การผลิต ของ อสุรกายดงดิบ

แนวคิด

เริ่มมีการพัฒนาแนวคิด อสุรกายดงดิบ ขึ้นเมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2004 เมื่อลอยด์ เบราน์ หัวหน้าของเอบีซีขณะนั้น สั่งให้ทางสเปลลิงเทเลวิชันเริ่มเขียนบทโดยยึดแนวความคิดหลาย ๆ เรื่องจากนิยาย Lord of the Flies ภาพยนตร์ Cast Away ซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Gilligan's Island และรายการเรียลลิตี้ยอดนิยม เซอร์ไวเวอร์ แกดิ พอลแล็กอธิบายว่า "อิทธิพลของ อสุรกายดงดิบ มาจากเกม Myst"[14] เจฟฟรีย์ ลีเบอร์ถูกจ้างให้มาเขียนบทในชื่อ Nowhere ให้เป็นฐานในตอนแรกของซีรีส์[15] แต่ก็ไม่เป็นที่น่าพึงพอใจและถูกนำมาเขียนใหม่ภายหลัง เบราน์ติดต่อเจ. เจ. แอบรัมส์ ที่ร่วมงานกับทัชสโตนเทเลวิชัน (ต่อมาคือ เอบีซีสตูดิโอ) และยังเป็นผู้สร้างซีรีส์โทรทัศน์ Alias ให้เขามาเขียนบทตอนแรกใหม่ ถึงแม้ว่าแรกเดิมจะลังเลอยู่ แอบรัมส์ก็เริ่มแนวคิดในเงื่อนไขของซีรีส์ที่จะให้เป็นในมุมเรื่องลึกลับ เขาได้ร่วมงานกับเดมอน ลินเดลอฟในการร่วมคิดแนวทางและตัวละครของเรื่อง[16] ทั้งแอบรัมส์และลินเดลอฟร่วมกันเขียนคู่มือของซีรีส์ขึ้นและคิดและสร้างรายละเอียดหลักของแนวความคิดของเรื่องและประเด็นเนื้อหาของแนวความคิดตลอด 5 ถึง 6 ฤดูกาลของรายการ[17][18] การพัฒนาถูกบีบด้วยเส้นตายที่เร่งรีบ ที่จะต้องเสร็จปลายปี 2004 ถึงแม้ว่าตารางงานอันสั้นนี้ ทีมสร้างก็ยังคงความยืดหยุ่นและดัดแปลงตัวละครให้เหมาะกับตัวละครที่เขาหวังได้[19]

ตอนเปิดตัวสองตอนของ อสุรกายดงดิบ ถือว่าเป็นตอนที่แพงที่สุดของประวัติศาสตร์ มีการรายงานว่าใช้เงินระหว่าง 10-14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[20] เมื่อเทียบกับตอนเปิดตัวของซีรีส์ในปี 2005 ที่ตกอยู่ราว 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[21] ซีรีส์เปิดตัวเมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2004 ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีและประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจในฤดูกาลโทรทัศน์ของปี 2004 เช่นเดียวกับซีรีส์ใหม่ ๆ อย่าง Desperate Housewives และ Grey's Anatomy ที่ประสบความสำเร็จไปด้วยกัน อสุรกายดงดิบ ยังช่วยต่อโชคให้กับสถานีเอบีซี[22] แต่ก่อนที่จะได้ออกอากาศนั้น ลอยด์ เบราน์ถูกไล่ออกจากตำแหน่งที่บริษัทเครือเอบีซี เพราะทำเรตติ้งต่ำให้กับสถานีและเพราะให้ไฟเขียวกับโครงการนี้ที่แพงและเสี่ยง[16] รอบปฐมทัศน์โลกของตอนเปิดตัวฉายเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 2004 ที่งานคอมิกคออินเตอร์เนชันแนล ในแซนดีเอโก[23]

