญในดีเจ็มโซของอนาคินรวมเข้ากับวัยที่ยังหนุ่มของเขา สภาพร่างกายที่ดีกว่า พละกำลังที่เหลือล้น และมีพลังมาก มันทำให้อนาคินสามารถสยบมาคาชิของดูกูได้ เมื่อเอาชนะดูกูอนาคินดูเหมือนว่าจะได้พิสูจน์ถึงพลังที่มากมายของเขาและทำให้เขาเป็นหนึ่งในนักดาบที่เก่งที่สุดในนิกาย มันยังพิสูจน์ให้ซีเดียสเห็นด้วยว่าอนาคินนั้นพร้อมที่จะเป็นศิษย์ของเขาแล้ว

เมื่ออนาคิน สกายวอล์คเกอร์เข้าสู่ด้านมืดและกลายเป็นดาร์ธ เวเดอร์เขาก็ยังคงใช้รูปแบบที่ 5 แต่ใช้มันไปในทางที่เลวร้ายกว่าเดิม อย่างไรก็ตามความประมาทของเขาก็กลายมาเป็นจุดอ่อนของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเก่งกว่าโอบีวัน เขาก็ยังบกพร่องเรื่องประสบการณ์ ความใจเย็น และสมาธิน้อยกว่าโอบีวัน แม้ว่าเวเดอร์จะทรงพลังด้วยด้านมืดของพลัง เขาก็ใช้อารมณ์มากไปจนมันทำให้เขาต้องพ่ายแพ้ต่อโอบีวัน

ไฟล์:Kenobi skywalker duel.jpgดีเจ็มโซของเวเดอร์ปะทะกับโซรีซูของเคโนบี

ความแข็งแกร่งของเวเดอร์มาจากการโจมตีแบบกระหน่ำในขณะที่ความแข็งแกร่งของเคโนบีมาจากการป้องกัน โอบีวันถูกจัดว่าเป็นยอดอาจารย์ในด้านรูปแบบป้องกันอย่างรูปแบบที่ 3 โซรีซูและการทุ่มเทของเขาในการวึกได้พิสูจน์ถึงชัยชนะของเขา เวเดอร์โมโหร้ายซึ่งมันทำลายการป้องกันของเขาจนเขาเสียสมาธิและความอดทนไป เคโนบีได้ประสบการณ์จากการดวลกับกรีวัสซึ่งเขาใช้คติที่ว่า"รอจนกว่าศัตรูจะเสียท่า" มันเป็นวิธีของโซรีซูที่จะต้านศัตรูจนกระทั่งเขาหรือเธอสูญเสียการโจมตี ผลที่ได้คือเวเดอร์ถูกตัดแขนขา

ในชุดช่วยชีวิตของเขามันเป็นการยากมากที่จะต่อสู้ด้วยการใช้กระบวนท่าที่พลิกแพลงอย่างอาตารู ในตอนแรกๆ ที่เขาได้สวมชุดเวเดอร์ถูกบังคับให้ต้องใช้พละกำลังมหาศาลกระแทกศัตรูออกไปและสังหารศัตรูที่ล้มลงรวมทั้งผสมโซรีซูเข้ากับอาตารูอีกด้วย

อย่างไรก็ตามเวเดอร์สามารถที่จะไปให้เหนือขีดจำกัดของเขาได้อย่างรวดเร็วด้วยการพัฒนาดีเจ็มโซที่รวมเข้ากับอาตารูและโซรีซูและมาคาชิเอาไว้ ด้วยรูปแบบใหม่นี้เวเดอร์สามารถนำความคล่องแคล่วกลับมาได้อีกครั้งและเพลงดาบของเขาก็มีประสิทธิภาพมาก เป็นเพลงดาบที่คาดเดาได้ยาก ไม่มีอะไรมากนอกจากการฟาดฟันเพื่อสังหาร

