ในศาสนาอิสลาม ของ อัลฆ็อยบ์

ในเนื้อหาศาสนาอิสลาม อัลฆ็อยบ์สื่อถึงความลับที่เหนือเหตุผลหรือพระผู้เป็นเจ้า โดยกล่าวถึงในอัลกุรอาน 60 ที่ ในหกรูปแบบ โดยทั่วไปมี 3 ความหมาย:[4]

  1. ความลับ – "ทั้งนี้เพื่อให้เขารู้ว่า แท้จริงฉันมิได้ทรยศต่อเขาโดยลับหลัง และแท้จริงอัลลอฮ์จะไม่ทรงชี้แนะแนวการวางแผนของพวกทรยศ" [5] (ซูเราะฮ์ที่ 12:52)
  2. ไม่ทราบหรือสิ่งเร้นลับ – "ผู้ทรงรอบรู้สิ่งเร้นลับและสิ่งเปิดเผยผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่งยิ่ง" [6] (ซูเราะฮ์ที่ 13:9)
  3. อนาคต – "จงกล่าวเถิดว่า (มุฮัมมัด) ว่า "ฉันไม่มีอำนาจที่จะครอบครองประโยชน์ใด ๆ และโทษใด ๆ ไว้เป็นกรรมสิทธิ์แก่ตัวของฉันได้ นอกจากสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประสงค์เท่านั้น และหากฉันเป็นผู้ที่รู้สิ่งเร้นลับแล้ว แน่นอนฉันก็ย่อมกอบโกยสิ่งที่ดีไว้มากมายแล้ว และความชั่วร้ายก็ย่อมไม่ต้องฉันได้ ฉันมิใช้ใครอื่น นอกจากผู้ตักเตือน และผู้ประกาศข่าวดีแก่กลุ่มชนที่ศรัทธาเท่านั้น""[7] (ซูเราะฮ์ที่ 7:188) [4]

ประเภท

ประเภทหลักของอัลฆ็อยบ์มี 2 แบบ:

  1. อัลฆ็อยบุลมุฏลัก (الغيب المطلق) - ฆ็อยบ์แบบสมบูรณ์ สื่อถึงความรู้ทั้งหมดที่ถูกซ่อนเร้นหรือปิดบัง และมีแค่อัลลอฮ์เท่านั้นที่รู้ ดังปรากฎในอัลกุรอานว่า: "และที่พระองค์นั้นมีบรรดากุญแจแห่งความเร้นลับ โดยที่ไม่มีใครรู้กุญแจเหล่านั้น นอกจากพระองค์เท่านั้น…" [8] (ซูเราะฮ์ที่ 6:59) [9]

ตัวอย่างรูปแบบแบบของอัลฆ็อยบ์จากรายงานของศาสดามุฮัมมัดว่า: รายงานจากอับดุลลอฮ์ อิบน์ อุมัรว่า ศาสนทูตของอัลลอฮ์กล่าวว่า "กุญแจของอัลฆ็อยบ์ (ความรู้ที่ซ่อนเร้น) มี 5 อย่าง ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้นนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรอยู่ในมดลูกนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีใครรู้ว่าฝนจะตกเมื่อใดนอกจากอัลลอฮ์ ไม่มีวิญญาณใดรู้ว่าตนจะตายที่ไหนนอกจากอัลลอฮ์ และไม่มีใครรู้ว่าวันสิ้นโลกจะเกิดในวันไหนนอกจากอัลลอฮ์[10]

  1. อัลฆ็อยบุนนิสบี (الغيب النسبي) - ใกล้เคียงกับอัลฆ็อยบ์ เป็นสิ่งที่มีกับบุคคลและสถานการณ์ ดังนั้นถ้าซ่อนเร้นจากผู้อื่น ก็จะเป็นที่ประจักษ์แก่คนนั้น ตัวอย่างเช่น ในห้องเรียน นักเรียนสามารถเห็นครูผู้สอนได้ ได้ยินเนื้อหา และบทสนทนาในห้องเรียน ในขณะที่คนด้านนอกจะไม่รู้ถึงสถานการณ์ในห้องเรียนเลย[9]