รูปแบบตอน

ตอนส่วนใหญ่ของเรื่องจะมีโครงสร้างที่ชัดเจน เริ่มจากภาพสรุปเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องของตอนที่จะเล่าเรื่อง โดยมากแต่ละตอนมักจะถ่ายเข้าไปที่ตาของตัวละคร พอถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อของการสรุปจะตัดไปที่พื้นสีดำที่มีตัวหนังสือ "Lost" เขียน เป็นภาพเบลอนอกโฟกัส เลื่อนเข้าผ่านคนดู คลอไปด้วยเสียงในลักษณะลางร้าย แปร่งหู เริ่มต้นกับรายชื่อผู้มีส่วนร่วมงานโดยเรียงตามอักษรของนามสกุลขณะดำเนินเรื่อง (รายชื่อจะวิ่งก่อนจะเข้าไตเติล) ขณะที่เรื่องราวดำเนินต่อไป แต่ละตอนจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นอกเกาะที่มีภาพย้อนหลังและเหตุการณ์อนาคต โดยมุ่งเน้นไปที่แต่ละตัวละคร ตอนแต่ละตอนส่วนใหญ่จะจบลบด้วยปมปริศนาที่ค้างคาใจ เผยในวินาทีสำคัญก่อนที่จะตัดจบลบไปด้วยไตเติลกราฟิกรายการ นอกจากนี้ในส่วนอื่น การแก้ปัญหาเรื่องเนื้อเรื่อง จะจบฉากนั้นด้วยการค่อย ๆ เป็นสีดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฉากเศร้าสลด เสียงดนตรีดังไปพร้อมกับไตเติลกราฟิกรายการจะเงียบลง เพิ่มรายละเอียดให้เหตุการณ์มากขึ้น

ดนตรี

ดนตรีออร์เคสตราประกอบของ อสุรกายดงดิบ คือวงฮอลลีวูสตูดิโอซิมโฟนีออร์เคสตราและประพันธ์โดยไมเคิล จิแอชชิโน ในหลากหลายธีมของเนื้อเรื่อง เหตุการณ์ สถานที่และตัวละคร จิแอชชิโนอธิบายว่าเสียงของเพลงประกอบใช้เครื่องดนตรีที่แปลกแตกต่างไปอย่างเช่น เสียงปะทะของชิ้นส่วนลำตัวเครื่องบิน[24] ในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 2006 ค่ายเพลง Varèse Sarabande ออกอัลบั้มเพลงประกอบซีรีส์โทรทัศน์ อสุรกายดงดิบ ของฤดูกาลแรก[25] อัลบั้มเพลงประกอบยังมีเพลงธีมในรูปแบบเต็ม ที่เป็นไตเติลรายการหลัก แต่งโดยผู้สร้างซีรีส์ เจ. เจ. แอบรัมส์[25] Varèse Sarabande ยังออกอัลบั้มเพลงประกอบในฤดูกาลที่ 2 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 2006[26] อัลบั้มเพลงประกอบฤดูกาลที่ 3 ออกวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 และฤดูกาลที่ 4 ออกเมื่อ 11 พฤษภาคม ค.ศ. 2009