เวเดอร์นั้นสามารถผสมผสานเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้มากมาย บางครั้งก็สู้โดยใช้มือเดียวเพื่อความแม่นยำแต่ประหยัดพลังงาน เขาได้ใช้รูปแบบดังกล่าวกับโอลี สตาร์สโตนและลุค สกายวอล์คเกอร์ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาต้องป้องกันตัวเองเวเดอร์จะต่อสู้โดยใช้สองมือจับด้ามดาบโดยใบมีดจะยื่นไปที่ด้านหน้าของเขา ซึ่งเปลี่ยนตำแหน่งได้โดยเพียงขยับข้อมือเท่านั้น ขณะที่มันเหมาะสำหรับการป้องกันช่วงตัวของเขาและแผงควบคุม การใช้รูปแบบนี้ก็ทำให้แขนขาของเวเดอร์ตกเป็นเป้าได้ เวเดอร์ใช้รูปแบบดังกล่าวต่อกรกับโรอัน ชรีนในช่วงยึดครองคาชีคและกับโอบีวัน เคโนบีในตอนที่เขาต่อสู้กันบนดาวมรณะดวงแรก

ขณะที่เขาใช้รูปแบบดัดแปลงเพื่อเพิ่มผลสูงสุดเวเดอร์ก็ทำการล่าถอยในบางครั้งในช่วงแรกๆ ที่เขาใช้ชุดอย่างงุ่มง่าม เป็นการกระหน่ำโจมตีอย่างที่เห็นตอนที่เขาต่อสู้กับลุค สกายวอล์คเกอร์บนเบสพิน

ไฟล์:Return of the jedi 4.jpgเวเดอร์และลุคกำลังใช้ดีเจ็มโซ

หลังจากที่เขาได้รับบทเรียนจากการดวลกับเคโนบีเขาก็ได้เรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ขณะปะทะกับศัตรูและหาทางที่จะควบคุมด้านมืดเพื่อไม่ให้มันบดบังความคิดของเขา

ประมาณ 3.5 ปีหลังยุทธการยาวินเวเดอร์ได้สั่งให้ดรอยด์ที่ใช้กระบี่แสงต่อสู้กับเขา พวกมันรวดเร็วและแข็งแรงกว่าคนปกติทั่วไปและถูกโปรแกรมด้วยทักษะดายและรูปแบบการต่อสู้มากมาย เวเดอร์สามารถเอาชนะพวกมันได้ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม เมื่อทักษะของเขาได้รับการพัฒนาแล้วเวเดอร์ก็พบว่าพวกดรอยด์ก็ง่ายเกินไปที่จะเอาชนะจนเขาเริ่มต่อสู้แบบสองต่อหนึ่งแทน

ลุค สกายวอล์คเกอร์ยังสามารถต่อสู้กับซิธลอร์ดได้ระยะหนึ่งบนเบสพินถึงแม้ว่าจะได้รับการฝึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อถึงตอนที่อยู่บนดาวมรณะลุคได้สะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบที่ 5 ของเวเดอร์ด้วยการต่อสู้อย่างดุเดือด สิ่งนี้ทำให้ลูกชายของเขามีพลังเพิ่มขึ้นจะเจาะทะลุการป้องกันของเวเดอร์และได้เปรียบเหนือซิธลอร์ดที่มีประสบกาณ์ ในที่สุดลุคก็สามารถเอาชนะลอร์ดมืดได้

แหล่งที่มา

WikiPedia: อนาคิน_สกายวอล์คเกอร์ http://i.imgur.com/18WeFBs.jpg http://www.starwars.com/databank/ http://www.starwars.com/databank/anakin-skywalker http://www.starwars.com/databank/bail-organa http://www.starwars.com/databank/beru-lars http://www.starwars.com/databank/character/anakins... http://www.starwars.com/databank/cliegg-lars http://www.starwars.com/databank/darth-vader http://www.starwars.com/databank/luke-skywalker http://www.starwars.com/databank/owen-lars