ซีรีส์เรื่องนี้มีการใช้เพลงวัฒนธรรมป็อปมาใช้บ้าง แต่โดยมากใช้ดนตรีบรรเลงแบบออร์เคสตรา เมื่อมีการใช้เพลงป็อป จะใช้ในลักษณะมาจากกล่องดนตรี ตัวอย่างเช่นหลายเพลงที่เล่นบนเครื่องเล่นซีดีพกพาของเฮอร์เลย์ จะเล่นในฤดูกาลแรก (จนเมื่อแบตเตอรีหมดในตอนที่ชื่อ"...In Translation") ที่มีเพลงอย่าง "Wash Away" ของโจ เพอร์ดี หรือมีการใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงในฤดูกาลที่ 2 ที่มีเพลง "Make Your Own Kind of Music" ของแคส เอลเลียต และเพลง "Downtown" ของเพทูลา คลาร์ก เล่นในตอนแรกของฤดูกาลที่ 2 และ 3 ตามลำดับ มีสองตอนที่ชาร์ลีแสดงบนหัวมุมถนนโดยเล่นกีตาร์และร้องเพลงของวงโอเอซิสเพลง "Wonderwall" ในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 3 แจ็กขับรถบนถนนกำลังฟังเพลง "Scentless Apprentice" ของเนอร์วาน่า และในตอนสุดท้ายในฤดูกาลที่ 4 แจ็กมาถึงก็ฟังเพลง "Gouge Away" ของวงพิกซีส์ ในฤดูกาลที่ 3 ยังเล่นเพลง "Shambala" ของทรีด็อกไนต์ถึง 2 ครั้งในรถแวน และมีเพลงป็อปเพียง 2 เพลงที่เล่นโดยไม่ได้มาจากวิทยุ (ไม่มีแหล่งที่มา) คือเพลง "Slowly" ของแอน-มาร์เกรต ในตอนที่ชื่อ "I Do" และ "I Shall Not Walk Alone" เขียนโดยเบน ฮาร์เปอร์ นำมาทำใหม่โดยวงเดอะไบลนด์บอยส์ออฟอะแลบามา ในตอน "Confidence Man" ส่วนเพลงอื่นที่ใช้ในการออกอากาศนานาชาติ เช่นในญี่ปุ่น ธีมเพลงในแต่ละฤดูกาลใช้เพลงที่แตกต่างกันเพลงเช่น ในฤดูกาลแรกใช้เพลง "Here I Am" ของวงเคมิสทรี ฤดูกาลที่ 2 ใช้เพลง "Losin'" ของยูนะ อิโตะ และฤดูกาลที่ 3 ใช้เพลง "Fire Walk With Me" ของ Fantômas

สถานที่ถ่ายทำ

ท่าจอดเรือในฮาวาย ที่เห็นในตอน "Live Together, Die Alone"

อสุรกายดงดิบ ถ่ายทำโดยใช้กล้องพานาวิชัน 35 มม. ส่วนใหญ่ถ่ายทำบนเกาะโอวาฮู รัฐฮาวาย ตอนแรกถ่ายทำที่หาดโมกูเลเอีย ใกล้กับปลายตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ ต่อมาฉากหาดถ่ายทำในชายหาดที่ไม่มีคนของนอร์ธชอร์ ฉากถ้ำของฤดูกาลแรกถ่ายทำในฉากที่สร้างขึ้นในโรงเก็บของซีรอกซ์ ที่เคยว่างมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ยิงกันตายของลูกจ้างในปี 1999[27] ทีมงานซาวด์สเตจและทีมโปรดักชันได้ย้ายสำนักงานไปยังสำนักงานฮาวายฟิล์ม ดำเนินงานกับฮาวายฟิล์มสตูดิโอ[28] ที่เห็นได้ในตอน "Swan Station" ของฤดูกาลที่ 2 และ "Hydra Station" ของฤดูกาลที่ 3 ที่ได้สร้างฉากตกแต่งภายในด้วย[29] มีหลายที่ในเมืองโฮโนลูลู ได้ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำแทนหลายที่ทั่วโลก อย่างแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก ไอโอวา ไมแอมี เกาหลีใต้ อิรัก ไนจีเรีย สหราชอาณาจักร ปารีส ประเทศไทย เบอร์ลินและออสเตรเลีย อย่างเช่นฉากสนามบินซิดนีย์ ถ่ายทำที่ฮาวายคอนเวนชันเซนเตอร์ ขณะที่บังเกอร์สมัยสงครามโลกครั้งที่สองก็ใช้เป็นฉากทหารอีรัก เช่นเดียวกันกับฉากฤดูหนาวในเยอรมนีก็ถ่ายทำในละแวกฮาวายเช่นกัน โดยนำน้ำแข็งโปรยไปทั่วบริเวณเพื่อให้เป็นหิมะและใช้ป้ายทะเบียนรถเยอรมันของรถบนถนน[30] มีหลายฉากในตอนสุดท้ายของฤดูกาลที่ 3 "Through the Looking Glass" ถ่ายทำในลอสแอนเจลิส รวมถึงโรงพยาบาลที่ยืมมาจากเรื่อง Grey's Anatomy สองฉากในฤดูกาลที่ 4 ถ่ายทำในลอนดอนเพราะอลัน เดล ที่แสดงเป็นวิดมอร์อยู่ในช่วงที่แสดงละครเพลงเรื่อง Spamalot ไม่สามารถมาฮาวายได้[31]

การออกฉายออนไลน์

นอกจากที่จะออกฉายทางฟรีทีวีและเผยแพร่ผ่านดาวเทียมแล้ว อสุรกายดงดิบ ยังเป็นแถวหน้าในการใช้วิธีเผยแพร่แบบใหม่ โดยถือว่าเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่มีในร้านดนตรีไอทูนส์ของแอปเปิล คอมพิวเตอร์ สามารถเล่นได้ในเครื่องไอพอดหรือซอฟต์แวร์ของทางไอทูนส์ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ. 2005 ตอนใหม่ ๆ ที่ไม่มีโฆษณาสามารถมีให้ดาวน์โหลดในวันที่ออกอากาศหลังออกอากาศทางช่องเอบีซี สำหรับผู้ชมชาวอเมริกัน และเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2007 อสุรกายดงดิบ ก็ถือเป็นรายการโทรทัศน์รายการเดียวที่มีให้ดาวน์โหลดในร้านของสหราชอาณาจักร และตั้งแต่ออกอากาศในฤดูกาลที่ 4 ในสหราชอาณาจักร ตอนต่าง ๆ ของ อสุรกายดงดิบ ก็มีอยู่ในเว็บไซต์ของสกายวันในวันจันทร์หลังจากที่ออกอากาศวันอาทิตย์[32] และในเยอรมนี อสุรกายดงดิบ ก็ถือเป็นรายการโทรทัศน์รายการแรกที่มีอยู่ในร้านดนตรีไอทูนส์ของเยอรมนี[33]

ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2006 ดิสนีย์ประกาศมาว่า อสุรกายดงดิบ สามารถดูได้ฟรีในรูปแบบสตรีมมิง แต่มีโฆษณาของเว็บไซต์เอบีซี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธในอนาคตของการเผยแพร่แบบทดลองเป็นระยะเวลา 2 เดือน การทดลองนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ค.ศ. 2006 เป็นเหตุกระตุ้นช่องที่กลัวจะถูกตัดงบโฆษณาออก การสตรีมมิงตอนของ อสุรกายดงดิบ ทำโดยตรงโดยเว็บไซต์ของเอบีซี ซึ่งอนุญาตให้ดูได้เฉพาะผู้ชมในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากติดปัญหาการตกลงเรื่องลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ[34][35] เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2008 ทุกตอนของฤดูกาลที่ 1-4 มีฉายในรูปแบบสตรีมมิงความละเอียดสูง แต่สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาที่ใช้ระบบปฏิบัติการไมโครซอฟท์และแอปเปิล ตอนใหม่ ๆ จะมีให้ชมในวันนั้นหลังจากออกอากาศในช่วงไพรม์ไทม์ ผู้ชมต้องรับชมโฆษณาก่อนเป็นความยาว 5 หรือ 30 วินาที ก่อนที่จะเข้าสู่ตอนของเรื่อง โฆษณาที่ปรากฏทับกราฟิกโฆษณาด้วยวิดีโอเล็ก ๆ และมักจะเป็นโฆษณาดัง ต่อมาในปี 2009 อสุรกายดงดิบ ถือเป็นรายการที่ถูกรับชมมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ตของผู้ชมทางเว็บไซต์ของเอบีซี บริษัทนีลเซนสำรวจข้อมูล รายงานว่าผู้ชม 1.425 ล้านคน (ไม่ซ้ำกัน) ดูอย่างน้อย 1 ตอนบนเว็บไซต์เอบีซีนี้[36]

ตอนต่าง ๆ จากทั้งฤดูกาลแรกและฤดูกาลที่สอง มีให้ชมทางเว็บไซต์แชนเนลโฟร์ในสหราชอาณาจักร แต่ได้หมดไปแล้ว[37] ทั้งสองส่วนของตอน "Pilot" มีให้ชมฟรี ส่วนตอนอื่นต้องจ่าย 0.99 ปอนด์ในการรับชม เนื่องจากติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ การชมจึงสามารถรับชมเฉพาะผู้ใช้ในสหราชอาณาจักร เวอร์จินมีเดียมีตอนต่าง ๆ ในสามฤดูกาลแรกแบบตามขอผ่านทาง "ทีวีชอยซ์ออนดีมานด์" ผู้ชมสามารถรับชมที่ความละเอียดสูงหรือความละเอียดมาตรฐานได้ ล่าสุดมีเพียงฤดูกาลที่สองและสามเท่านั้น ส่วนตอนทั้งหมดมีให้ฟรีสำหรับผู้สมัครเวอร์จินมีเดีย เมื่อ 25 พฤศจิกายน ตอนต่าง ๆ ของ อสุรกายดงดิบ มีผ่านทางบริการวีโอดีของสกายเอนีไทม์ ผู้ใช้ที่สมัครอย่างถูกต้องของสกายสามารถดาวน์โหลดตอนของ อสุรกายดงดิบ ได้ฟรี อย่างไรก็ตาม ก็ได้ยกเลิกไปแล้วเช่นกัน สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสกาย สามารถจ่ายล่วงหน้าในการแลกเปลี่ยนการรับชมตอนของเรื่องได้ ส่วนเว็บไซต์อื่นที่เผยแพร่อย่างเช่น เว็บไซต์ทีเอฟวันของฝรั่งเศส[38] เอโอแอล วิดีโอ[39] เอกซ์บอกซ์ไลฟ์ของไมโครซอฟท์[40] และฮอต วีโอดี ของอิสราเอล

การออกในรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์

ฤดูกาลแรกของ อสุรกายดงดิบ ออกในรูปแบบดีวีดีภายใต้ชื่อ Lost: The Complete First Season เป็นบอกซ์เซต มีจำนวน 7 แผ่น ไวด์สกรีน โซน 1 ออกขายในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 6 กันยายน ค.ศ. 2005 สองอาทิตย์หลังจากปฐมทัศน์ฤดูกาลที่ 2 จัดจำหน่ายโดยบัวนาวิสตาโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ นอกจากตอนทั้งหมดที่ออกอากาศแล้ว ยังมีดีวีดีพิเศษอย่างเช่น คำบรรยายแต่ละตอน เบื้องหลังการถ่ายทำ การทำงาน เช่นเดียวกับฉากที่ถูกลบออกไป โดยฉายสลับฉายจริงกับที่หลุดคิว และต่อมาออกวางขายรูปแบบเดียวกันโซน 4 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 และโซน 2 เมื่อ 16 มกราคม ค.ศ. 2006 สำหรับการออกในโซน 2 ในการออกในรูปแบบมาตรฐานทั่วไป จะแบ่งออกเป็นสองส่วนเป็นครั้งแรก ส่วนแรกเป็น 12 ตอนแรกของซีรีส์ มี 4 แผ่น ไวด์สกรีน เป็นดีวีดีบอกซ์เซต ขายเมื่อ 31 ตุลาคม ค.ศ. 2005 ขณะที่อีก 13 ออกขายวันที่ 16 มกราคม ค.ศ. 2006 ส่วนโซน 1 ก็ออกขายแบบแยกส่วนเป็น 2 บอกซ์เซตเหมือนกัน ในสองฤดูกาลแรกออกขายในรูปแบบบลูเรย์ เมื่อ 16 มิถุนายน ค.ศ. 2009[41]

ฤดูกาลที่สอง ออกวางขายในชื่อ Lost: The Complete Second Season - The Extended Experience เป็นบอกซ์เซต มีจำนวน 7 แผ่น ไวด์สกรีน โซน 1 ออกวาขายในสหรัฐอเมริกาเมื่อ 5 กันยายน ค.ศ. 2006 และดีวีดีโซน 2 เมื่อ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2006 ทั้ง 2 แบบมีดีวีดีพิเศษอยู่ด้วย ที่มีฉากเบื้องหลัง ฉากที่ถูกลบ และตาราง "Lost Connections" ที่แสดงความเชื่อมโยงของตัวละครบนเกาะและความสัมพันธ์ต่อกันด้วย[42] เช่นเดียวกัน ซีรีส์แบ่งออกเป็น 2 ส่วนสำหรับโซน 2 โดย 12 ตอนแรกออกขายในรูปแบบบอกซ์เซต 4 แผ่น ไวด์สกรีน ออกขายเมื่อ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2006 ขณะที่ตอนที่เหลือของซีรีส์ออกขายรูปแบบบอกซ์เซต 4 แผ่นเมื่อ 2 ตุลาคม ค.ศ. 2006 ส่วนโซน 4 ออกขายเมื่อ 4 ตุลาคม ค.ศ. 2006

ฤดูกาลที่สาม ออกวางขายในชื่อ Lost: The Complete Third Season - The Unexplored Experience ในรูปแบบดีวีดีและบลูเรย์ โซน 1 เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 2007[43] เช่นเดียวกับฤดูกาลแรกและฤดูกาลที่สอง ฤดูกาลที่สามออกขายโดยมีส่วนของเสียงบรรยาย ทั้งนักแสดงและทีมงาน โบนัสพิเศษ ฉากที่ถูกลบออกไปและฉากหลุด ฤดูกาลที่ 3 ออกขาย โซน 2 รูปแบบดีวีดีเมื่อ 22 ตุลาคม ค.ศ. 2007 ออกครบทั้งหมด ทั้งชุด ไม่เหมือนกับฤดูกาลที่ผ่านมา

ฤดูกาลที่สี่ ออกวางขายในชื่อ Lost: The Complete Fourth Season - The Expanded Experience โซน 1 ออกขายเมื่อ 9 ธันวาคม ค.ศ. 2008 ทั้งดีวีดีและบลูเรย์[44] ดีวีดีโซน 2 ออกขายเมื่อ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2008[45] มีส่วนของเสียงบรรยาย ฉากที่ถูกลบออกไป ฉากหลุดและโบนัสพิเศษ[46]

ดีวีดีของสามฤดูกาลแรกประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างดี บอกซ์เซตฤดูกาลแรกมียอดขายติดอันดับ 2 เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2005[47] และบอกซ์เซตฤดูกาลที่สองของดีวีดี ติดอันดับ 1 ในสัปดาห์แรกที่วางขายเมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ถือว่าเป็นดีวีดีจากรายการโทรทัศน์รายการที่ 2 ที่ขึ้นชาร์ตอันดับ 1[48] ยอดขายวันแรกของดีวีดี อสุรกายดงดิบ ฤดูกาลที่สองมียอดขายสูงราว 500,000 ชุด[49] บอกซ์เซตของดีวีดีฤดูกาลที่สาม ขายได้ 1,000,000 ชุดใน 3 สัปดาห์[50]

แหล่งที่มา

WikiPedia: อสุรกายดงดิบ http://www.smh.com.au/news/tv--radio/asking-for-tr... http://www.ctv.ca/servlet/ArticleNews/show/CTVShow... http://abcmedianet.com/pressrel/dispDNR.html?id=05... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=050... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=051... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=053... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=061... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=061... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=062... http://abcmedianet.com/web/dnr/dispDNR.aspx?id=121...